April 24, 2024   4:24:31 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > แนะรายย่อยลงหุ้น60%รับขาขึ้น จัดพอร์ตก่อนฝรั่งพักรบปลายปี
 

P_aud
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 531
วันที่: 07/10/2005 @ 09:16:23
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ทิสโก้จัดพอร์ตลงหุ้นก่อนฝรั่งพักรบปลายปี แนะรายย่อยลงหุ้น 60% ชี้เม็ดเงินต่างชาติ 1.2 แสนล้านไม่ไหลออก แต่จะย้ายตัวหุ้นเล่น ด้าน บลจ. ทหารไทยมั่นใจหุ้นไทยแน่ ถ้านักลงทุนรับความเสี่ยงไหว เชียร์จัดพอร์ตหุ้น 80% ที่เหลือถือพันธบัตร-ทองคำ ส่วนเอ็มเอฟชีเผยกองทุนประกันสังคมและ กบข.มีแนวโน้มกลับมาลงหุ้นเพิ่มเป็น 15% หลังเทขายหุ้นทิ้งต้นปี

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ เปิดเผยถึงการจัดเงินลงทุน (พอร์ต) ก่อนฝรั่งพักลงทุนในช่วงไตรมาส 4 นี้ว่า ในช่วงการลงทุนต่อไปนี้ นักลงทุนต่างชาติจะเริ่มลดการลงทุนลง เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้เข้ามาลงทุนในกลุ่มหลักๆ เช่น พลังงาน สถาบันการเงิน จนทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติอยู่ที่ 32% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ไม่เกิน 35% โดย 9 เดือนแรกที่ผ่านมามียอดซื้อสุทธิ 1.19 แสนล้านบาท ทั้งนี้คาดว่าต่อจากนี้ เม็ดเงินต่างชาติจะไม่ไหลเข้ามากเท่าช่วงก่อนหน้านี้ แต่จะเป็นการโยกเงินลงทุนหุ้นที่มีกำไรขายออกมาลงทุนในหุ้นตัวอื่นในกลุ่มอื่นที่ให้ผลตอบแทนดี

ส่วนกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศคาดว่าจะจัดพอร์ตเข้ามาลงทุนหุ้นมากขึ้น เนื่องจากภาครัฐบังคับให้มีการออมเงินมากขึ้นและเน้นให้จัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพภาคเอกชน จึงเชื่อว่าเม็ดเงินของสถาบันในประเทศจะเป็นตัวขับเคลื่อนการลงทุนให้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ในอนาคตนี้

ที่ผ่านมา แม้นักลงทุนต่างชาติจะปรับพอร์ตลงทุนเทขายหุ้นทำกำไรบ้าง แต่เป็นการเตรียมเงินใช้ซื้อหุ้นจองใหญ่ๆ ที่กำลังจะเข้าตลาดปลายปีนี้ ผมเชื่อว่าตอนนี้ยังไม่มีสัญญาณนักลงทุนต่างชาติจะโยกย้ายเงินลงทุนออกไป จึงเป็นโอกาสดีที่นักลงทุนไทยควรจัดพอร์ตให้น้ำหนักลงทุนหุ้น 60% โดยเน้นตัวหุ้นที่ราคาสะท้อนปัจจัยพื้นฐานมากกว่าจะมาติดตามดูดัชนีขึ้นหรือลง รวมถึงหาหุ้นที่ให้ผลตอบแทนดี จ่ายปันผลต่อเนื่อง อีก 40% ที่เหลือแบ่งเงินลงทุนในพันธบัตรและสินทรัพย์อื่นๆ นายไพบูลย์กล่าว

นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทยเปิดเผยว่า มุมมองการลงทุนในระยะสั้นตั้งแต่ไตรมาส 4 จนถึงปลายเดือนมกราคมปีหน้า ตลาดหุ้นยังคงเป็นแหล่งลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดี แม้ว่าที่ผ่านมามีปัจจัยลบกระทบตลาดหุ้นผันผวนค่อนข้างสูง แต่เชื่อว่าอนาคตตลาดหุ้นต้องเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจ จึงเชื่อว่าจะมีบริษัทดีๆ เข้าจดทะเบียน ดังนั้น ถ้านักลงทุนสามารถรับความเสี่ยงการลงทุนหุ้นในระดับหนึ่ง และเป็นผู้ลงทุนระยะยาว และมีเป้าหมายเพื่อการออมก่อนเกษียณอายุ ควรจัดพอร์ตลงทุนหุ้น 80% พันธบัตรหรือตั๋วเงิน 15% และสินทรัพย์อื่นๆ เช่น ทองคำไม่เกิน 10%

นายศุภกร สุนทรกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นทำให้ความสนใจลงทุนในพันธบัตรเริ่มลดลง จึงเชื่อว่าแนวโน้มเงินจะไหลกลับเข้าตลาดหุ้นมากขึ้น หลังจากช่วงที่ผ่านมานักลงทุนสถาบันรายใหญ่ เช่น กองทุนประกันสังคม กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) มีมูลค่าลงทุนรวมกันมากกว่า 5 แสนล้านบาท ได้ขายสุทธิหุ้นปรับพอร์ตจาก 20% เหลือ 10% คาดว่ามีแนวโน้มจะปรับพอร์ตกลับมาลงทุนในหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 10-15%

นายนิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญตลาดหุ้น กล่าวว่า ภาวะการลงทุนในเดือนตุลาคมนี้ ตลาดหุ้นอยู่ในช่วงปรับฐานลงทุนของนักลงทุนต่างชาติและสถาบันในประเทศ เชื่อว่าจะเห็นความชัดเจนของทิศทางตลาดหุ้นประมาณเดือนหน้าว่า เงินลงทุนจะมาจากแหล่งใดบ้าง ดังนั้น ช่วงนี้นักลงทุนจึงควรปรับพอร์ตลงทุนของตนเองด้วย โดยแบ่งเป็นการลงทุนในหุ้นและถือเงินสดเพื่อเตรียมลงทุนในหุ้นจอง (IPO)

ส่วนการเลือกหุ้นในตลาด ยังคงยึดหลักดูอัตราการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน และค่าพี/อี เพราะเป็นตัวสะท้อนราคาพื้นฐานหุ้นตัวนั้นได้ดี โดยภาพรวมตลาดหุ้นในอดีตมีค่าพีอีเฉลี่ย 11 เท่า แต่ปัจจุบันอยู่ที่ 9 เท่า ถือว่าราคาหุ้นต่ำจากสาเหตุที่นักลงทุนยังไม่เชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทย แต่ถ้าพีอีขึ้นมาอยู่ในระดับสูง นักลงทุนจะเริ่มกลับมาสนใจมีความมั่นใจในการลงทุน ซึ่งเป็นจังหวะที่ราคาหุ้นเริ่มกลับมาสูงขึ้นแล้ว จึงอยากให้นักลงทุนมองจังหวะนี้เลือกลงทุนได้ ส่วนการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนในปีนี้ คาดว่าจะเริ่มชะลอตัวลงมาอยู่ที่ 18% และปีหน้าอยู่ที่ 8-10% แต่ยังถือว่ามีการเติบโตที่ดีเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่น จึงเชื่อว่าภายในสิ้นปีนี้ดัชนีจะทะลุมายืน 750 จุดได้ นายนิเวศน์กล่าว

ประชาชาติธุรกิจ

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com