????
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238 |  วันที่: 29/09/2005 @ 19:55:44 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต ตลท.บุกค้นรัง บล.อินเทล วิชั่น หลังพบบิ๊กล็อต PICNIC ราคาสุดเวอร์ หุ้นละ 13.19 บาท จำนวนกว่า 4.2 ล้านหุ้น คาดได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้ ขณะที่โรกฯ มั่นใจไม่กระทบแผนเพิ่มทุน เชื่อผู้ถือหุ้นเดิม, ตระกูล ลาภวิสุทธิสิน และพันธมิตรจะใช้สิทธิเต็มจำนวน[/color:c0d0ed1448">
* ตลท.สั่งสอบ อินเทล วิชั่น
หลังจากมีบิ๊กล็อตหุ้น บมจ.ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น (PICNI) ที่ทำวงการค้า
หลักทรัพย์สะเทือนไปแล้วเมื่อวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา ด้วยจำนวน 4,212,000 หุ้น ราคา 13.19 บาท
ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2548 นายสุทธิชัย จิตรวาณิช รองผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ออกมาเปิดเผยว่า รายการบิ๊กล็อตของ PICNI ดังกล่าว เกิดขึ้นที่ บล.อินเทล วิชั่น ซึ่งขณะนี้ตลาดหลักทรัพย์ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวสจสอบโบรกเกอร์ดังกล่าวเพื่อหาความชัดเจนแล้ว
ขณะนี้ทางตลาดหลักทรัพย์ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเข้าไปสอบถาม
โบรกเกอร์ดังกล่าวว่ารายการดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร คาดว่าจะรู้ผลเร็วที่สุด ซึ่งทางโบรกเกอร์ต้องชี้แจงถึงเหตุผล และสาเหตุของการซื้อขายดังกล่าว ถ้าพบว่ามีความผิดปกติ อาทิ การทำราคาก็จะส่งเรื่อง ต่อให้กับ ก.ล.ต. นายสุทธิชัย กล่าว
* พบตระกูลดังบริหาร อินเทล วิชั่น เพียบ!
สำหรับ บล.อินเทล วิชั่น ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 395 ล้านบาท ซึ่งเป็นทุนชำระแล้ว 260 ล้านบาท มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 อันดับแรก คือ 1. บริษัทแสงซินดิเคท จำกัด ถือหุ้น 65,065,418 หุ้น คิดเป็น 25.03% และ 2. บริษัทอินเทลวิชั่น อินเวสท์เมนท์ แอนด์ แอดไวส์ เซอรรี่ จำกัด ถือหุ้น 33,834,017 หุ้น คิดเป็น 13.01%
ส่วนทีมผู้บริหาร 8 ท่าน ประกอบด้วย 1. นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล กรรมการ, 2. นางศรีพร สุทธิพงศ์ กรรมการ, ผู้จัดการ (มีอำนาจจัดการ), 3. นายนิตินัย ตันพานิช กรรมการ, 4. นายอธิพล ตีระสงกรานต์ กรรมการ, 5. นายวิชัย ทองแตง กรรมการ, 6.นายสมชัย ไชยศุภรากุล กรรมการ (มีอำนาจจัดการ), 7. นายดอม เหตระกูล กรรมการ และ 8. นายโชคชัย กุลประภา กรรมการ
ทั้งนี้ ประเด็นหลักที่หลายฝ่ายตั้งคำถาม คือ ใครคือไอ้โม่งอยู่เบื้องหลัง
การทำบิ๊กล็อต PICNI ในครั้งนี้ ซึ่งหากทาง อินเทล วิชั่น ตอบข้อสงสัยได้ชัดเจนก็คงไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น แต่หากไม่เป็นเช่นนั้น อาจโดนข้อครหา สร้างราคาหุ้น PICNI ได้
* หวั่นมีวัตถุประสงค์บางอย่างแอบแฝง
นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.
โกลเบล็ก กล่าวถึงการซื้อหุ้นบิ๊กล็อต PICNI จำนวน 4,212,000 หุ้น ราคา 13.19 บาท ขณะที่ราคากระดานอยู่ที่ประมาณ 2 บาท ว่า เป็นเรื่องที่น่าประหลาด คาดว่าอาจมีวัตถุประสงค์บางอย่าง แต่ขณะนี้สำนักงาน ก.ล.ต. กำลังตรวจสอบอยู่
สำหรับทิศทางราคาหุ้น PICNI ตั้งแต่วันศุกร์นี้ถึงสัปดาห์หน้าก่อนที่จะ
ถึงกำหนดชำระค่าหุ้น ทิศทางเคลื่อนไหวยังไม่ชัดเจน เพราะ อาจมีนักลงทุนที่ชอบความเสี่ยงเข้ามาเก็งกำไรจำนวนมาก เพราะราคาหุ้นปรับลดลงค่อนข้างมาก อาจจะกลับเข้าซื้อจนทำให้ราคาหุ้นปรับขึ้นได้ส่วนตามปัจจัยพื้นฐานเป็นหุ้นที่ค่อนข้างเสี่ยง นายวรุตม์ กล่าว
* ไม่สรุปพันธมิตรใหม่ คือ ปิโตรนาส หรือไม่
สำหรับผลกระทบจากข่าวนี้ จะส่งผลต่อหุ้น PICNI หรือไม่นั้น หากเป็น
การขายหุ้นเพิ่มทุนในให้กับผู้ถือหุ้นเดิม หากไม่ใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนก็จะเสียสิทธิ์ไป แต่หากเป็นหุ้นเฉพาะเจาะจงจะขึ้นอยู่กับพันธมิตร และหากเป็นหุ้นเพิ่มทุนพีโอ คาดว่า นักลงทุนบางส่วนอาจไม่สนใจ
ส่วนพื้นฐานของ PICNI อยู่ในอุตสาหกรรมพลังงาน ที่ขณะนี้ราคาพลังงานปรับขึ้นต่อเนื่อง แต่ PICNI มีปัญหาเรื่องเกี่ยวข้องทางการเมือง (Coperate Goverment) การออกตั๋วบีอีผิดนัดชำระหนี้
สำหรับพันธมิตรของ PICNI คงต้องรอข้อมูลจากผู้บริหารของ PICNI เองแต่ในช่วงที่ผ่านมามีข่าวพันธมิตรที่เข้ามา คือ ปิโตรนาส ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าจะใช่หรือไม่ หากการขายหุ้นในแบบเฉพาะเจาะจงแล้วนำเงินเข้ามา จะทำให้ PICNI มีสภาพคล่องมากขึ้น แต่ต้องดำเนินงานแก้ไขปัญหาด้านบรรษัทภิบาล เพื่อให้เป็นที่ยอมรับจากพันธมิตร
* เชื่อผู้ถือหุ้นเดิมและตระกูล ลาภวิสุทธิสิน ใช้สิทธิเต็มจำนวน
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์รายหนึ่ง ประเมินว่า ผู้ถือหุ้น PICNI น่าจะมาใช้
สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทจนครบทั้งจำนวน เนื่องจากราคาหุ้นเพิ่มทุนถูกกว่าราคาหุ้นในกระดานและเพื่อเฉลี่ยต้นทุนให้ต่ำลง
และเชื่อว่าตระกูล ลาภวิสุทธิสิน ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯ
น่าจะมาใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทเช่นกัน เพราะหากพิจารณาแล้วธุรกิจของบริษัทก็ไม่ได้ล้มละลาย หากไม่ซื้อหุ้นเพิ่มทุนก็จะเสียสิทธิไปโดยเปล่าประโยชน์
?ในภาวะปัจจุบันนักลงทุนน่าจะมาใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนเพื่อเฉลี่ยทุน
ทุนให้ต่ำหากไม่ใช้สิทธิที่มีก็จะเหลือศูนย์นักลงทุนก็จะไม่ได้อะไรเลย?
แหล่งข่าว กล่าว
อย่างไรก็ดี การที่มีผู้ลงทุนทำ Big lots หุ้น PICNI จำนวนกว่า 4 ล้านหุ้นในราคาหุ้นละ 13.19 บาทนั้น น่าจะกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนบ้างเล็กน้อยแต่เชื่อว่านักลงทุนส่วนใหญ่ยังชอบความเสี่ยงและพร้อมที่จะเข้าซื้อหุ้น PICNI ในกระดาน และประเด็นดังกล่าวไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนของผู้ถือหุ้นซึ่งเหตุผลตามที่กล่าวมาข้างต้น
* เลี่ยงหุ้น PICNIC เพราะเสี่ยงด้านการเงิน-การตรวจสอบจาก ตลท.และ ก.ล.ต.
นักวิเคราะห์รายเดิมกล่าวต่อว่า เรื่องหุ้นเพิ่มทุนไม่น่าจะมีปัญหาผู้ถือหุ้น
น่าจะมาใช้สิทธิจนครบ แต่ปัญหาคือนักลงทุนรายใหม่คงจะไม่เข้าไปซื้อหุ้น PICNI ในกระดาน เพราะนักลงทุนยังกังวลปัญหาเรื่องสภาพคล่อง, ปัญหาทางบัญชี และโครงสร้างทางการเงิน
นอกจากนี้ทาง ตลท.และ ก.ล.ต.ยังจับตาการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นอย่างใกล้ชิด แม้ว่าความจริงแล้วตัวธุรกิจของ PICNI ไม่ได้เลวร้าย
เพราะเป็นธุรกิจผู้บรรจุแก๊สหุงต้มอันดับ 2 รองจาก ปตท.ก็ตาม
ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์แนะนำ หลีกเลี่ยงการลงทุนหุ้น PICNI เนื่องจากยังมีความเสี่ยงเรื่องโครงสร้างทางการเงินและการเข้าตรวจสอบของ ก.ล.ต. และตลท.
* เผยแค่ 3 วัน นลท.ใช้สิทธิเพิ่มทุนกว่า 50%
ด้านแหล่งข่าวจาก PICNI เปิดเผยว่า ยอดการชำระค่าหุ้น ณ วันที่ 28 ก.ย. 2548 ซึ่งเป็นวันที่ 3 ของการชำระเงิน มีนักลงทุนให้ความสนใจค่อนข้างมาก เท่าที่ได้รับแจ้ง บล.ซีมิโก้ ซึ่งเป็นผู้รับชำระค่าหุ้นมีนักลงทุนมาใช้สิทธิมากกว่า 50% แล้ว ซึ่งในส่วนของบริษัทเองมั่นใจว่าในช่วงเวลาที่เหลืออีก 2 วันผู้ถือหุ้นจะทยอยมาใช้สิทธิจนครบ เนื่องจากราคาขายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทที่ 1.50 บาท ถือว่าต่ำกว่าราคากระดานมากพอสมควร
ส่วนผู้ถือหุ้นตระกูล ลาภวิสุทธิสิน นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับทราบข้อมูล
ว่ามาใช้สิทธิหรือยัง แต่เชื่อว่า ลาภวิสุทธิสิน จะมาใช้สิทธิอย่างแน่นอน
เพื่อไม่ให้สัดส่วนการถือหุ้นถูกไดลูทลงไป หลังจากที่ได้ลดสัดส่วนการถือหุ้น PICNI อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาในขณะที่ผู้ถือหุ้นรายใหม่ที่เข้ามารับซื้อหุ้นต่อจากตระกูลลาภวิสุทธิสิน ก็น่าจะใช้สิทธิเพราะเป็นการรับซื้อก่อนวันขึ้น XR
อย่างไรก็ตาม หากผู้ถือหุ้นมาใช้สิทธิไม่ครบ ก็จะจัดสรรหุ้นที่เหลือให้
กับนักลงทุนที่จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนเกินสัดส่วนของตัวเอง ซึ่งเท่าที่เห็นตอนนี้ก็มีคนที่จองเกินสิทธิมากพอสมควร จากนั้นหากยังไม่หมดอีกก็จะขาย PP ตามที่เคยขอมติผู้ถือหุ้นไว้ แต่คิดว่าไม่น่าจะไปถึงตรงนั้น เพราะผู้ถือหุ้นน่าจะใช้สิทธิครบ
ส่วนกรณีมีบิ๊กล็อตหุ้น PICNI ที่ราคา 13.19 บาท ซึ่งสูงกว่าราคากระดานมากนั้น ในส่วนของบริษัทไม่ทราบว่าเป็นการซื้อขายของใคร แต่ได้รับคำยืนยันว่าไม่ใช่ออร์เดอร์จากผู้บริหารและผู้ถือหุ้นรายใหญ่แน่นอน ซึ่งไม่ทราบวัตถุประสงค์เหมือนกันว่าเป็นการทำเพื่ออะไร
แต่คิดว่าไม่น่าจะใช่การทำราคาหลอกให้นักลงทุนเห็นว่าหุ้นของบริษัทมีการซื้อขายกันที่ราคาแพง เพราะที่ระดับ 13.19 บาท สูงกว่าราคากระดานจนน่าเกลียดเกินไป
* ปัจจัยพื้นฐานแกร่งหลังพันธมิตรหนุน
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า ขณะนี้นักลงทุนต่างเชื่อมั่นว่าการชำระ
ค่าหุ้นน่าจะสำเร็จลุล่วงด้วยดี ซึ่งจะทำให้ PICNI ได้เงินเข้ามาประมาณ 3,000ล้านบาท ซึ่งถ้าหากบริษัทได้เงินจำนวนดังกล่าวเข้ามาจะทำให้สภาพคล่องของบริษัทดีขึ้นสามารถนำเงินไปชำระหนี้ได้
ส่วนกระแสข่าวที่กลุ่มปิโตรนาส บริษัทพลังงานในประเทศมาเลเซีย
สนใจเข้าลงทุนใน PICNI นั้น เป็นอีกประเด็นหนึ่งให้ความสนใจและเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีกลุ่มผู้ลงทุนสนใจเข้ามาซื้อกิจการของบริษัท เพราะขณะนี้ราคาหุ้นของ PICNI ถูกมากใช้เงินลงทุนน้อยในการซื้อกิจการซึ่งตัวธุรกิจของบริษัทหากมีการบริหารจัดการที่ดีก็เป็นธุรกิจที่น่าสนใจ
อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้น PICNI ได้ปรับตัวลงมาแรงและเชื่อว่าหลังจากที่บริษัทได้เงินเพิ่มทุนเข้ามาน่าจะทำให้สภาพคล่องของบริษัทเพิ่มขึ้นและโอกาสที่กลุ่มพันธมิตรรายใหม่จะเข้ามาช่วยบริหารธุรกิจก็มีมาก
* DSI เตรียมสรุปสำนวนคดี PICNI ใน ต.ค.
ปัจจุบัน พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) อยู่ระหว่างเตรียมสรุปสำนวนคดีอดีตผู้บริหาร PICNI ตกแต่งบัญชีอันเป็นเท็จ คาดว่าจะเรียบร้อยภายในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งคดีดังกล่าวสืบเนื่องจากสำนักงาน ก.ล.ต. ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษ นายธีรัช ชานนท์ และนางสาวสุภาพร ลาภวิสุทธิสิน อดีตผู้บริหาร PICNI กับพวกรวม 10 คน ฐานตกแต่งบัญชีอันเป็นเท็จฝ่าฝืนและกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535
ขณะเดียวกัน นายสุภกิจ จิระประดิษฐกุล ผู้ช่วยผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า แม้หลังเกิดบิ๊กล็อต PICNI แล้ว ได้สอบถามไปยังโบรกเกอร์ว่าเหตุใดราคาถึงปรับตัวสูงขึ้นเหนือราคากระดานเกินไป แต่ตลาดหลักทรัพย์ยังไม่มีการขึ้นเครื่องหมายใด ๆ ต่อ PICNI เนื่องจากเป็นการซื้อบิ๊กล็อตที่แยกจากกระดานหลัก
แต่ในส่วนการสั่งห้ามเล่นเน็ทเซ็ทเทิลเม้นท์และมาร์จิ้นของหุ้นบมจ.อีส
เทิร์นไวร์ (EWC) และบมจ.อกริเพียว โฮลดิ้งส์ (APURE) นั้น หากพบว่าราคายังมีความผันผวนอยู่อาจมีการขยายระยะเวลาในการสั่งห้ามเล่นเน็ท เซ็ทเทิลเม้นท์ และมาร์จิ้นต่อไป ( EWC จะมีการปลดเน็ทฯและมาร์จิ้นในวันที่ 4 ต.ค. ขณะที่ APURE มีการปลดเครื่องหมายวันที่ 5 ต.ค.)
efinancethai.com[/color:c0d0ed1448">
|
