April 23, 2024   1:16:30 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ระเบิดศึก อีซึ่น เพ้นท์-เมโทรสตาร์ฯ
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 07/10/2005 @ 18:31:52
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

เปิดศึกหุ้น IPO อีซึ่น เพ้นท์ และ เมโทรสตาร์ แย่งชิงเม็ดเงินช่วง 12-17 ตุลาคมนี้ วงการประเมินเบื้องต้น อีซึ่น เพ้นท์ ดูมีภาษีดีกว่า เหตุทำธุรกิจสีรถยนต์ ที่อนาคตรุ่งตามแผนหนุนไทยเป็นฐานการผลิต ขณะที่ เมโทรสตาร์ฯ เป็นผู้ประกอบการด้านคอนโดมิเนียม ซึ่งมีคู่แข่งในตลาดเพียบ แต่เชื่อถึงอย่างไรนักลงทุนก็สนใจหุ้นใหม่แน่![/color:225c7f61a2">

* ระเบิดศึก 2 หุ้น IPO
สัปดาห์นี้ (10-14 ต.ค.) นักลงทุนจะมีโอกาสได้ลุ้นอีกครั้ง กับการจองซื้อหุ้น IPO ถึง 2 บริษัทในเวลาเดียวกัน ได้แก่ บมจ.อีซึ่น เพ้นท์ ซึ่งจะเปิดให้จองซื้อหุ้นในวันที่ 12-14 ตุลาคมนี้ ส่วน บมจ.เมโทรสตาร์ พร็อพเพอร์ตี้ จะเปิดจองในวันที่13-14 และ 17 ตุลาคมนี้
สำหรับ อีซึ่น เพ้นท์ และ เมโทรสตาร์ฯ นับเป็น 2 ใน 6 บริษัท ที่คาดว่าจะเปิดให้จองซื้อหุ้น และนำหุ้นออกซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนนี้ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญในวงการค้าหลักทรัพย์วิเคราะห์ว่า สาเหตุที่บริษัทต่างๆ เหล่านี้ต่างต้องการขายหุ้นในช่วงนี้เพราะหวังได้อานิสงส์จากการเข้าตลาดฯ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ.
โดยหวังว่า กฟผ.ซึ่งเป็นหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปใหญ่ จะสามารถดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนต่างประเทศ ให้เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพิ่มมากขึ้นได้ และน่าจะทำให้หุ้นใหม่ในระยะนี้ได้รับผลดีตามไปด้วย

* อีซึ่น เพ้นท์ ดูดีกว่า เมโทรสตาร์ฯ
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ประเมินภาพรวม บมจ.อีซึ่น เพ้นท์ และ บมจ.เม
โทรฯ ตาร์ พร็อพเพอร์ตี้ ว่า ในเบื้องต้น บมจ.อีซึ่น เพ้นท์ น่าจะมีความน่าสนใจมากว่าเนื่องจากธุรกิจผลิตสีอุตสาหกรรม เป็นธุรกิจต่อเนื่องกับอุตสาหกรรมรถยนต์ ที่ในอนาคตประเทศไทยมีแผนที่พัฒนาไปเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ จึงยังมีโอกาสเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ บมจ.เมโทรสตาร์ พร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
คอนโดมิเนียม นั้น เป็นธุรกิจที่มีผู้ประกอบการในตลาดอยู่แล้วจำนวนมาก โดย
เฉพาะตลาดในกลุ่มคอนโดมิเนียมที่มี LPN เป็นเจ้าตลาด รวมถึงการแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการค่อนข้างสูง ถึงแม้ว่า บมจ.เมโทรสตาร์ พร็อพเพอร์ตี้ จะมีอยู่ใตลาดการแข่งขันอยู่แล้วแต่ก็น่าจะส่งผลให้อัตรากำไรไม่ดีเท่าที่ควร
ทั้งนี้ หากทั้ง 2 บริษัทเปิดซื้อขายวันแรกในช่วงเดือนตุลาคม มองว่า
ภาพรวมตลาดในเดือนตุลาคมนี้ยังไม่ดีนัก โดยดัชนีฯ ยังคงเคลื่อนไหวลักษณะปรับลงหรือทรงตัวเท่านั้น จึงน่าจะส่งผลกระทบต่อหุ้นใหม่ที่จะเข้าซื้อขาย ซึ่งหากราคาหุ้นปรับขึ้นเหนือราคาจองได้ ก็คงเป็นเพียงระยะ 1-2 วันแรกเท่านั้นจากนั้นจะปรับลง
แต่หากซื้อขายในช่วงเดือนพฤษจิกายน อาจได้รับอานิสงส์หาก หุ้น กฟผ. หรือ หุ้นไทยเบเวอร์เรจ ที่หากเข้าซื้อขายในช่วงพฤษจิกายนจะทำให้บรรยากาศการซื้อขายดีขึ้น

* เชื่อนักลงทุนสนใจหุ้นใหม่แน่
ด้านนักวิเคราะห์อีกรายหนึ่ง กล่าวถึงหุ้น บมจ.อีซึ่น เพ้นท์ (EASON) ว่าอีซึ่น เพ้นท์ มีแผนขยายการลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตอีก 40% และขยายการผลิตสีพ่นรถยนต์ จากเดิมผลิตสีพ่นรถจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นรายได้หลักของ อีซึ่น เพ้นท์ ที่มีอัตราการเติบโตค่อนข้างชะลอหรือเริ่มอิ่มตัว โดยมีการเติบโตเพียง 1-2% เท่านั้น ซึ่งการขยายกำลังการผลิตไปสู่กลุ่มรถยนต์ของ อีซึ่น เพ้นท์ มองว่ามีแนวโน้มเติบโตตามอัตราการส่งออก ซึ่งการเพิ่มกำลังการผลิตประเมินว่าจะสร้างรายได้เพิ่ม 150 ล้านบาทต่อปี
ส่วนการผลิตสีพ่นพลาสติก คาดว่าจะมีรายได้ ประมาณ 80 ล้านบาทต่อปีและเงินทุนอีกส่วนมีแผนนำปรับปรุงการผลิตเดิม , คลังสินค้า ที่คาดจะมีรายได้ 55 ล้านบาทต่อปี
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอัตราการเติบโตในอุตสาหกรรมรถยนต์จะยังคงขยายตัวคาดว่าปีนี้เติบโต 10-15 % แต่ขณะนี้ยังไม่ใช่รายได้หลักของ อีซึ่น เพ้นท์และเมื่อเปรียบเทียบ อัตราการเติบโตของ อีซึ่น เพ้นท์ กับหุ้นในกลุ่มเดียวกันถือว่ายังไม่โดดเด่น ทั้งนี้ คาดว่ารายได้ในปี 2548 ของ อีซึ่น เพ้นท์ จะอยู่ที่ 651 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 9% ส่วนในปี 2549 คาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นอีก 13% จากปี 2548 ขณะที่กำไรปี 2548 จะอยู่ที่ 71 ล้านบาท ส่วนปี 2549 คาดว่าจะอยู่ที่ 84 ล้านบาท
หากหุ้น EASON เข้าซื้อขายในช่วงไตรมาส 4/48 คาดว่าน่าจะได้รับ
ความน่าสนใจเนื่องจากเป็นหุ้นใหม่ และช่วงนี้ไม่มีหุ้นอะไรมาให้เล่น ซึ่งกลยุทธ์การลงทุน ด้วยราคาเป้าหมายปี48 ให้ไว้ 3.40 บาท ปี 49 ให้ไว้ 4 บาทจึงยังพอมีอัพไซด์ ส่วนปัจจัยเสี่ยงทางธุรกิจคือถ้าเจ้าของลิขสิทธิ์ผลิตสีเองจะส่งผลต่อรายได้บริษัทฯ แต่ผู้บริหารบอกว่า เป็นไปไม่ได้ นักวิเคราะห์ กล่าว

* อีซึ่น เพ้นท์ ขายหุ้นละ 3 บาท
นางสาวเพชรรัตน์ เอกแสงกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.อีซึ่น เพ้นท์ เปิด
เผยว่า อีซึ่น เพ้นท์ เป็นผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายสีอุตสาหกรรม ประกอบด้วยสีพ่นรถจักรยานยนต์ สีพ่นพลาสติก และสีอุตสาหกรรมอื่นๆ ซึ่งได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปในราคาหุ้นละ 3 บาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท จำนวน 60 ล้านหุ้นซึ่งจะเปิดให้มีการจองซื้อในวันที่ 12-14 ตุลาคมนี้
โดยมี บล.โกลเบล็ก และบล.เคจีไอ (ประเทศไทย)เป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหมวดยานยนต์
นอกจากนี้ผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่ม
ทุนในครั้งนี้ยังมีอีกจำนวน 8 บริษัท ได้แก่ บล.ฟาร์อีสท์ บล.กรุงศรีอยุธยา
บล.บีที บล.ทีเอสอีซี บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) บล.ไซรัส บล.ธนชาต และบล.ซิกโก้

* ตั้งเป้าโตไม่ต่ำกว่า 10% ต่อปี
อีซึ่น เพ้นท์ ตั้งเป้าว่าในปี 2548-2549 การเติบโตจะขยายตัวไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 ต่อปี ซึ่งการระดมทุนในครั้งนี้จะทำให้บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าและเจาะตลาดสีเพื่อทดแทนการนำเข้า ทำให้เจ้าของลิขสิทธิ์และผู้คิดค้นสูตรมีความมั่นใจในระบบการรักษาความลับ Knowhow ซึ่งการเพิ่มสายการผลิตใหม่และขยายกำลังการผลิตสีในสายการผลิตเดิมทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตทั้งสิ้นเพิ่มขึ้นจากสิ้นปีนี้จำนวน 4,900 ตัน/ปี เพิ่มขึ้นอีก 2,000 ตัน/ปี ภายในปี 2549ส่งผลให้บริษัทมีกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้นประมาณ 6,900 ตัน/ปี
ทั้งนี้ บริษัทจะพยายามรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาที่อยู่ที่ประมาณ 30%

* ไม่หวั่นขายหุ้นพร้อม เมโทรสตาร์ฯ
นายสนั่น เอกแสงกุล ประธานกรรมการ บมจ.อีซึ่น เพ้นท์ กล่าวว่าแม้ว่า
วันเสนอขายหุ้น อีซึ่น เพ้นท์ จะตรงกับวันที่เสนอขายหุ้นของ บมจ.เมโทรสตาร์พร็อพเพอร์ตี้ แต่คาดว่าคงไม่ส่งผลกระทบต่อการเสนอขายหุ้นเพราะบริษัทฯ ถือว่ามีปัจจัยพื้นฐานที่ดี อีกทั้งยังเสนอขายหุ้นไม่มากนัก มีจำนวนเพียง 60 ล้านหุ้นเท่านั้น
นอกจากนี้ อีซึ่น เพ้นท์ และ เมโทรสตาร์ฯ ดำเนินธุรกิจอยู่คนละกลุ่มกันโดยบริษัทฯ มีจุดเด่นเป็นผู้ประกอบธุรกิจสีมามากกว่า 40 ปี อีกทั้งประกอบธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมที่มีอัตราการเติบโตที่ดีทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์อุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ เป็นต้น
ทั้งนี้ บริษัทไม่มีความกังวลถึงเรื่องราคาหุ้นว่าเมื่อเข้าเทรดแล้วราคาจะยืนเหนือราคาจองได้หรือไม่แต่บริษัทจะพยายามประกอบธุรกิจให้มีอัตราการเติบโตที่ดีและผลประกอบการที่บริษัทประมาณการไว้นั้นเป็นสิ่งที่สามารถเป็นไปได้โดยบริษัทตั้งเป้าอัตราการเติบโตในปีนี้ไม่น้อยกว่า 10% จากปีก่อนที่บริษัทมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 600 ล้านบาท

* ฟุ้งสถาบันจองล้น 5.5 เท่า
นายช่วงชัย นะวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.โกลเบล็ก ในฐานะ
แกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น กล่าวว่า จากการกำหนดราคาหุ้น IPO ที่ 3 บาทต่อหุ้นนั้น ถือว่าเป็นราคาที่ไม่แพงซึ่งราคาดังกล่าวได้คำนวณมาจากทุนจดทะเบียนหลังการเพิ่มทุนในครั้งนี้ที่อยู่ที่ 200 ล้านบาท มีค่า P/E อยู่ที่ 10 เท่า
และมีกำไรในปี 2547 อยู่ที่ 60 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.30 บาท/หุ้นที่
เรียกชำระแล้วทั้งหมดหลังการเสนอขายในครั้งนี้ (Fully diluted) แต่ทั้งนี้หากคำนวณจากทุนจดทะเบียนก่อนการเพิ่มทุนที่ 140 ล้านบาท จะมีค่าP/E อยู่ที่ประมาณ 7.2 เท่า
ประกอบกับมีนักลงทุนแสดงความสนใจต้องการซื้อหุ้นประมาณ 5.5 เท่าของจำนวนหุ้นที่จัดสรรให้แก่นักลงทุนสถาบันดังนั้นจึงมีความมั่นใจว่าการกำหนดราคาหุ้นในครั้งนี้จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนได้

* เมโทรสตาร์ฯ ขาย 7 บาท เปิดเทรด 26 ต.ค.
ด้านแหล่งข่าวในวงการหลักทรัพย์ เปิดเผยว่าขณะนี้ได้กำหนดราคาขายเบื้องต้นของ บมจ.เมโทรสตาร์ พร็อพเพอร์ตี้ ไว้ที่ระดับ 7 บาท/หุ้น โดยมี
บล.ธนชาตเป็นแกนนำในการจัดจำหน่าย ซึ่งจะเปิดขาย IPO จำนวน 75 ล้านหุ้น ระหว่างวันที่ 13-14 และ 17 ตุลาคมนี้ และคาดว่านำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันที่ 26 ตุลาคม 2548
ทั้งนี้ การหนดราคาเบื้องต้นไว้ที่ 7 บาท/หุ้นนั้น เมื่อเทียบค่าพีอีกับกลุ่ม
พร็อพเพอร์ตี้ด้วยกัน ถือว่าราคาถูกกว่า และคาดว่าน่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี
สำหรับเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทฯ แจ้งว่าจะนำไปใช้
พัฒนาโครงการใหม่ โดยมุ่งเน้นโครงการที่อยู่ในย่านศูนย์กลางธุรกิจและพื้นที่ทำเลดี

อย่างไรก็ตาม เมโทรสตาร์ฯ จะเปิดแถลงข่าวถึงรายละเอียดการขาย IPO ในวันจันทร์ที่ 10 ตุลาคมนี้ เวลา 13.45 น.

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com