บมจ. สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ (SF) กำไรจะฟื้นตัวขึ้น หลังจากชะลอตัวในปี 2550
ทยอยสะสม ราคาปิด (บาท) 10.40 ราคาเป้าหมาย (บาท) 11.90 SET Index 824.99
* กำไรไตรมาส 4/50 ลดลง 24% yoy SF มีกำไรไตรมาส 4/50 ลดลง 24% yoy เป็น 27 ล้านบาท มีสาเหตุหลักมาจากรายได้ สัญญาเช่าการเงิน (Finance lease คือรายได้ก้อนหนึ่งที่ได้รับจากผู้เช่าระยะยาว) ที่ลดลงถึง 84% yoy เนื่องจากในไตรมาส 4/49 มีโครงการใหญ่คือเอสพลานาด แต่ไตรมาส 4/50 มีการบันทึกรายได้สัญญา เช่าการเงินบางส่วนของโครงการพัทยา ขณะที่ดอกเบี้ยจ่ายก็เพิ่มขึ้นมากจากการกู้ยืมเพื่อมาขยายโครงการ ใหม่ๆ อย่างไรก็ดีรายได้ค่าเช่าและบริการยังเติบโตถึง 84% จากการรับรู้รายได้จากโครงการพัทยาและ การที่อัตราเข้าเช่าของโครงการเอสพลานาดเพิ่มจาก 90% มาเป็น 97%
* รายได้สัญญาเช่าการเงินที่ลดลงกระทบกำไรปี 2550 ปี 2550 กำไรสุทธิลดลง 24% เป็น 308 ล้านบาท (0.60 บาท/หุ้น) จากการที่รายได้สัญญา เช่าการเงินลดลง 40% เป็น 718 ล้านบาทเนื่องจากปี 2549 มีการเปิดโครงการใหม่ด้วยพื้นที่เช่ารวม 91,677 ตารางเมตรซึ่งรวมโครงการเอสพลานาดซึ่งมีพื้นที่เช่ามากถึง 44,164 ตารางเมตร ส่วนในปี 2550 มีพื้นที่เช่ารวมเพิ่มขึ้น 30,507 ตารางเมตรจากการเปิดโครงการพัทยาและเขาใหญ่ มาร์เก็ต วิลเลจ อย่างไรก็ดีรายได้ค่าเช่าเพิ่มขึ้นถึง 71% เป็น 775 ล้านบาทเนื่องจากพื้นที่เช่าเพิ่มขึ้นจาก 188, 514ตารางเมตรในปี 2549 เป็น 219,021 ตารางเมตร โดยมีการรับรู้รายได้ค่าเช่าเต็มปีจากโครงการ เอสพลานาด บริษัทยังได้ประกาศจ่ายเงินปันผล 0.25 บาท/หุ้น (XD วันที่ 3 เมษายน) คิดเป็นอัตราผล ตอบแทน 2.4%
* โครงการเดิมและโครงการใหม่ช่วยผลักดันผลประกอบการ กำไรมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นเนื่องจากการเติบโตต่อเนื่องของรายได้ค่าเช่าตามพื้นที่เช่าที่มากขึ้น โดยที่อัตราเข้าเช่าเฉลี่ยทุกโครงการยังคงอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 90% ประกอบกับสัญญาเช่าระยะสั้นจะมี การปรับขึ้นค่าเช่าเฉลี่ย 5-10% ต่อปี นอกจากนั้นรายได้ยังถูกผลักดันจากการเปิดโครงการใหม่ 3 โครงการในปีนี้ที่ สุขาภิบาล 1 รัชโยธิน และเกษตร-นวมินทร์ ด้วยพื้นที่เช่ารวมประมาณ 42,000 ตาราง เมตร ซึ่งคาดว่าจะทำให้ SF สามารถบันทึกรายได้สัญญาเช่าการเงินได้ราว 966 ล้านบาท แม้เราปรับ ประมาณการกำไรปีนี้ลง 2% เป็น 414 ล้านบาท (0.79 บาท/หุ้น) แต่ก็คาดว่ากำไรจะยังเติบโตจากปี ก่อนอยู่ 35%
* ราคาเหมาะสม 11.90 บาท SF ซื้อขายที่ PER 13.2 เท่าซึ่งมีส่วนต่างอยู่ 14% เมื่อเทียบกับราคาเหมาะสมปรับใหม่ที่ 11.90 บาท จากการประเมินมูลค่าหุ้นด้วย PER ที่ระดับ 15 เท่า เรายังคงคำแนะนำ ทยอยสะสม
บล.กิมเอ็ง |