March 29, 2024   2:02:15 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > แสงสว่างปลายอุโมงค์ PICNI
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 30/09/2005 @ 20:48:33
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

PICNI เริ่มเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ หลังผู้ถือหุ้นเดิมตบเท้าจ่ายเงินค่าหุ้นเพิ่มทุน ณัฐชัย โปรยยาหอมหลังเพิ่มทุนสำเร็จอนาคตดีแน่ ย้ำรายได้ปีนี้เป็นไปตามเป้า 2.2 หมื่นล้านบาท แถมฐานะการเงินแกร่งขึ้น D/E หดเหลือ 0.6 เท่า เตรียมแถลงข่าวเปิดแผนธุรกิจปลุกความเชื่อมั่นนักลงทุน ในขณะที่วงการหุ้นมองสวนทาง ระบุอนาคตยังมืดมน แม้รายได้สูงแต่ความสามารถทำกำไรต่ำ แถมการเพิ่มทุนกด EPS ลดลง ที่สำคัญคือปัญหาด้านความโปร่งใสในการบริหารงาน ที่ยังต้องใช้เวลาพิสูจน์[/color:c1ba7fdaee">

เส้นทางเดินของ บมจ. ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น หรือ PICNI ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ทุกคนจับตามองอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากหุ้น PICNI ได้ชื่อว่าเป็นหุ้นร้อนแห่งปี หลังจากที่ตระกูล ลาภวิสุทธิสิน นำธุรกิจของครอบครัวเข้าสู่สนามค้าหุ้นโดยการ backdoor listing ผ่านทาง BGES และได้ขยายการลงทุนออกไปอย่างไม่หยุดนิ่ง โดยเฉพาะการเข้าซื้อหุ้นบริษัท เวิลด์แก๊ส (ประเทศไทย) จำกัด จนกระทั่งสามารถก้าวกระโดดขึ้นมาจับส่วนแบ่งตลาดค้าก๊าซเป็นอันดับที่ 2 ของประเทศภายในเวลาไม่นานนัก พร้อมทั้งการขยายธุรกิจไปสู่การผลิตเอทานอลที่ล่าสุด PICNI ได้รับคัดเลือกจากที่ประชุมคณะกรรมการเอทานอลแห่งชาติอนุมัติให้เป็น 1 ผู้ประกอบการ 16 ราย ตั้งโรงงานผลิตเอทานอล
หนทางของ PICNI ในช่วงแรกดูเหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบ มีการตั้งความหวังเป็นผู้นำธุรกิจก๊าซในระดับภูมิภาค หรือแม้กระทั่งหุ้น PICNI ที่เคยมีแนวโน้มว่าอาจจะได้เข้าเป็นหนึ่งในหุ้นที่ใช้คำนวณดัชนีของ MSCI แต่แล้วความหวังทุกอย่างกลับพังทลายเมื่อบริษัทมีปัญหาในเรื่องของการชำระหนี้ตั๋วบีอี รวมทั้งงบการเงินที่ถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตั้งข้อสังเกตุว่าอาจมีการตกแต่งบัญชี และได้กล่าวโทษผู้บริหารของบริษัทต่อกรมสวบสวนคดีพิเศษหรือ ดีเอสไอ
เป็นที่มาของการถอยร่นของกลุ่ม ลาภวิสุทธิสิน ที่ล่าสุดขายหุ้นที่ถืออยู่ให้กับตัวแทนของกลุ่ม ไทยซัมมิท ส่งผลให้เหลือการถือหุ้นเพียง 18.49% จากเดิมที่เคยถือหุ้น 36.28% โดยเป็นการขายก่อนที่จะขึ้นเครื่องหมาย XR จึงเป็นการประกาศเจตนาอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการใส่เงินเพิ่มทุน
ภาพลักษณ์ที่ดูย่ำแย่ของ PICNI ทำให้บริษัทขาดความน่าเชื่อถือทั้งในสายตาของผู้ถือหุ้น และสถาบันการเงิน เป็นเหตุให้บริษัทที่มีแนวโน้มทางธุรกิจที่ดีกลับกลายเป็นบริษัทที่ขาดสภาพคล่อง เพราะแบงก์ไม่กล้าปล่อยกู้ แถมบางสถาบันการเงินยังต้องการขอคืนหนี้ก่อนกำหนด
จนกระทั่ง PICNI ต้องแก้ปัญหาด้วยการเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 1,485 ล้านหุ้น ในสัดส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ราคา 1.50 บาท ท่ามกลางกระแสข่าวต่างๆมากมายในช่วงวันที่ต้องชำระค่าหุ้น (26-30 ก.ย.2548) ทั้งการเข้าเยี่ยมชมกิจการของปิโตรนาส หรือแม้แต่บิ๊กล็อตปริศนาจาก บล.อินเทลวิชั่น ที่ราคา 13.19 บาท จากราคากระดานที่อยู่แค่ 2 บาทกว่าเท่านั้น
ล่าสุดการเพิ่มทุนของ PICNI ประสบความสำเร็จเรียบร้อยแล้ว ถือว่าแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปได้เปลาะหนึ่ง แต่สิ่งที่ต้องมองข้ามช็อตไปก็คืออนาคตของ PICNI หลังการเพิ่มทุนจะเป็นอย่างไร ซึ่งก็คงต้องฟังจากทั้งตัวบริษัทที่มองอนาคตของตัวเองและนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ที่มองจากสายตาของคนภายนอก

**PICNI โล่งอกขายหุ้นเพิ่มทุนเกลี้ยง
แหล่งข่าวจาก บริษัท ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (PICNI) เปิดเผย ว่า ได้รับรายงานจาก บล.ซีมิโก้
ในฐานะผู้ดำเนินการรับชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนของ PICNI ว่า ขณะนี้ผู้ถือหุ้นได้มาใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 1,485 ล้านหุ้น ครบถ้วนแล้ว
ทั้งนี้บริษัทเตรียมจัดประชุมคณะกรรมการ เพื่อกำหนดวันที่จะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ถึงแผนการดำเนินธุรกิจ และทิศทางในอนาคตของ PICNI หลังจากเพิ่มทุนสำเร็จ โดยคาดว่าอาจจะมีการแถลงข่าวในสัปดาห์นี้หรือสัปดาห์หน้า เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน

**บิ๊ก PICNI ยันอนาคตรุ่งหลังเพิ่มทุน ย้ำปีนี้โกยรายได้ 2.2 หมื่นล.
นายณัฐชัย อร่ามรัศมีวาณิชย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PICNI เปิดเผยว่า แม้ที่ผ่านมาจะเกิดปัญหามากมายกับบริษัท แต่ในภาคธุรกิจปัจจุบันยังมีการเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง ธุรกิจมีการขยายตัว โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้ที่ 20,000-22,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 7,350 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาบริษัทที่รายได้รวมแล้วกว่า 10,000 ล้านบาท จึงมั่นใจว่าจะสามารถสร้างรายได้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
ในส่วนของพนักงานบริษัทนั้นยังคงมีความเชื่อมั่นกับบริษัทเหมือนเดิม และมั่นใจว่า PICNI จะกลับมามีเสถียรภาพในการเดินหน้าอย่างมั่นคงต่อไป
ทั้งนี้จากกรณีที่บริษัทเพิ่มทุนจำนวน 1,485 ล้านหุ้น สัดส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ราคา 1.50 บาท จะทำให้บริษัทได้รับเงินจากการเพิ่มทุนครั้งนี้ 2,200 ล้านบาท เพื่อนำมาปรับโครงสร้างทางการเงินของบริษัท ด้วยการนำมาปรับหนี้ระยะสั้นและตั๋วบี/อี เมื่อสำเร็จแล้วจะทำให้ PICNI ลดดอกเบี้ยลงได้กว่า 100 ล้านบาทต่อปี ซึ่งก่อให้เกิดสภาพคล่องและเรียกความเชื่อมั่นของกลุ่มสถาบันการเงินกลับคืนมา
หากการเพิ่มทุน 1,485 ล้านหุ้น ทำได้สำเร็จเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยจะส่งผลให้บริษัทมีหนี้สินต่อทุนลดลงทันที จากเดิมที่มีมากกว่า 2 เท่า เหลือ 0.6 เท่า ซึ่งจะสะท้อนถึงความน่าเชื่อถือและความเชื่อมั่นของบริษัทต่อสถาบันการเงิน ผู้ถือหุ้น และนักลงทุน
นายณัฐชัยกล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับสถาบันการเงินประมาณ 5-6 ราย ในเรื่องการปรับระยะเวลาชำระหนี้ ซึ่งบางส่วนได้พิจารณาอนุมัติการปรับระยะเวลาชำระเป็น 3-5 ปีแล้ว ส่วนที่เหลือกำลังอยู่ในช่วงการพิจารณา

**วงการหุ้นมองอนาคต PICNI ยังมืด เพราะความไม่โปร่งใสในการบริหาร
แหล่งข่าวจากวงการโบรกเกอร์ กล่าวว่า แม้การเพิ่มทุนของบมจ. ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น หรือ PICNI จะสำเร็จ แต่อนาคตของบริษัทหลังเพิ่มทุนก็ยังเลวร้ายอยู่ เนื่องจากบริษัทยังมีปัญหาเรื่องภาพลักษณ์ เพราะไม่มีความโปร่งใสในการเปิดเผยข้อมูล การบันทึกบัญชี และยังมีปัญหาทางด้านโครงสร้างทางการเงิน
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กำลังจะออกหมายจับอดีตผู้บริหารของบริษัทมาดำเนินคดีอีกด้วย รวมถึงบริษัทก็ยังไม่สามารถเคลียร์ปัญหากับสำนักงาน ก.ล.ต.ได้ และยิ่งมีการทำ Big Lots หุ้นของบริษัทในราคาที่สูงกว่าราคากระดานมากๆยิ่งเพิ่มความน่าสงสัยในตัวบริษัทและผู้บริหารมากขึ้น
?แม้ว่าเงินเพิ่มทุนที่เข้ามาจะทำให้บริษัทมีเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้นแต่ก็ไม่ได้ทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัทดีขึ้น และคงไม่สามารถเพิ่มความเชื่อมั่นในการกู้จากแบงก์และแบงก์ก็คงไม่ปล่อยกู้ให้ เพราะบริษัทไม่มีความโปร่งใส กลุ่มปิโตรนาสที่มีข่าวว่าจะเข้ามาลงทุนในบริษัทก็น่าสงสัยว่าจะเข้ามาจริงหรือไม่ เพราะขณะนี้ยังไม่มีคำยืนยันออกมาจากปากปิโตรนาสเลย มีเพียงข่าวที่ออกมาจากบริษัทเท่านั้นเอง?แหล่งข่าวกล่าว
อย่างไรก็ดี แม้ว่าครึ่งปีแรกบริษัทจะทำรายได้สูงถึง 1 หมื่นล้านบาท แต่เมื่อดูผลกำไรสุทธิแล้วต่ำมากเพียง 100 ล้านบาท หากความสามารถในการทำกำไรยังต่ำเช่นนี้หากหุ้นเพิ่มทุนเข้ามาเทรดในตลาดจะทำให้กำไรต่อหุ้น(EPS)ของบริษัทลดลงต่ำมาก
สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นที่เปลี่ยนแปลงโดยน.ส.สุวิมล ทองกร ซึ่งเป็นกรรมการบริษัท ซัมมิท ฟุตแวร์ ที่มีนายโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่รับโอนหุ้น PICNI มาจากน.ส.สุภาพร ลาภวิสุทธิสิน และนายธีรัชชานนท์ ลาภวิสุทธิสิน นั้นมองว่า กลุ่มจึงรุ่งเรืองกิจน่าจะเข้ามาเพื่อหวังจะร่วมงานด้านวิศวกรรมกับ PICNI เพื่อประมูลงานโครงการก่อสร้างใหญ่ๆ เพราะกลุ่มซัมมิทเองก็มีธุรกิจเกี่ยวกับรับเหมาก่อสร้าง แต่เชื่อว่าการเข้าประมูลงานอาจจะมีปัญหาเพราประวัติของ PICNI ไม่ค่อยดี และการเข้ามาของกลุ่มจึงรุ่งเรืองกิจอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ของ PICNI ว่ามีความเกี่ยวโยงกับการเมืองได้
ทั้งนี้ แนะนำ ขาย และนักลงทุนควรหลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้น PICNI เนื่องจากบริษัทไม่มีความโปร่งใสในการเปิดเผยข้อมูลและการบริหารงาน

สุดท้ายแล้วคงต้องขึ้นอยู่กับนักลงทุนเอง ว่าจะมอง PICNI ในแง่มุมใด และจะเลือกลงทุนในหุ้น PICNI หรือไม่ แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า การลงทุนมีความเสี่ยง

 กลับขึ้นบน
มะลิ
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 21
#1 วันที่: 03/10/2005 @ 01:13:55 : re: แสงสว่างปลายอุโมงค์ PICNI
.0006 เชื่อว่าปิคนิคจะฟื้นมาผงาดอีกครั้ง .0006
.0001 .0001 .0001 .0001
 กลับขึ้นบน
บุคคลทั่วไป
บุคคลทั่วไป
#2 วันที่: 03/10/2005 @ 09:15:57 : Re: re: แสงสว่างปลายอุโมงค์ PICNI
[quote:b0cec064e2=มะลิ">.0006 เชื่อว่าปิคนิคจะฟื้นมาผงาดอีกครั้ง .0006
.0001 .0001 .0001 .0001[/quote:b0cec064e2"> .0005
 กลับขึ้นบน
มะลิ
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 21
#3 วันที่: 03/10/2005 @ 09:56:17 : re: แสงสว่างปลายอุโมงค์ PICNI
หุหุ ตามมายกนิ้วทุกกระทู้เลยนะซ้อ คิกคิก .0000
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com