ทีพีไอโพลีนแจงตลาดฯแจงศาลยกคำร้องเจ้าหนี้ 11 รายทำให้บุ๊คเพิ่ม 3.46 บาทระบุมีโบรกเกอร์บางแห่งบิดเบือนเรื่องมูลค่าหุ้น

นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด(มหาชน)หรือ TPIPL เปิดเผยว่าจากกรณีได้มีบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งออกบทวิเคราะห์ว่ากรณีที่ศาลล้มละลายกลาง ได้ยกคำร้องคัดค้านของเจ้าหนี้ 11 รายที่คัดค้านการซื้อหนี้คืนโดยมีส่วนลดเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2548 ที่ผ่านมานั้นจะไม่มีผลกระทบต่อมูลค่ายุติธรรม(FairValue)ของราคาหุ้นบริษัท

ดังนั้นบริษัทขอเรียนว่าบทวิเคราะห์ดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดต่อผู้ลงทุนได้จึงขอเรียนชี้แจงว่า การที่บริษัทชนะคดีดังกล่าว โดยตามทฤษฎีแล้วจะส่งผลให้ภาระหนี้ตามสัญญาปรับโครงสร้างหนี้บริษัทลดลงประมาณ 2,700 ล้านบาท ซึ่งส่งผลโดยตรงให้มูลค่าในส่วนผู้ถือหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นประมาณ 2,700 ล้านบาท ดังนั้นมูลค่ายุติธรรม (FairValue)โดยทางทฤษฎีต้องเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 2,700 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นประมาณ 3.46บาทต่อหุ้น

ก่อนหน้านี้ขณะที่นางอรพิน เลี่ยวไพรัตน์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโสบริษัท ทีพีไอ โพลีนจำกัด (มหาชน)หรือ TPIPL ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ว่าตามที่ TPIPL ได้ดำเนินการซื้อหนี้คืนโดยมีส่วนลดตามความสมัครใจจากเจ้าหนี้ตามสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ตามเงื่อนไขของแผนฟื้นฟูกิจการและได้นำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนไปชำระหนี้ที่ซื้อคืน ซึ่งมีส่วนลดในส่วนที่เหลือ โดยการยื่นคำร้องขอชำระหนี้

โดยการวางแคชเชียร์เช็ค และหรือดร๊าฟท์ไว้ที่ศาลล้มละลายกลาง เมื่อวันที่ 24ก.พ.47 ซึ่งเจ้าหนี้ส่วนใหญ่ได้เข้ารับชำระหนี้ผ่านกระบวนการของศาลฯแล้ว แต่ยังมีเจ้าหนี้ที่เข้าร่วมกระบวนการซื้อหนี้คืนจำนวน 11 ราย ได้ยื่นคำร้องคัดค้านคำร้องของบริษัทในการขอชำระหนี้ที่ซื้อคืน โดยมีส่วนลดผ่านกระบวนการศาลฯ

บริษัทขอแจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์ทราบว่าเมื่อวันที่ 3 ก.ย.48 ศาลได้มีคำสั่งให้ยกคำร้องคัดค้านของเจ้าหนี้ผู้คัดค้านทั้ง 11 ราย ที่คัดค้านคำร้องขอชำระหนี้ของบริษัท ตามคำสั่งศาลฯถือว่าเจ้าหนี้ผู้คัดค้านทั้ง 11 ราย ไม่มีสิทธิ์บอกเลิกสัญญาซื้อขายหนี้คืน โดยมีส่วนลดที่ทำกับบริษัท

ดังนั้นการชำระหนี้ของบริษัทให้แก่เจ้าหนี้ผู้คัดค้าน โดยผ่านกระบวนการของศาลฯจึงมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย และบริษัทสามารถชำระหนี้คืนให้แก่เจ้าหนี้ทั้ง 11 ราย โดยมีส่วนลดเงินต้นจำนวนประมาณ 1,200 ล้านบาท และได้รับยกเว้นดอกเบี้ยค้างชำระอีกเป็นจำนวนประมาณ 1,500 ล้านบาท รวมเป็นส่วนลดที่บริษัทได้รับทั้งสิ้นจำนวนประมาณ 2,700 ล้านบาท

ที่มา:
ข่าวหุ้น