P_aud สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 531 | วันที่: 05/10/2005 @ 14:05:09 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต แบงก์กรุงเทพ ผลประกอบการไตรมาส 4 กระฉูดเกินหน้าพรรคพวก บุ๊คกำไรขายโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท แถมมีสิทธิเทกระจาดหุ้นรีแฮบโก้ 7 แห่งที่เกิดจากการปรับโครงสร้างหนี้ บรรดาโบรกเกอร์เทใจเชียร์ซื้อ ราคาเป้าหมายไกล 138 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในไตรมาส 4 ปีนี้ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBLมีแผนขายหุ้นที่ถืออยู่ในโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH ซึ่งส่งผลให้แบงก์จะมีรายได้พิเศษเข้ามาไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีแผนขายหุ้นที่ถืออยู่ในหมวดฟื้นฟูกิจการ หรือ รีแฮบโก้ ประมาณ 7 บริษัทด้วย
แหล่งข่าวจากนักวิเคราะห์กล่าวว่า ตามแผน BBL กำหนดที่จะขายหุ้นของ BH ทั้งหมดภายในไตรมาส 4 ปีนี้ และขายหุ้นรีแฮบโก้ 7 แห่งที่เกิดจากการปรับโครงสร้างหนี้ด้วยเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ต้องการให้แบงก์ถือหุ้นในธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องได้ไม่เกิน 10%
ไตรมาส 4 โบรกหลายแห่งคงปรับประมาณการณ์กำไรของบีบีแอลเพิ่มแน่นอนเพราะมีรายได้พิเศษเข้าจำนวนมากแหล่งข่าว กล่าว
บทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์(บล.)สินเอเซีย ระบุว่า บีบีแอลจะมีการบันทึกรายได้การขายหุ้น BH ในไตรมาส 4 ปีนี้ และแบงก์อาจจะต้องจ่ายภาษีเลยจากเดิมที่กำหนดไว้ต้นปี 2549
ก่อนหน้านี้นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการแบงก์กรุงเทพ กล่าวว่าแบงก์จะทยอยขายหุ้นในหมวดรีแฮบโก้ทั้งหมด เพราะไม่ได้มีเจตนาเข่าไปลงทุนแต่แรก แต่ได้มาจากการปรับโครงสร้างหนี้ โดยกำหนดว่าจะจัดการกับหุ้นเหล่านี้ภายใน 3 เดือน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แบงก์บีบีแอลเป็นผู้ถือหุ้นในกลุ่มรีฮาพโก้ 7 บริษัท ประกอบด้วยบริษัทกรุงเทพผลิตเหล็ก (BSI) ดาต้าแมท (DTM) ประสิทธิ์พัฒนา (PYT) ไทยเกรียงสิ่งทอ(TDT) ไทย-เยอรมัน โปรดักส์ (TGPRO) ไทยนามพลาสติกส์ (TNPC) ทุนเท็กซ์(TUNTEX)
แหล่งข่าวจากบล.กิมเอ็ง กล่าวว่า ปัจจัยดีที่ส่งผลให้หุ้น BBL โดดเด่นมากในปีนี้เกิดจากเกิดจากการรับรู้รายได้จากการขายเงินลงทุน โดยอันดับแรกถัดที่เห็นชัดคือบริษัทเงินทุนสินเอเซีย จำกัด (มหาชน) หรือ ACL ที่แบงก์ถือหุ้นอยู่ 27.5% ที่ต้องขายออกตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยขณะนี้มีสถาบันการเงินต่างชาติให้ความสนใจ
นอกจากนี้ BBL ยังมีความแข็งแกร่งในเรื่องของการกันสำรองที่ถือว่ามีปริมาณมากพอสูงกว่าเกณฑ์ที่แบงก์ชาติกำหนดไว้ โดยเฉพาะในส่วนของบริษัทปิโตรเคมีกัลไทย หรือ TPIที่แบงก์ถือเป็นลูกหนี้รายใหญ่ ซึ่งหากแผนฟื้นฟูเสร็จสิ้น จะมีผลต่อเงินสำรอง และตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอลของแบงก์ทันที นอกจากนี้กิมเอ็งเชื่อว่า ความสามารถในการทำกำไรที่คาดว่าทั้งปีจะสูงถึง 1.9 หมื่นล้านบาท
ขณะที่บทวิเคราะห์ของนครหลวงไทย ให้ความเห็นว่า ภายหลังการปรับโครงสร้างหนี้ TPI 2.7 หมื่นล้านบาทสำเร็จจะทำแบงก์ลดหนี้สูญประมาณ 2-3 หมืนล้านบาทและทำให้เอ็นพีแอลปรับลงมาอยู่ที่ระดับ 10-12% โดยบีบีแอลมีการสำรองหนี้ในส่วนของทีพีไอไว้ประมาณ 1.78 หมื่นล้านบาท โดยเป็นการตั้งสำรองเฉพาะ 7.8 พันล้านบาท
แบงก์มีการรับรู้กำไรจากเงินลงทุนจำนวนมากในปีนี้ ทั้งขายบง.บัวหลวง บง.สินเอเซีย และโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ BH ถือเป็นอีกเป้าหมายหนึ่ง ซึ่งมีผลเชิงบวกต่อผลการดำเนินการของแบงก์ในอนาคตบทวิเคราะห์นครหลวงไทย ระบุ
ดังนั้นบรรดาโบรกเกอร์ จึงแนะนำซื้อหุ้น BBL โดยบริษัทหลักทรัพย์(บล.)นครหลวงไทยให้ไว้สูงสุดที่ 138 บาท บล.พัฒนสิน 137 บาท ขณะที่บล.กรุงศรีอยุธยา ให้ไว้ที่ 124บาท บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้ราคาเป้าหมายไว้ 123 บาท และ109 บาทเป็นราคาเป้าหมายของบล.สินเอเซีย
ที่มา:
ข่าวหุ้น
|