April 18, 2024   4:46:30 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องนั่งเล่น > ผู้พลิกประวัติศาสตร์แบรนด์ "คอตโต้"
 

???
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 410
วันที่: 26/10/2006 @ 00:31:02
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

วันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 30 ฉบับที่ 3837 (3037)

พิชิต ไม้พุ่ม ซีอีโอ นอกตำรา ผู้พลิกประวัติศาสตร์แบรนด์ คอตโต้

สัมภาษณ์พิเศษ


หากพูดถึงความเป็นเบอร์หนึ่งของวงการ วัสดุก่อสร้าง ในระดับประเทศ
สำหรับเครือซิเมนต์ไทย
หรือ Siam Cement Group (SCG) อาจไม่ใช่เรื่องยาก

แต่ในเวทีระดับโลก เชื่อแน่ว่า SCG
ต้องฝ่าฟันและงัดกลยุทธ์การต่อสู้ที่แตกต่างเพื่อก้าวไปยืนอยู่บน
ตำแหน่ง ผู้นำ ซึ่งถือเป็นภารกิจที่ท้าทายยิ่ง

แต่ SCG Building Material
หรือกลุ่มธุรกิจวัสดุก่อสร้างในเครือซิเมนต์ไทย ภายใต้การนำของ
พิชิต ไม้พุ่ม ซีอีโอหนุ่มอัมพวา วัย 50 ปี ถือเป็นกรณีศึกษา
เมื่อเขากลับใช้เวลาเพียง 5 ปี ในการ
พลิกประวัติศาสตร์สร้างแบรนด์กระเบื้อง คอตโต้
จนเทียบชั้นกับผู้เล่นระดับท็อปไฟฟ์ของโลกได้อย่าง
น่าภาคภูมิใจ

ความสำเร็จทั้งหมดไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน
แต่เกิดจากการวางแผนอย่างเป็นระบบ เปลี่ยนทั้ง
คน-องค์กร โดยปลูกฝังคำว่า อินโนเวชั่น ให้อยู่ในสายเลือด
ซึ่งวิธีคิดและก้าวย่างครั้งใหม่ของ
SCG Building Material ในอีก 5 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
ลองฟังวิสัยทัศน์จากซีอีโอมาดลูกทุ่ง
คนนี้ แล้วคุณจะรู้คำตอบ

- จุดเริ่มต้นกับงานในเครือซิเมนต์ไทย

บอกไปคุณอาจไม่เชื่อ ผมจบ ปวช.จากช่างกลปทุมวัน
และมาเรียนต่อปริญญาตรีคณะวิศวะที่สถาบัน
เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ตอนเด็กค่อนข้างบู๊ เอาแต่เล่น
กีฬาทุกอย่างผมเล่นได้หมด ที่
ชอบสุดคือฟุตบอล ช่วงวัยรุ่นผมได้ประสบการณ์เยอะมาก
ไม่น่าเชื่อว่าประสบการณ์จากอดีตกลับช่วยให้
ผมทำงานได้ง่ายขึ้น

เมื่อจบวิศวะก็เริ่มทำงานกับเครือซิเมนต์ไทยจากวันนั้นถึงวันนี้ก็ 25
ปีแล้ว เริ่มต้นที่ซีแพคโมเนีย ทำ
หลังคาอยู่ 6 เดือน ก็มาทำบล็อกซีแพค 3 ปี ไปเรียนต่อ MIT
จบปุ๊บได้ไปอยู่กลุ่มสินค้าวัสดุทนไฟ ร่วม
งานกับคุณกานต์ (ตระกูลฮุน)
ซึ่งเป็นพี่ที่ชักชวนให้ผมมาอยู่ที่กระเบื้องคอตโต้เป็นคนแรกและผมก็ได้
เรียนรู้อะไรหลายอย่างจาก

คุณกานต์

- การปรับตัวถือเป็นเรื่องยากมั้ย

ปกติผมเป็นคนอะไรก็ได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องดูแลลูกน้องก็ยากเหมือนกัน
เพราะบางคนอายุ 50 ปี แก่กว่า
ผมเท่าหนึ่ง วิธีการคือผมเป็นคนชอบเล่นกีฬา
ประโยชน์ทางอ้อมผมจึงได้เรื่องมวลชนและเข้าใจความรู้
สึกของคน เอาใจเขามาใส่ใจเรา

- หลักการทำธุรกิจในความคิดของคุณ

อันดับแรกต้องไม่โกงลูกค้า ผมเชื่อนะครับว่า ถ้าทำให้ลูกค้าแฮปปี้แล้ว
เราจะดีเอง กำไรนั้นมาทีหลัง
แต่ยังไงก็ต้องให้คนในองค์กรแฮปปี้ด้วย ตรงนี้ผมใช้หลักธรรมมาปรับใช้
เพราะผมนั่งสมาธิทุกวัน ปฏิบัติ
มาตั้งแต่ปี 2530 ถือศีล 8 สิ่งที่ผมได้คือการมองโลกแบบ positive
เห็นแต่ข้อดี บางเรื่องเอามา
ประยุกต์ ที่ไม่ดีก็ปล่อยผ่านไป

- รูปธรรมของธรรมะกับงานที่ทำสำเร็จ

ยกตัวอย่างคนที่คิดค้นกระเบื้อง พิมาย และชิ้นใหม่ล่าสุด Revolution
Stone Technology
คนนี้อายุเกือบ 40 ปี ทำงานกับเรา 10 ปี ชื่อ เทิดวงศ์ แจ่มรัศมี
สมัยก่อนอยู่ฝ่ายผลิต แต่ตอนนี้แม้
แต่คนอิตาลีได้ยินชื่อยังต้องกลัว
เพราะเขาคิดค้นเครื่องจักรผลิตกระเบื้องด้วยกระบวนการใหม่ที่ยังไม่มี
ใครทำได้

หรืออย่าง อิเล็กทรอนิกส์การ์ด
เป็นซอฟต์แวร์สำหรับควบคุมการทำงานเครื่องจักร แต่ก่อนเคยซื้อ
จากอิตาลีราคา 2-3 แสนบาท ตอนนี้ไม่ต้องแล้ว
ลงเครื่องจักรตัวหนึ่งประหยัดได้ร่วม 10 ล้านบาท

จุดเริ่มต้นมันเกิดขึ้นสมัยที่ผมเข้ามาทำงานที่บริษัท
เซรามิกอุตสาหกรรมไทย จำกัด จากคำชักชวนของ
คุณกานต์ (ตระกูลฮุน) ที่ว่า...บริษัทนี้มีโอกาสเติบโต เข้ามาเก็บเพชร
เก็บพลอยบนพื้นมีอยู่เต็มเลย
พร้อมกับเปลี่ยนจุดยืนกระเบื้องจากที่เป็นวัสดุก่อสร้างกลายมาเป็น
สินค้าแฟชั่น

กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของวิชั่นที่จะเป็น One of The World Leader
ซึ่งมีด้วยกัน 3 ข้อ 1) ทำ
กระเบื้องคอตโต้ให้เป็นเวิรลด์แกรนด์ 2) เป็นเทรนด์เซตเตอร์
(ผู้กำหนดเทรนด์) และ 3) ขาย
เทคโนโลยีการผลิต ผมก็เริ่มลงมือตั้งแต่เรื่อง คน เป็นอันดับแรก
และถือเป็นความโชคดีที่มีโอกาส
ทำงานกับคุณกานต์ ทำให้มีไอเดียออกมาเรื่อยๆ ถ้าจิตนิ่ง ปัญญาก็เกิด

- สินค้านวัตกรรมใหม่ๆ ที่คุณภูมิใจมากๆ

มี 2 ตัว คือ 1) กระเบื้องพิมายซีรีส์ 2) กระเบื้อง Revolution Stone
Technology ในต่าง
ประเทศมีเหมือนกันแต่ไม่มีใครทำได้แบบเรา
คือมีลวดลายที่เหมือนหินเต็มแผ่นทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
หลังจากไปเปิดตัวที่งาน Cersaie มา ผลตอบรับเกินคาดมากๆ
เดิมถ้าเป็นของจากเมืองไทยดิสทริบิ
วเตอร์บี้ราคาแหลก ถ้าอิตาลีขาย 25 ดอลลาร์ต่อตารางเมตร ของเราเหลือ 10
ดอลลาร์ แต่ตัวนี้
เกินคาด ผมขายได้ 100 ยูโรต่อตารางเมตร (ประมาณ 5,000 บาท) กระเบื้อง
พิมาย ก็ขายได้
ดีขึ้นจากแต่ก่อน 3 ดอลลาร์ เป็น 15 ดอลลาร์

ผมแทบไม่เชื่อ ! (ตาเป็นประกาย)
เป็นครั้งแรกที่คนอิตาลีซึ่งถือว่าเป็นเบอร์หนึ่งของวงการกระเบื้อง
เดินมาที่บูท Cotto แล้วบอกว่า ไออยากเป็นดิสทริบิวเตอร์ยู
พอได้ยินคำพูดนี้บอกตามตรงว่าสะใจมาก
เป็นความรู้สึกสุดๆ และผมก็ตอบเขาไปว่า... ขอคิดดูก่อน (หัวเราะ)

- ระยะเวลาในการพัฒนาโปรดักต์

ประมาณ 5 ปี แต่ถ้านับตั้งแต่เริ่มแรกคือปี 1999
ผมไปดูแล้วรู้เลยว่าทำไมเราถึงล้าหลังประเทศอิตาลี
20 ปี แต่ก็บอกกับตัวเองว่า
นอกจากทำให้บริษัทกลับมามีกำไรจากในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ วันหนึ่งเรา
ต้องชนะอิตาลีที่เป็นเบอร์ 1 ให้ได้

- ความเป็นไปได้ในการขายโนว์ฮาวหรือเทคโนโลยี

ใกล้เป็นจริงแล้ว (ยิ้มมีความสุข) ไม่เกินปลายปีนี้หรือปีหน้า

- คำจำกัดความกระเบื้องเซรามิกในสายตาคุณ

นิยามใหม่คือไม่ใช่แค่กระเบื้องอีกต่อไปแล้ว มันแคบไป
ผมมองว่ามันคือส่วนประกอบของ บ้าน เป็น
สิ่งก่อสร้างและของตกแต่ง
คนแรกที่จุดประกายไอเดียให้ผมก็คือคุณกานต์ที่บอกว่า กระเบื้องเป็นสินค้า
แฟชั่น พี่เขาพูดตั้งแต่ 10 กว่าปีก่อนโน้น

- สิ่งที่จะเป็นอาวุธต่อสู้ในเวทีการค้าโลก

มีทั้งหมด 3 ส่วน 1) สิ่งที่ผมคิดว่าเอามาใช้ได้เสมอตลอดเวลากว่า 20
ปีที่ทำงานกับเครือซิเมนต์ไทย
คือลูกค้าต้องมาก่อน เข้าไปดูว่าเขาอยากได้อะไร และมีปัญหาอะไรอยู่
และแปลงออกมาเป็นโปรดัก
ต์หรือเซอร์วิส 2) สิ่งที่ทำต้องเป็นยูนิคคือทำในสิ่งที่ยังไม่มีใครทำ 3)
การใช้คน ต้องเอาประสิทธิภาพ
ของลูกน้องแต่ละคนออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด บางคนอาจจะพูดเก่ง
คิดเก่ง แต่ทำไม่เก่ง ก็ต้อง
หาคนที่ทำเก่งมาประกบ แต่ทั้งหมดต้องมี business result ต้องมีกำไรเพียงพอ

ผมมองว่าความสุขแต่ละคนขึ้นอยู่กับระดับของใจ บางคนต้องการมาก
บางคนต้องการน้อย แต่สุดท้าย
ต้องไม่โกง นั่นแหละคือออปติมั่ม (จุดสูงสุด)

- เป้าหมายที่คุณฝันจะทำให้ SCG

จะดูแลเรื่อง คน ให้ดีที่สุด
เอาความสามารถของบุคลากรมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เป้า
หมายความฝันของผมคือ บ้านตราช้าง แต่ไม่ใช่บ้านสำเร็จรูปนะ (หัวเราะ)
ความหมายของผมคือ
บ้านที่สร้างด้วยวัสดุของเครือซิเมนต์ไทยทั้งหมด ซึ่งดีทั้งคุณภาพ ดีไซน์
และเร็ว ทั้งหมดเป็นสิ่งที่ผม
อยากทำให้ได้ก่อนเกษียณ

วันนี้เรายังอยู่ในขั้น โปรดักต์ เมื่อไหร่ที่สินค้าเราครบ
ถัดไปคือการทำ ซิสเต็ม สเต็ปแรกคือ
โซลูชั่นโพรไวเดอร์ เพื่อเพิ่มโอกาสในการแข่งขัน พัฒนา ซิสเต็ม พื้น
ผนัง หลังคา ห้องน้ำ ขึ้นมา
เพราะทุกวันนี้มีคนอีกมากที่ซื้อบ้านแล้วไม่สมหวัง ปัญหาคือการหาช่าง
เพราะของพวกนี้ต้องใช้งานทุกวัน
เสียปุ๊บต้องซ่อมทันที ถ้าจะไประดับโลกเราก็จะไปด้วย โมเดล
ธุรกิจแบบนี้และยังเป็นการกันผู้เล่น
จากต่างชาติที่เข้ามาด้วย

- เป้ายอดขายของกลุ่มวัสดุ

ปี 2548 เราทำได้ 22,000 ล้านบาท ปีนี้ตั้งไว้ 25,000 ล้านบาท ส่วนอีก
4-5 ปีข้างหน้าต้องเพิ่ม
ขึ้นเป็น 40,000-50,000 ล้านบาท เฉลี่ยโตขึ้นปีละ 10-20%

ส่วนปัญหาสินค้าจีนที่มาตีตลาดบ้านเรา ผมไม่กลัว
เพราะทุกอย่างต้องมีทางแก้ แล้ว SCG ก็แก้ถูกทางแล้ว [/color:bc5d6c71bc">[/size:bc5d6c71bc">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com