April 20, 2024   7:54:21 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เกี่ยวกับ STARวันนี้(จะเป็นดาวหรือเป็นดอย)
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 15/09/2005 @ 09:18:47
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

เห็นแค่ชื่อ STAR ก็เป็นมงคลแล้ว สำหรับเด็กใหม่แห่งตลาดMAI นามบมจ.สตาร์ ซานิทารีแวร์(STAR)ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องสุขภัณฑ์(ส้วม) เรียกว่า เข้าซื้อขายบนกระดานหุ้น 15กันยายน 2548
นับเป็นย่างก้าวที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ ซึ่งถือหุ้นไอพีโอที่เข้ามาในช่วงเวลาที่เหมาะสม งานนี้ อันเดอร์ไรท์สาลิกาลิ้นทองอย่างบล.ไซรัส จำกัด(มหาชน)คงไม่ต้องออกแรงมากนักเพราะหากพิจารณาจากราคาเบื้องต้นกำหนดไว้ 3.45 -3.60 บาท สุดท้ายที่ลงเอย 3.50 บาทตอนดัชนีตลาดอยู่ที่ประมาณ 650 จุด
ด้านผู้บริหารนามสมชัย ว่องอรุณ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.สตาร์ ซานิทารีแวร์(STAR)ได้แสดงความมั่นอกมั่นใจว่า หุ้นSTAR จะเข้าซื้อขายในตลาดในMAI ในวันที่ 15 กันยายนนี้เชื่อว่าราคาหุ้น จะสามารถยืนเหนือราคาจองที่3.50บาท ได้อย่างแน่นอน เนื่องจากสภาวะตลาดโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ประกอบกับหุ้นที่อยู่ในตลาดมีไม่มาก เพียง 32.5 ล้านหุ้น ในขณะเดียวกันที่ราคาหุ้นยังมีส่วนลดให้กับนักลงทุน 20%
เรามั่นใจว่าราคาหุ้นจะสามารถยืนเหนือราคาจองได้อย่างแน่นอนอีกทั้งคาดว่านักลงทุนจะถือหุ้นยาว เนื่องจากมีหุ้นในตลาดไม่มาก อีกทั้งภาวะตลาดดีและการที่บริษัทนำหุ้นเทรดในช่วงช่วงเดือนกันยายนนั้นเป็นช่วงที่ไม่มีหุ้นตัวอื่นเข้าเทรดจะทำให้เป็นหุ้นที่โดดเด่นและได้รับความสนใจมาก นายสมชัยกล่าว
ที่มาการกำหนดราคาขายหุ้นSTARได้ทำโดยการประเมินมูลค่าหุ้นสามัญของบริษัทฯตามมูลค่าเชิงเปรียบเทียบกับบริษัทอื่นๆที่สามารถอ้างอิงได้ โดยพิจารณาถึงอัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น(PER)เฉลี่ยของหุ้นในกลุ่มวัสดุก่อสร้างในช่วงระยะเวลาตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนกรกฎาคม 2548 ซึ่งเท่ากับ 8.40บาท ราคาไอพีโอSTAR 3.50 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้นประมาณ 7.48 เท่า ทั้งนี้ค่ากำไรต่อหุ้น คำนวณโดยใช้กำไรสุทธิไตรมาสแรกของปี 2548 ซึ่งเท่ากับ 15.91 ล้านบาทปรับให้เป็นกำไรสุทธิเต็มปีหารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมด 136 ล้านหุ้น
เหลียวมองจุดกำเนิด บริษัท สตาร์ ซานิทารีแวร์ จำกัด แล้ว STAR
ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2533 จากการรวมตัวของกลุ่มนักลงทุนคนไทย
และบุคลากรที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมเครื่องสุขภัณฑ์จากผู้ผลิตสุขภัณฑ์รายใหญ่ของประเทศ ด้วยทุนจดทะเบียน เริ่มแรกจำนวน 100 ล้านบาท
เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องสุขภัณฑ์ดินเผาเคลือบวิเทรียสไชน่า (Vitreous China)พร้อมอุปกรณ์ประกอบห้องน้ำ ได้แก่ โถส้วมพร้อมถังพักน้ำ อ่างล้างหน้าโถปัสสาวะชาย ที่ใส่กระดาษชำระ ที่วางสบู่ เพื่อจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ ณ วันนี้ STAR มีทุนชำระแล้ว 136 ล้านบาท
กล่าวได้ว่า STAR ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานพอสมควร โดยเฉพาะช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ ปี2540 ทำให้ ณ 31 มีนาคม 2548 บริษัทฯมียอดขาดทุนสะสม 172.75 ล้านบาทจึงไม่สามารถจ่ายเงินปันผลได้อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้ดำเนินการเพื่อลดผลขาดทุนสะสมดังกล่าว โดยเมื่อเดือนมกราคม 2548บริษัทฯ ได้ลดทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จำนวน 90 ล้านบาท และเดือนมีนาคม มีการเพิ่มทุนอีกจำนวน 10ล้านบาทโดยการเสนอขายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม ทำให้ ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2548 บริษัทฯมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งสิ้น100 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะนำส่วนเกินมูลค่าหุ้นที่เกิดจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้มาชดเชยผลขาดทุนสะสมของบริษัทฯ ซึ่งจะช่วยให้บริษัทฯสามารถที่จะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้เร็วขึ้น
สรุปง่ายๆ ปีนี้ ผู้ถือหุ้นSTAR ไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินปันผล เพราะบริษัทฯยังมีปัญหาขาดทุนสะสม ซึ่งถือว่า แตกต่างจากหุ้นไอพีโอตัวอื่น ซึ่งมักจะมีการจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นอีกด้วย สิ่งนี้คือจุดด้อยของ STAR ใช่หรือไม่ ล้วนเป็นสิ่งที่น่าขบคิด....
สำหรับท่ามกลางเส้นทางการเติบโตของ STAR ล้วนเต็มไปด้วยการแข่งขัน โดยสตาร์ฯยังมีความเสี่ยงจากการเปิดเสรีการค้าระหว่างไทย-จีน ซึ่งมีข้อตกลงการลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าประเภทเครื่องสุขภัณฑ์จากร้อยละ 30 เป็น ร้อยละ 20 ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2548และเหลือร้อยละ0 ภายในวันที่ 1 มกราคม2553
ขณะที่ไทยได้เริ่มเปิดการเจรจาการเปิดเสรีทางการค้าหรือFTAกับประเทศอื่นรวมทั้งข้อตกลงขององค์การการค้าโลก(WTO) ยิ่งทำให้มีการลดอัตราภาษีนำเข้า สำหรับประเทศที่มิใช้สมาชิกในกลุ่ม AFTAเพิ่มขึ้นในอนาคต
วันใด จีน เปิดฉากลุยตลาดเครื่องสุขภัณฑ์เต็มลูกสูบ ด้วยการผลิตที่มีคุณภาพใกล้เคียงกัน(ราคาถูก)กับ STAR งานนี้อาจทำให้ดาวอย่าง STAR ที่อยู่บนท้องฟ้า แปรสภาพเป็นดาวตก ก็ได้ แม้จะมีแผนงานรับศึกใหญ่ที่รออยู่ข้างหน้าก็ตาม นี่คือ โจทย์ใหญ่ที่รออยู่ข้างหน้า...
ในแง่สำหรับผลประกอบการ ปี 2546 STAR มีรายได้รวม 244.62 ล้านบาทกำไรสุทธิ 36.54 ล้านบาท ปี 2547 รายได้รวม 285.33 ล้านบาท กำไรสุทธิ 346.72 ล้านบาทและไตรมาส1/48 มีรายได้รวม 82.55 ล้านบาท กำไรสุทธิ 15.91 ล้านบาท
STAR มียอดขายเกือบ 80% เป็นตลาดต่างประเทศ โดยส่วนใหญ่คือ ประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา ประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น และที่เหลืออีก 20% มาจากตลาดในประเทศ โดย ปี 2548จะเพิ่มสัดส่วนยอดขายในประเทศเป็น 25% จาก 20% ในปี 2547และจะเพิ่ม30% ในปี 2549
อีกซีกหนึ่งในมุมมองโบรกเกอร์ได้ประเมินราคาพื้นฐานSTAR ไว้น่าสนใจดังนี้
บทวิเคราะห์ บล.ฟาร์อีสท์ได้ประเมินมูลค่าเหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐาน ณ สิ้นปี 48ของ STAR โดยอิงจาก Prospective P/E ปี 48 ของกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่ 8 เท่า ได้ 3.88 บาท จึงมี upside จากราคา IPO 11%
บทวิเคราะห์ บล.นครหลวงไทย ให้ความเห็นว่าSTARเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องสุขภัณฑ์ดินเผาเคลื่อบวิเทรียสไชน่าพร้อมอุปกรณ์ประกอบห้องน้ำการผลิตเน้นสินค้าที่มีคุณภาพตามมาตฐานของประเทศต่าง ๆ มีการส่งออกไปยังต่างประเทศ 75-80 %ตลาดส่งออกหลักคือ อังกฤษ ญี่ปุ่นและอเมริกา
บริษัทมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยยอดขายในปี48จะเพิ่มขึ้นทั้งจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นและการปรับราคาขายเพิ่มขึ้นทำให้บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าในปีนี้บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานปกติประมาณ 59.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 58% ซึ่งหลังจากเพิ่มทุนแล้วจะทำให้ D/Eลดลงเหลือ 1.02 เท่าและประเมินมูลค่าโดยใช้สมมุติฐาน P/E ที่ 9เท่าเทียบกับอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างและหลักทรัพย์ที่ใกล้เคียงกันได้ตามปัจจัยพื้นฐานปี48 อยู่ที่ 3.96 บาทต่อหุ้น
ขณะที่บทวิเคราะห์ของ บล.ฟิลลิปให้ความเห็นว่า STARมีสถานะทางการตลาดที่พร้อมจะเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในส่วนของต่างประเทศและส่งออกซึ่งบนพื้นฐานของการประเมินมูลค่าหุ้นวิธี P/Eโดยใช้ P/E เดียวกัน(กระเบื้อง ปูพื้น-บุผนัง) ที่ 8 เท่า จึงประเมินมูลค่าพื้นฐานของ STAR ในปี2548และปี 2549 ที่ 3.91 บาท และ 4.58 บาท
บทวิเคราะห์ บล.ไซรัส ระบุว่า คาดยอดขาย STAR ในปี 2548 จะเติบโต 25.4 % y-y และในปี 49จะเติบโต 27.7 % y-y จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น ในส่วนของอัตรากำไรขั้นต้นในปี2548 คาดว่าจะเท่ากับ 48.4 % ขณะที่คาดว่าจะลดลงเป็น 47.5 % ในปี 2549 เนื่องจากอยู่ในช่วงเดินเครื่องจักรใหม่ซึ่งอาจทำให้เกิดค่าใช้จ่ายและอัตราการสูญเสียสูงและคาดว่ากำไรปกติจากการดำเนินงานในปี2548 และปี 2549 จะเติบโต 133.2 % y-yและ 16.0 % y-y ตามลำดับ
ทั้งนี้ ประเมินมูลค่าหุ้นโดยวิธี DCF ได้ราคาตามปัจจัยพื้นฐานที่ 4.70 บาทคิดเป็นP/E ปี 2548 และ 2549 ที่ 10.1 เท่า และ 8.7 เท่าตามลำดับ
อย่างไรก็ดี ประเมินราคาเฉลี่ยของหุ้น STAR อยู่ที่ 4.30 บาทต่อหุ้น
วันนี้(15ก.ย.)หุ้นSTAR คงทอแสงอยู่บนท้องฟ้าท่ามกลางคนจองหุ้นใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความปิติความหวัง สมหวัง รวมทั้งเจ้าของกิจการ ส่วนราคาหุ้นSTAR จะห่างจากราคาพื้นฐานจริง จริงกี่ร้อยไมล์ กี่ปีแสง ล้วนน่าจับตามอง ภายใต้บรรยากาศการลงทุนที่ลงตัวแบบสุดๆ ....ยังไง ขอให้อย่าเป็นสตาร์เพียงแค่วันเดียวควรเป็นสตาร์หลาย หลายวัน

efinancethai.com[/color:8d70d8c9db">

 กลับขึ้นบน
อาฟง
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
#1 วันที่: 15/09/2005 @ 09:27:36 : re: เกี่ยวกับ STARวันนี้(จะเป็นดาวหรือเป็นดอย)
เซียนหุ้นประเมิน STAR ราคาเป้าหมายเฉลี่ย 4.30 บาท[/color:eddd1c489b">

3 โบรกฯส่องหุ้น STAR ประเมินราคาเป้าหมายเฉลี่ย 4.30 บาท
เชื่อธุรกิจแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ด้าน บล.นครหลวงไทย คาดกำไรปีนี้ 59.7
ล้านบาท ส่วน บล.ไซรัส คาดกำไรขั้นต้นปีนี้ 48.4 % และคาดลดลงเหลือ47.5 ในปี
49 หลังเริ่มเดินเครื่องจักรใหม่
ผู้สื่อข่าว eFinancethai.com ได้รวบรวมบทวิเคราะห์ของ บมจ.สตาร์ซานิทารีแวร์
(STAR) ที่จะเข้าซื้อขายในตลาด mai วันที่ 15 ก.ย.นี้ โดยบล.นครหลวงไทย
ให้ความเห็นว่า STARเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องสุขภัณฑ์ดินเผาเคลื่อบวิเทรียส
ไชน่าพร้อมอุปกรณ์ประกอบห้องน้ำ การผลิตเน้นสินค้าที่มีคุณภาพตามมาตฐาน
ของประเทศต่าง ๆ มีการส่งออกไปยังต่างประเทศ 75-80 %ตลาดส่งออกหลักคือ
อังกฤษ ญี่ปุ่นและอเมริกา
บริษัทมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยยอดขายในปี 48จะเพิ่มขึ้นทั้งจาก
ปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นและการปรับราคาขายเพิ่มขึ้นทำให้บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้น
เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าในปีนี้บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานปกติประมาณ 59.7 ล้าน
บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 58% ซึ่งหลังจากเพิ่มทุนแล้วจะทำให้ D/E ลดลงเหลือ 1.02
เท่าและประเมินมูลค่าโดยใช้สมมุติฐาน P/E ที่ 9 เท่าเทียบกับอุตสาหกรรมวัสดุก่อ
สร้างและหลักทรัพย์ที่ใกล้เคียงกันได้ตามปัจจัยพื้นฐานปี48 อยู่ที่ 3.96 บาทต่อหุ้น
ในขณะที่บทวิเคราะห์ของ บล.ฟิลลิปให้ความเห็นว่า STAR มีสถานะทางการ
ตลาดที่พร้อมจะเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในส่วนของต่างประเทศและส่งออก
ซึ่งบนพื้นฐานของการประเมินมูลค่าหุ้นวิธี P/E โดยใช้ P/E เดียวกัน(กระเบื้อง ปูพื้น-
บุผนัง) ที่ 8 เท่า จึงประเมินมูลค่าพื้นฐานของ STAR ในปี2548 และปี 2549 ที่ 3.91
บาท และ 4.58 บาท
ด้าน บล.ไซรัส คาดยอดขาย STAR ในปี 2548 จะเติบโต 25.4 % y-y และ
ในปี 49จะเติบโต 27.7 % y-y จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น ในส่วนของอัตรากำไร
ขั้นต้นในปี 2548 คาดว่าจะเท่ากับ 48.4 % ขณะที่คาดว่าจะลดลงเป็น 47.5 %
ในปี 2549 เนื่องจากอยู่ในช่วงเดินเครื่องจักรใหม่ซึ่งอาจทำให้เกิดค่าใช้จ่าย
และอัตราการสูญเสียสูงและคาดว่ากำไรปกติจากการดำเนินงานในปี 2548 และ
ปี 2549 จะเติบโต 133.2 % y-yและ 16.0 % y-y ตามลำดับ
ทั้งนี้ ประเมินมูลค่าหุ้นโดยวิธี DCF ได้ราคาตามปัจจัยพื้นฐานที่ 4.70 บาท
คิดเป็น P/E ปี 2548 และ 2549 ที่ 10.1 เท่า และ 8.7 เท่าตามลำดับ
อย่างไรก็ดี ประเมินราคาเฉลี่ยของหุ้น STAR อยู่ที่ 4.30 บาทต่อหุ้น
 กลับขึ้นบน
บุคคลทั่วไป
บุคคลทั่วไป
#2 วันที่: 15/09/2005 @ 13:29:50 : re: เกี่ยวกับ STARวันนี้(จะเป็นดาวหรือเป็นดอย)
เกิดอะไรขึ้นค่ะ ทำไมกลายเป็น Falling STAR ไปแล้วอ่ะ แย่จังเลยซื้อไว้เยอะซะด้วยสิ .... .0002 .0002 .0002 .0002
 กลับขึ้นบน
บุคคลทั่วไป
บุคคลทั่วไป
#3 วันที่: 15/09/2005 @ 18:36:40 : re: เกี่ยวกับ STARวันนี้(จะเป็นดาวหรือเป็นดอย)
นั่นสิครับติดดอยเหมือนกัน...เกืดอาไรขึ้นกันเนี่ย .0001
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com