April 26, 2024   2:25:28 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > สัญญาณร้ายธุรกิจลิสซิ่ง-เงินทุน
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 10/10/2005 @ 18:24:03
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ASPทำนายปีหน้าดอกเบี้ยมีแววพุ่ง2%และช่วงที่เหลือของปีนี้อาจปรับอีก 0.25% สัญญาณร้ายธุรกิจลิสซิ่ง-เงินทุน พร้อมใจถึงเปิดโผหุ้น Top picks ที่มีโอกาสชนะตลาดได้คือADVANC,AOT,BAY,CPF,MAJOR,MPT,SCB,SHIN,SPALI ฟากบล.สินเอเซียประเมินดัชนีตลาดช่วงเดือน ต.ค. แกว่ง 690-745 จุด อย่าลืมต้องเน้นหนักลงทุน[/color:6236bb8258">

ฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส จำกัด(มหาชน)(ASP)เปิดเผยใน บทวิเคราะห์ประจำเดือนตุลาคม 2548 ว่า เงินเฟ้อที่ปรับตัวรุนแรงจาก 5.3% ในเดือนก่อนหน้า เป็น 5.6%ในเดือน ส.ค. 2548 เนื่องจากผลกระทบของราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น สัดส่วนถึง 2ใน 3ของเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น โดยเราเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยจะไปแตะระดับเกือบ 6% ซึ่งจะทำให้ทั้งปี 2548 เงินเฟ้อเฉลี่ยสูงถึง 4.5%เทียบกับ2.8% ในปี 2547 แต่ก็เชื่อว่าเงินเฟ้อน่าจะอ่อนตัวอีกครั้งในปี2549หากราคาน้ำมันดิบทรงตัวใกล้เคียงกับปัจจุบัน
อัตราเงินเฟ้อยังกดดันให้ดอกเบี้ยบ้านเราต้องปรับตัวขึ้นต่อ โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่าจะปรับขึ้นอีก 0.25% (ปรับแล้ว0.5%ในส่วนเงินฝากและ 0.25% สำหรับสินเชื่อ) และเพิ่มอีก 2% ในปี 2549 แต่อย่างไรก็ตามพิจารณาดอกเบี้ยในอดีตที่เคยสูงในระดับ 2 หลัก
คาดว่าการขึ้นดอกเบี้ยในครั้งนี้ จะยังไม่กระทบตลาดมากนัก
เราไม่กังวลใจต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยมากนัก เพราะหากพิจารณาโครงสร้างการเงินของบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่การเงินของบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่มีความเข้มแข็งมากขึ้นพิจารณาหนี้สินสุทธิต่อทุน(เฉพาะหุ้นที่ฝ่ายวิจัยดูแลประมาณ 120 บริษัทแต่คิดเป็นประมาณ 80% ของ market cap รวม )อยู่ที่ระดับต่ำมาก คือเพียง 0.7เท่า ยกเว้นเพียงกลุ่มลิสซิ่งเท่านั้นที่มีสัดส่วนดังกล่าวสูงสุดฝ่ายวิจัยเอเซียพลัสระบุ
หากพิจารณาในรายละเอียด พบว่าสัดส่วนประมาณ 54%ของหนี้สินรวมมีการปรับโครงสร้างดอกเบี้ยที่เป็นอัตราคงที่แล้วผลกระทบจากดอกเบี้ยขาขึ้นในระยะ 1-2 ปีนี้ จึงไม่รุนแรงมากเหมือนในอดีต
ทั้งนี้อัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นอีก 2% จากปี 2549จากปี 2548 ที่คาดว่าขึ้นไปแล้ว 0.5%จะทำกำไรสุทธิของตลาด(เฉพาะที่ฝ่ายวิจัยศึกษา) ลดลงจากเดิม 1.6%
กลุ่มที่คาดว่าจะกระทบมากสุดคือ ลิสซิ่งและเงินทุน (ทั้งกำลังจะยกฐานะเป็น ธ.พ.หรือ ธ.ย. )ซึ่งมีการระดมเงินฝากระยะสั้นสัดส่วนสูง (NFS และ SICCOเป็นต้น) โดยมีกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และก่อสร้าง กระทบในลำดับรองลงมาแต่ไม่มากนัก

*งวด 2H48 กำไรของบริษัทจดทะเบียนเริ่มฟื้นตัวในหลายกลุ่ม
ผลกำไรสุทธิงวด 2H48 ของบริษัทจดทะเบียนจะดีกว่า งวด 1H48 ใน 4กลุ่มหลักคือชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ บันเทิง สันทนาการ อสังหาริมทรัพย์และเกษตรโดยกลุ่มพลังงานยังมีการเติบโตต่อเนื่อง แต่ในอัตราชะลอตัว
กลุ่มสื่อสารแม้ในงวด 2H48 จะทรงตัวจาก 1H48 แต่ในงวด 3Q48 และ 4Q48จะดีขึ้นจาก2Q48 ซึ่งเป็นงวดตกต่ำสุดของปี อันเป็นผลกระทบจากการตัดราคาในช่วงต้นปี 2548
กลุ่มเกษตรทั้งไก่และกุ้ง จะฟื้นตัวอย่างเต็มที่ในงวด 3Q48 และต่อเนื่องงวด 4Q48
อย่างไรก็ตามเนื่องจากบริษัทจดทะเบียนมีการปรับโครงสร้างการเงินที่เข้มแข็งยกเว้นเพียงกลุ่มเดียวคือลิสซิ่งและบริษัทเงินทุนเท่านั้น
จึงเชื่อว่าแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นในระยะ1-2ปีกระทบตลาดไม่รุนแรง มีหุ้น Top picks ที่มีโอกาสชนะตลาดได้คือ ADVANC,AOT,BAY,CPF,MAJOR,MPT,SCB,SHIN, SPALI

*ดัชนีเป้าหมายปี 2548 ยังอยู่ที่739 จุด
ปัจจุบันดัชนีตลาดซื้อขายที่ PER ประมาณ 9 เท่าเศษและเชื่อว่าในระยะเวลาที่เหลือดัชนียังมีโอกาสขึ้นทดสอบที่ 10 เท่า หรือที่739 จุด เนื่องจากสภาพคล่องตลาดยังอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ โดยเชื่อว่าจะมีแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบันไทยเข้าแทนที่นักลงทุนต่างชาติที่เริ่มซื้อเบาบางลง

บทวิเคราะห์ บล.สินเอเซีย จำกัดระบุว่าจากตัวแปรสำคัญ 2 อย่างที่ดีขึ้น คือการพลิกกลับมาเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยและการประกาศ GDP ไตรมาส 2 ที่4.4%ฟื้นตัวขึ้นเกินคาดทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจกับสภาพทางเศรษฐกิจมากขึ้น
แต่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ส่งผลต่อผู้ลงทุนไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มนักลงทุนสถาบันไทยได้ลดความสนใจการลงทุนในตลาดหุ้น โดยมีการขายสุทธิมาเกือบต่อเนื่องตลอด 12 เดือนที่ผ่านมา
คาดว่า Index จะยังแกว่งตัวผันผวน แต่ระดับการแกว่งตัวของ Index จะขยับสูงขึ้นกว่าช่วง 4-5เ ดือนก่อน โดยจะมีกรอบการแกว่งตัวในช่วงต.ค. ในระดับ 690-745

*ปัจจัยสนับสนุนช่วงการแกว่งตัวขึ้น
ดุลบัญชีเดินสะพัดที่จะประกาศในวันที่ 30 ก.ย. 48 น่าจะเกินดุลพอสมควร ความคืบหน้าของการนำรัฐวิสาหกิจเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ช่วยเพิ่มขนาดของตลาดฯ ให้ใหญ่ขึ้นให้เป็นตลาดที่น่าสนใจของนักลงทุนต่างชาติ
กระแสเงินลงทุนจากต่างชาติที่ยังไหลเข้าตลาดหุ้นไทยและอีกหลายประเทศาในเอเชีย
กระแสคาดการณ์ค่าเงินหยวนที่จะแข็งขึ้นในอนาคต ช่วยดึงเงินบาทแข็งตามบางส่วน

*ปัจจัยที่อาจทำให้ Index มีช่วงแกว่งตัวลง
ตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) งวด ก.ย. และ ต.ค. 48 ที่น่าจะสูงขึ้นอีก คาดว่าจะมีการประกาศขึ้นค่าเอฟทีอีกมาในประมาณกลางเดือนต.ค. 48 ตามการปรับสูงขึ้นของต้นทุนพลังงาน จะเป็นข่าวร้ายต่อทั้งผู้ประกอบการและประชาชนคนบริโภคที่จะมีกำลังซื้อลดลงรวมทั้งภาวะเงินเฟ้อต.ค. 48 น่าจะสูงขึ้นมาก
มีแนวโน้มว่า ธปท. น่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย RP 14วัน ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินรอบหน้าในวันที่ 19 ต.ค. 48
และน่าจะดึงให้ธนาคารพาณิชย์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำขึ้นเกือบจะทันที และอาจรวมถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ยกู้ MOR และ MLR ด้วย
ที่ผ่านมานั้น เมื่ออัตราดอกเบี้ย RP14 วันขยับขึ้น ท่าทีการลงทุนของสถาบันไทยจะมีแนวโน้มการขายสุทธิออกมา ส่วนหนึ่งคงเป็นผลจากความน่าสนใจในการลงทุนลดลงในเชิงเปรียบเทียบกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นคาดว่าท่าทีนี้มีแนวโน้มเกิดขึ้นอีก
ราคาพลังงานอาจวนกลับขึ้นไปใหม่ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาหลายประเทศที่เป็นสมาชิกของสำนักงานพลังงานไฟฟ้าสากล(IEA) ได้นำน้ำมันสำรองออกมาใช้ จากการประกาศตัวเลขน้ำมันสำรองช่วงหลังจะเห็นได้ว่ามีปริมาณลดลงกว่าช่วงก่อน 3-4%คาดว่าอีกระยะหนึ่งการซื้อน้ำมันเพิ่มเติมเข้ามาไปในคลังสำรองควรจะเกิดขึ้น ซึ่งคงจะทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกกลับสูงขึ้นไปใหม่ผลจากภัยธรรมชาติ (น้ำท่วม ภัยแล้งบางพื้นที่)

*คาดการณ์ช่วงแกว่งของระดับ Index และ P/E
ฝ่ายวิจัยได้ปรับตัวเลขคาดการณ์ของ Index เนื่องจาก GDP ที่ฟื้นตัวขึ้นเร็วในไตรมาส 2รวมทั้งผลการดำเนินงานในไตรมาสสองที่ประกาศเสร็จสิ้นเมื่อปลายส.ค.มีฐานกำไรสุทธิที่สูงขึ้นกว่าคาดหมายทำให้ Index ณ P/E ระดับต่างๆสูงขึ้นตามไปด้วย

ระดับ P/E คาดการณ์ ช่วงแกว่งต.ค.48 กลยุทธ์
Index สิ้นปี 48 (ตัวเลขสิ้นปีหารด้วย 1.03)
8.7(โซนล่าง) 690 670 เน้นหนักการลงทุน
8.8(ค่ากลาง) 722 701 ทยอยซื้อลงทุนต่ำกว่า 710 ลงไป
9.5(โซนบน) 754 732 ระดับทยอยทำกำไร 730-750

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com