April 24, 2024   8:55:21 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ผิดเป็นครู
 

???????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 288
วันที่: 09/10/2005 @ 17:56:52
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

.0007
ผิดเป็นครู[/color:6af1c405ed">
วันนี้ผมพอว่างบ้างแล้วเลย เอาข้อคิดดีๆมาฝากให้อ่านกัน ลองอ่านกันดูนะครับ
การลองผิดลองถูกเป็นกระบวนการเรียนรู้อย่างหนึ่ง ที่มนุษย์ชอบใช้นักใช้หนา บ่อยๆที่เรามักเรียนรู้จากความเจ็บปวดของนักลงทุนที่หมดตัว และบาดเจ็บอย่างแสนสาหัสจากตลาดหุ้น เมื่อหน้าเก่าล้มหายตายจากไปก็มักมีหน้าใหม่เอ๊าะๆ วนเวียนเข้ามาในตลาดแห่งความโลภเสมอๆ อย่าว่าแต่นักลงทุนหน้าใหม่เลยบางครั้งนักลงทุนหน้าเก่าที่ช่ำชองก็ยังผิดพลาดจาก Common sense ง่ายๆเหมือนกัน ใครๆก็อยากจะ being perfect แต่มันทำยากเพราะฉะนั้นการเรียนรู้จากข้อผิดพลาดของคนอื่น จึงทำให้เรารู้ทีจะวิ่งบนถนนสายลูกรังหลังฝนตกสายนี้ได้อย่างปลอดภัย
ข้อแรกกฎของการเล่น Margin มากเกินไป [/color:6af1c405ed">
Margin คือการยืมเงินคนอื่นมาเล่นหุ้น คุณอาจจะคิดว่ามันเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้คุณทำเงินได้มากขึ้นในระยะเวลาอันสั้น แต่มัน เหมือน เหรียญที่มีสองหน้าที่ทำให้คุณ ล่มจมได้อีกเช่นกัน ผมว่านะมันไม่เหมาะกับมือใหม่อย่างเด็ดขาด ไม่มีอะไรที่ได้มา ฟรีๆ ในโลกทุนนิยม ถ้าราคาของหุ้นไม่เป็นไปในทิศทางที่คุณคิด เมื่อถูก Force sell นรกก็จะมาเยือน คุณกล้าใช้บัตรเครดิตซื้อหุ้นมั๊ยล่ะ ถ้าไม่ ก็ต้องลองคิดกลับ การที่คุณเล่น Margin ก็เหมือนที่คุณเอาบัตรเครดิตมาซื้อหุ้นนั่นล่ะครับ
คุณอยากเล่นมันคุณต้องติดตามตลาดอย่างไม่กระพริบตา เพราะกำไรหรือขาดทุนเพียงเล็กน้อยก็มีผลกับตัวคุณแล้ว คุณอยากเข้าไปยุ่งกับมันคุณต้องเรียนรู้ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับตัวคุณให้ดี อันตราย อันตราย
ข้อสองเกี่ยวกับTip เด็ดตาม TV [/color:6af1c405ed">
คุณอาจจะได้ยิน คนในตลาดมักคุณโม้โอ้อวดว่า ซื้อหุ้นตัวนั้นซิเด็ด ตัวนี้ซิเจ๋ง พอเราซื้อมั่ง ตัวนั้นก็ Dead ตัวนี้ก็เจ๊ง บางทีนักวิเคราะห์ชอบออกมาพูดว่า หุ้นตัวนี้จะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ จะสร้างรายได้ให้กับบริษัทเท่านั้นเท่านี้ แม้มันจะจริงแต่อาจจะไม่มีผลกับราคาหุ้นก็ได้ เพราะเขาอาจซื้อไว้แล้ว พอออกทีวี เขาขายให้คุณไปต่อราคาให้กับหุ้นของเขา
เห็นนักวิเคราะห์ทางทีวีชอบนัก หุ้นเด่นประจำวัน ตัวนี้ต้องซื้อ บอกให้ซื้อแต่ไม่เคยสนใจว่าถ้าคุณซื้อแล้วราคามันลง ผลกระทบที่เกิดกับตัวคุณจะเป็นอย่างไร คุณขาดทุน จะไปขอให้แกชดใช้เหรอครับ เขาจะได้หัวเราะแกมเย้ยหยันเอาได้ อยากซื้อเองทำไมล่ะ ซื้อไปก็เสร็จฉันเท่านั้นเอง เชื่อพวกนี้เหมือนเล่นการพนันหรือการเดาราคาหุ้นดีๆนี่เอง
แต่ไม่ใช่ทั้งหมดที่เขาบอกจะเป็นของเสียนะครับ บางทีเขาอาจจะให้ข้อมูลหุ้นบางตัวที่คุณปิ๊งก็ได้ แต่เมื่อได้หุ้นที่คุณปิ๊งแล้วคุณต้องทำการบ้าน คุณต้องรู้ถึงเหตุผลว่าทำไมคุณถึงซื้อหุ้นตัวนี้ อย่าเพียงเชื่อเพราะว่า Fund manager ในทีวีบอกว่าหุ้นตัวนี้น่าสนใจ
ครั้งต่อไปที่คุณได้ยินหุ้นเด่นในทีวี คุณอย่ารีบผลีผลามซื้อมัน คุณต้องศึกษาข้อมูลซะก่อนแล้ว ปรึกษาผู้รู้รอบข้างให้ดีๆ
การเล่น Day trade [/color:6af1c405ed">
ถ้าคุณอยากเล่นแบบซื้อขายหุ้นทุกวัน ต้องคิดให้หนักนะครับ พวก VS (Value stock) ผู้ชอบสีสันของตลาด แต่จะรอบรู้ จะต้องมีเครื่องมือที่เหนือกว่าคนอื่น เหนือกว่านักลงทุนทั่วไป คุณรู้มั๊ยว่าคุณต้องมีค่าใช้จ่ายทำไหร่ถึงจะมีเครื่องมือที่เพียบพร้อม ต้องมีคอม ต้องมีระบบที่เชื่อมโยงกับตลาดแบบ Real time ต้องมีโปรแกรมวิเคราะห์ทางเทคนิคแบบมือฉมัง หลังจากนั้นคุณลองคำนวณรายจ่ายต่อเดือนดูว่า หลังจากหักค่าคอมแล้วคุณคุ้มกับรายจ่ายที่ต้องจ่ายไปรึเปล่า
สรุปนะครับ[/color:6af1c405ed">
ผมว่าถ้าคุณไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญที่มีเครื่องมือที่เพียบพร้อมหรือดีกว่า Broker คุณอย่าไปยุ่งกับมันดีกว่าครับ อีกทั้งคุณยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงและความเครียดอยู่ตลอดเวลา
ข้อผิดพลาดที่สี่ [/color:6af1c405ed">
คุณซื้อเพราะคิดว่าหุ้นขณะนี้มันถูกมากแล้ว บางทีคุณอาจคิดว่าหุ้นขณะนี้ตกมากแล้ว เรียกว่าถูกในรอบ 1 ปีเชียวนะ หรือถ้าเป็นการซื้อของตามห้างอาจจะเป็น Opening Grand Sale หุ้นนะครับ ไม่ใช่ การshopping บางทีนะบริษัทที่เราเข้าไปซื้อหุ้นอาจมีการเพิ่มทุนอย่างมากมายเมื่อ ปีที่แล้วแต่รายได้ไม่เพิ่มขึ้น นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำไมราคาถึงไม่วิ่ง หรือบางทีในบริษัทพวกกรรมการอาจจะกำลังทะเลาะกันให้วุ่นวาย แย่งผลประโยชน์กัน เป็นรัฐมนตรีที่กำลังจะถูกปรับออก เลยต้องขายหุ้นทิ้ง ผมไม่ได้กำลังว่าหุ้นพลังงานหรือท่านรัฐมนตรีช่วยนะครับ แต่ใครจะไปรับหุ้นตัวนี้ก็ระวังกันหน่อยก็แล้วกัน เดี๋ยวเงินที่จะไปปิกนิกวันสุดสัปดาห์จะต้องไปอยู่ในตลาดหุ้นซะเปล่าๆ
ดังนั้นคุณควรหลีกเลี่ยงที่จะลงทุนในหุ้นตัวที่เสี่ยงรวยเสี่ยงจน แม้ว่าหุ้นตัวนั้นจะพื้นฐานดี แต่ราคามันลงทุกวัน อย่าลืมว่าคุณอยู่ในตลาดแห่งนี้อย่าเชื่อใคร ทำการบ้านก่อนการซื้อหุ้นทุกครั้ง ซื้อหุ้นที่มีพื้นฐานและอนาคตที่ดี จะทำให้คุณไม่ผิดหวัง
ต้องรู้ถึงศักยภาพของตัวคุณให้ดี [/color:6af1c405ed">
ไม่จริงเสมอไปหรอกครับ ว่าหุ้นเป็นเรื่องของมืออาชีพในบางครั้ง ฟันด์เมเนเจอร์อาจทำกำไรสู้ เซลแมนไม่ได้ก็ได้นะครับ นักลงทุนรายย่อยน้อยคนนักที่จะศึกษาหุ้นตัวที่จะซื้ออย่างถ่องแท้ แต่นักลงทุนส่วนใหญ่มักใช้ Common sense และอารมณ์ในการตัดสินใจ อย่าคิดแต่เพียงว่าคุณไม่ใช่มืออาชีพ คุณสู้เขาไม่ได้ เพียงแต่การเล่นหุ้นไม่ใช่หลักของคุณแค่นั้นเอง คุณควรศึกษาและพัฒนาศักยภาพตัวคุณเองของทุกอย่างเรียนทันกันครับ ผมคนหนี่งล่ะที่เคยคิดว่า กองทุนจะทำกำไรให้ผมได้มากกว่า ผมเลยซื้อกองทุนดู ผมไม่ขาดทุน แต่กองทุนที่ผมซื้อไว้ยังติดลบอยู่ 10% โดยประมาณ จากนั้นผมก็ไม่เคยคิดว่ากองทุนจะมาเล่นหุ้นเก่งกว่าผมอีกเลย
ก่อนซื้อหุ้นคุณควรมองภาพรวมภาพใหญ่ให้ชัด [/color:6af1c405ed">
สำหรับนักลงทุนระยะยาว สิ่งหนึ่งที่สำคัญ ซึ่งเรามักมองข้ามคือ คือการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานอย่างมีประสิทธิภาพ หรือมองภาพรวมภาพใหญ่แนวโน้มในการทำกำไรของบริษัท ครั้งหนึ่ง ปีเตอร์ ลินซ์ เคยกล่าวไว้ว่า ครั้งหนึ่งเขาพบกลยุทธ์ที่ดีในการลงทุนโดยการมองไปที่ของเล่นของเด็กๆ และมองไปถึงแนวโน้มของมันว่ามันควรจะไปในทิศทางไหน บางครั้ง Brand name ก็สำคัญ เพราะชื่อเสียงมันทำให้สินค้า ของมันเองได้ในระยะยาว เช่น สินค้าบางยี่ห้อ ต้องยอมรับว่าคนส่วนใหญ่รู้จักมัน นั่นมันทำให้สินค้าตัวนี้มีค่านับพันล้าน หรือเรียกได้ว่าทำให้มันหากินไปได้ชั่วชีวิต
แต่ถ้าโลกเปลี่ยนไป หรือที่เราเรียกว่า Trend เปลี่ยน มันอาจจะทำให้มีผลต่อตัวสินค้า หรือบริษัท ถ้าคุณยังดื้อแพ่งถือหุ้นต่อ คุณจะกลายเป็นผู้แพ้ในไม่ช้า ยกตัวอย่างเช่น เมื่อมี Computer เข้ามาในปี 1980 Trend ของบริษัทพิมพ์ดีดก็เปลี่ยนไป หรือ ดูอย่างกล้อง ดิจิตอลนั่นปะไร ทำให้บริษัทที่ผลิตฟิล์มก็ต้องปรับตัวครั้งใหญ่เช่นกัน
เรียนรู้จากข้อผิดพลาดของตัวคุณเอง [/color:6af1c405ed">
ต้องยอมรับว่านักลงทุนทุกคนก็คือคนธรรมดาคนหนึ่งที่มีจิตใจและอารมณ์นั่นเอง ทุกคนมีข้อผิดพลาด เมื่อเรารู้ว่าการตัดสินใจของเราผิดพลาดไปแล้ว เราต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับมัน ถ้าผิดต้องรู้ว่าผิด ต้องรู้ว่าจะเฉลี่ยเมื่อไหร่ หรือว่าจะเปลี่ยนตัวเล่น
ข้อคิดอย่างหนึ่งก็คือว่า[/color:6af1c405ed"> ความสามารถของบริษัท ย่อมไม่เกี่ยวกับวิกฤตที่ทำให้ราคาตกต่ำ ณ. เวลานั้นคุณต้องคิดให้หนักว่าจะลงทุนต่อ หรือเปลี่ยนตัวเล่น ถ้าบริษัทยังมีอนาคตที่ดี ก็เชื่อมั่นในตัวเองเถอะครับ แต่ถ้าไม่ล่ะก็ยอมจำนน เชื่อผมเถอะรู้ผิดเป็นครู แล้วครูคนนี้จะทำให้เรารอดจากวิกฤต
สรุป [/color:6af1c405ed">
อย่ามองด้านเดียวว่าคนที่อยู่ในตลาดหุ้นสามารถทำกำไรได้มากมายในระยะเวลาอันสั้น มีได้ก็ต้องมีเสียครับ คงไม่มีข้อแนะนำอะไรที่สามารถทำให้คุณเรียนรู้ถึงความเจ็บปวดของผู้แพ้ในระยะเวลาอันสั้นๆหรอกครับ ไม่มีที่นั่งสำหรับผู้แพ้ในตลาดแห่งนี้ สิ่งที่ดีที่สุด สำหรับผู้ลงทุนระยะยาว คือคุณต้องลงทุนอย่างมีเหตุผล และอยู่กับกลยุทธ์ที่คุณถนัด ถ้าคุณคิดว่าคุณสามารถทำกำไรสั้นๆ และรวยอย่างรวดเร็วในตลาดหุ้น โดยที่คุณเอาเงินของคุณไปเสี่ยงเหมือนเล่นการพนัน คุณไปปอยเปตเถอะครับ หาบ่อนเขมรดีๆแล้วไปนั่งอยู่ที่นั่นดีกว่า ถ้าคุณคิดจะเสี่ยงในตลาดหุ้นโดยคิดว่าที่นี่คือบ่อนล่ะก็ คุณใช้เอ็นเล่นหุ้นแล้วครับ เพราะสมองคุณจะไม่ทำงานในเวลานั้นเพราะถูกความโลภเข้าครอบงำ พอร์ตคุณจะโตหรือไม่ หรือคุณจะประสบความสำเร็จในตลาดหุ้นหรือไม่ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ที่คุณใช้และการตัดสินใจของคุณแล้วล่ะครับ
เขียนโดย คุณเซ็ง[/color:6af1c405ed">

 กลับขึ้นบน
กวนอู
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 46
#1 วันที่: 09/10/2005 @ 22:58:53 : re: ผิดเป็นครู
ขอบคุณครับ ที่นำมาให้อ่าน แทงใจผมทุกข้อเลยครับ...ทั้ง 4 ข้อเลยอ่ะ .0002 .0002
 กลับขึ้นบน
innocent
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 729
#2 วันที่: 10/10/2005 @ 07:12:41 : re: ผิดเป็นครู
.0005 .0005 .0005

[b:0d715c4e75">ขอบคุณค่ะ.......น้องมิโกะ.... .0000

แต่ละข้อพวกเราก็รู้ ๆ กานอยู่อ่ะนะ.....

บางข้อไม่เคยทำ...บางข้อเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า...

มะรู้จักจำ......อย่างงี้เค้าเรียกดื้อหรือโง...กันเนี่ยะ

หรือว่าทั้งสองหว่า.....ว่าตัวเองง่ะ.....จำไว้..คิคิ..[/b:0d715c4e75"> [/color:0d715c4e75">.000c
 กลับขึ้นบน
chaiyong999
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 11
#3 วันที่: 10/10/2005 @ 09:18:02 : re: ผิดเป็นครู
มิโกะ...เอามาว่าผมแน่เลย... .0008 .0008 .0008
 กลับขึ้นบน
มิชิโกะ
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 288
#4 วันที่: 10/10/2005 @ 13:55:40 : re: ผิดเป็นครู
.000A
เค้าว่า...แล้วยังมาทำหน้า ทะเล้น อีกแน่ะ[/color:ba21066875">
.0008
มิโกะ...ว่าตัวเอง ตะหาก หล่ะ พี่ต้อม ง่ะ!
[/color:ba21066875">[/size:ba21066875">
.0002 ฟฟฟฟ3
อ่านแล้ว ก็ได้ข้อคิดดีๆ นะคะ
ไว้เตือนตัวเองบ่อยๆ อ่ะค่ะ[/color:ba21066875">[/size:ba21066875">
.0007
 กลับขึ้นบน
lekmarouy
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 10
#5 วันที่: 10/10/2005 @ 17:07:12 : re: ผิดเป็นครู
มันเป็นความจริง ที่ซู๊ดส์
 กลับขึ้นบน
มิชิโกะ
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 288
#6 วันที่: 10/10/2005 @ 19:00:09 : re: ผิดเป็นครู
.0001

เรื่องนี้ ก็...คุณเซ็ง กรุณา เขียนให้อ่าน อีกเหมือนกัลล์ ค่ะ
เค้าตั้งชื่อเรื่องว่า...[/color:2a952966b6">เรื่องสยองเล็กน้อย[/color:2a952966b6">

เห็นเรื่องมันน่าอ่านดีเลยแปลสดๆมาให้ได้อ่านกัน คิดว่ามีพิมพ์ผิดบ้าง ไม่ได้เกลาภาษาบ้าง ทนอ่านไปก่อนนะครับคิดว่ามีประโยชน์ เดี๋ยวผมว่างๆ ค่อยมาเกลาภาษาใหม่

เรื่องของความกลัว และความโลภล้วนๆ [/color:2a952966b6">

คำกล่าวอันเก่าแก่อันหนึ่งในตลาดวอลสตรีทบอกว่า ตลาดมักถูกขับเคลื่อนโดยอารมณ์ 2 สองอารมณ์ คือ ความโลภ กับ ความกลัว ดูเหมือนง่ายนะครับ แต่มันเป็นสัจจะธรรม สองอารมณ์ จะเป็นตัวกำหนดตลาด มีผลต่อตลาด และสร้างอารมณ์ให้กับตลาด

ในโลกแห่งการลงทุน สองพวกที่เรามักได้ยินคู่กันไปคือ Value investing กับ Growth investing แม้ว่าพวกนี้จะมีกลยุทธ์ที่เป็นตัวของตัวเอง แต่โดยพื้นฐานแล้วพวกนี้ต้องมีความเข้าใจ ในเรื่องของความโลภและความกลัว ที่ผลต่อเขาในการตัดสินใจในการลงทุน

โอย... มีหนังสือนับไม่ถ้วนเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่างน้อยๆทฤษฎี เบื้องต้นเกี่ยวกับ Elliot Wave นั่นล่ะแต่เราไม่ได้ต้องการพูดถึงทฤษฎีที่น่าปวดหัวพวกนั้น เราต้องการพูดถึง วิธีที่จะชนะสองอารมณ์นี้ต่างหากล่ะ

อิทธิพลของความกลัวของนักลงทุน [/color:2a952966b6">

ใครๆก็อยากรวยเร็ว หรือว่าไม่จริงๆ เถียงได้นะครับ เวลาหุ้นขึ้นเนี่ยตัวดีนักล่ะ ไม่ยอมปล่อยฝันนักฝันหนาว่าตอนนี้พอร์ตโตแค่นั้นแค่นี้ ขายออกจะถอย BMW ซักคัน แล้วเป็นไงล่ะ สุดท้ายต้องไปผ่อนรถญี่ปุ่น เพราะฉะนั้นตอนหุ้นขึ้นๆห้ามคุยว่า ตอนนี้กำไรเท่าไหร่ ไว้คุยตอนหุ้นมันลง แล้วบอกกับเพื่อนว่า ผมมีเงินรับหุ้นอยู่ในพอร์ตเท่าไหร่ จำไว้ ถ้ายังจำความรู้สึกตอน 800 จุดได้ โหตอนนั้น โลภสุดๆ ผมกลับกลัวแฮะ

Warren Buffet เป็นตัวอย่างที่ดีที่เขาไม่ถูกความโลภเข้าครอบงำ เขายังคงหนักแน่นกับกลยุทธ์ของเขา ในช่วงที่หุ้น Dotcom บูมหนักๆ ฺBuffet ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักที่เขาไม่ยอมลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ยิ่งตอนที่หุ้นกลุ่มนี้บูมหนักๆ Warren ยังต้องหุบปากไปพักใหญ่ แต่Warren ก็ยังยึดมั่นกับกลยุทธ์ของการลงทุนระยะยาวที่เขาถนัด โดยไม่ให้อารมณ์ตลาดและความโลภมาครอบงำความคิดเขาเป็นอันขาด แล้วที่สุดเขาก็เป็นผู้รอดพ้นจากการพังทลายของตลาดหุ้นสหรัฐ ยามเศรษฐกิจตกต่ำ
อิทธิพลของความกลัว

เมื่อตลาดกระทิงมาเยือนอารมณ์ของนักลงทุนมักถูกปกครองด้วยความโลภ เช่นเดียวกัน เมื่อตลาดลงมาจนสุดได้ระดับหนึ่ง ตลาดจะมีช่วงเวลาด๊อกๆแด๊กๆ กินระยะ Sideway ช่วงนี้ล่ะตลาดจะถูกปกคลุมด้วยความกลัว ความหงุดหงิด งุ่นง่าน ความสิ้นหวัง วิตกกังวล กลัวหมีมันจะตบเอาอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า รู้สิ้นหวังกับตลาด ไร้ซึ่งอนาคต ผมว่าอันตรายพอกัน ระหว่างกลัวจนเกินไป กับโลภจนเกินไป ถ้าคุณรักที่จะอยู่ในตลาดหุ้น คุณต้องเรียนรู้กับอารมณ์ 2 ชนิดนี้ให้ดี เพราะเราต้องทำกำไร และขาดทุน กับมัน ตัวอย่างก็ง่ายๆ ลองดูอารมณ์คุณกับตลาดหุ้นตอนนี้ซิ สำรวจดูว่ามันเป็นอย่างไร [/color:2a952966b6">

Fundamentals เหรอครับ ลงถังขยะไปเถอะ ราคาเป้าหมายเหรอครับ เอาอะไรมาพูดซี้ซั้วทั้งเพ โดยเฉพาะ บทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์เนี่ย จะเป็นเป้าที่ถูกโจมตีมากที่สุด ตอนแรกที่เข้ามาลงทุน คนมักจะถามว่าถ้าผมลงทุนระยะยาว 1 ปี 6 เดือน หรือ 3 เดือน ผมควรลงทุนในหุ้นตัวไหนกลุ่มไหนดี แต่พอเจอหมีตบ ที 2 ที เท่านั้นล่ะเปลี่ยนคำถามทันที ตอนนี้ผมขาดทุนมากอยากจะ ขายทิ้งและสาปส่งตลาดหุ้นทันที ลืมไปเลยว่าตัวเองเคยอยากลงทุนซักปี หุ้นนะครับ ไม่ใช่กิ๊ก กิ๊กน่ะฟันลูกเดียว แต่หุ้นมีสองอย่าง ถ้าคุณได้ฟัน คุณก็จะทิ้งมัน แต่ถ้าคุณถูกฟัน คุณก็จะทิ้งมันไม่ลง ถึงทิ้งได้ก็น้ำตาตก หรือไม่ก็ใช้บริการ พาราเซตตามอนซัก 20 เม็ด แต่นี่ล่ะครับที่เป็นจุดเปลี่ยน เมื่อคุณเล่นกับมันได้และเข้าซื้อหุ้นถูกจังหวะถูกเวลา คุณก็จะข้ามเส้นระหว่างเศรษฐีกับยากจกในชั่วข้ามคืน

แต่ส่วนใหญ่แล้วความกลัวนี่ล่ะจะเป็นตัวฉีก Portfolio ของคุณให้เป็นรูเบ้อเริ่มเทิ่ม นำมาซึ่งการ Cut loss และขาดทุนยับเยิน ต้องเข้าใจนะครับเมื่อความกลัวเข้าครอบงำ คนส่วนใหญ่มักคิดว่า Low return แต่ตลาดจะเปลี่ยนเป็น Low risk ทันที

จุดไหนล่ะ? ที่เหมาะสมระหว่างความโลภและความกลัว [/color:2a952966b6">

เป็นธรรมดาของอารมณ์ตลาดที่มักสับเปลี่ยนกันตลอดเวลาระหว่างความโลภกับความกลัว เมื่อคุณสิ้นหวัง ก็มักจะมีคนเข้ามาสร้างความหวังให้คุณได้อยู่ตลอดเวลา นี่ล่ะคือเสน่ห์ของตลาดหุ้น

คุณต้องชนะอารมณ์นี้ให้ได้ อย่าใส่ใจกับอารมณ์รายวันให้มากนัก[/color:2a952966b6"> เพราะมันจะเป็นแรงขับให้คุณตัดสินใจผิดพลาด
เมื่อวางกลยุทธ์ที่จะเข้ามาลงทุนแล้วจงเชื่อมั่นในสิ่งที่คุณรู้ Buffet กล่าวไว้ว่า Unless you can watch your stock holding decline by 50% without becoming panic stricken, you should not be in the stock market. ทำให้นึกถึงที่ผมเคยพูดไว้ว่า ถ้าใครไม่เคยติดหุ้น ก็ถือว่าคุณยังไม่ผ่าน ป. 1

พูดง่ายกว่าทำ [/color:2a952966b6">

คิดน่ะมันง่าย ที่กล่าวมาเหมือนว่ามันจะง่ายนะครับ การควบคุมอารมณ์ ให้ทนกับความเจ็บปวดว่าเสียหุ้นแน่แล้วตู มันแย่นะครับแต่ถ้าทำไม่ได้ เก็บกระเป๋าแล้วออกไปจากตลาดเถอะครับ แล้วก็ไม่ต้องเรียกร้องอะไรเอากับใครด้วย เพราะคุณพลาดเอง จำไว้ จงใช้เหตุผลในการตัดสินใจ ถ้าเอาอารมณ์เข้ามาครอบงำเมื่อไหร่จะทำให้คุณตัดสินใจผิดพลาด [/color:2a952966b6">

บทสรุป

สุดท้ายแล้วคุณเท่านั้นที่จะทำให้พอร์ตคุณขาดทุนหรือกำไร ไม่ใช่ที่ปรึกษา หรือ โบรกเกอร์ ยึดมั่นในกลยุทธ์ และคุมอารมณ์ให้ดี ต้องรู้ว่าตอนนี้ตลาดอยุ่ในอารมณ์ไหน
ไม่ว่าความโลภหรือความกลัวจะทำให้คุณตาบอดและตัดสินใจผิดพลาดได้ทั้งนั้นล่ะครับ[/color:2a952966b6">

.000c ฟฟฟฟ3
 กลับขึ้นบน
U
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 271
#7 วันที่: 11/10/2005 @ 09:36:20 : re: ผิดเป็นครู
.0005

พอขายแล้วขึ้น พอซื้อแล้วลง .0008

สำคัญที่สุด คือ เงินมากกว่าและเย็นกว่าย่อมได้เปรียบเสมอ
ทุกคนที่เป็นนักเล่นหุ้น ย่อมเลือกหุ้นที่ตนเองคิดว่าจะได้กำไรเสมอ

ในตลาดหุ้น มีบุคคลอยู่ 2 อย่าง คือ
นักลงทุนที่แท้จริง
และนักพนัน
ลองสำรวจดูนะครับ ว่าจะเอาแบบไหน .0000
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com