ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รายงานว่า ได้ขึ้นเครื่องหมาย H หลักทรัพย์บริษัท
ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) PICNI เนื่องจากปรากฏข่าวเกี่ยวกับการที่บริษัทจะทยอย
เซ็นสัญญาซื้อกิจการกับประเทศต่างๆ ในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ
ภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท แต่ตลาดหลักทรัพย์ยังไม่ได้รับทราบข้อเท็จจริงในเรื่องดัง
กล่าว
ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์จึงหยุดพักการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทเป็นการชั่วคราว
ตั้งแต่การซื้อขายภาคเช้าของวันที่ 12 ตุลาคม 2548 จนกว่าบริษัทจะได้ชี้แจงหรือเปิดเผย
สารสนเทศสำคัญดังกล่าวมายังตลาดหลักทรัพย์

ข่าวดีแบบนี้ บ่ายนี้น่าจะวิ่งมารับลงจากดอยซะที .0008 .0008

.0008 .0008 .0008 .0008 .0008 .0008
PICNI สู้ๆ อิอิ

ระวังการปล่อยข่าวปั่นหุ้นตัวนี้ ที่มีมาเรื่อยๆ อย่าไปเสียที่เขานะ

.0007

ดีเอสไอสรุปสำนวนฟ้องพี่น้องลาภวิสุทธิสิน-พวก22คน คดีปิคนิค[/color:af3ccc776d">

13 ตุลาคม 2548 13:09 น.
ดีเอสไอสรุปสำนวนและความเห็นคดีปิคนิค ฟ้อง 2 พี่น้องตระกูล ?ลาภวิสุทธิสิน? กับพวกรวม 22 คน ข้อหาแต่งบัญชีและยกยอกทรัพย์ ส่งเรื่องอัยการเตรียมพิจารณาสั่งคดี


สำนักงานอัยการสูงสุด 13 ต.ค. ? กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ สรุปสำนวนการสอบสวนคดีหุ้นปิคนิค ความหนา 9,009 หน้า และความเห็นฟ้อง 2 พี่น้องตระกูล ?ลาภวิสุทธิสิน? ซึ่งเป็นอดีตผู้บริหารของบริษัทปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กับพวกรวม 22 คน ที่ร่วมกันตกแต่งตัวเลขกำไรของบริษัทสูงเกินจริงและเบียดบังทรัพย์เข้ากระเป๋าตัวเอง โดยมีมูลค่าความเสียหาย 466 ล้านบาท ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือ ก.ล.ต.ร้องทุกข์กล่าวโทษ

รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มั่นใจในหลักฐานสามารถเอาผิดผู้ต้องหาทั้งหมดได้ แต่ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นว่ามีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ด้านรองอธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ยืนยันจะพิจารณาสำนวนให้เสร็จภายในสิ้นปีนี้ เพราะที่ผ่านมาก็ได้ให้พนักงานอัยการไปร่วมสอบสวนจนได้พยานหลักฐานครบถ้วนและสมบูรณ์

เวลา 11.00 น.วันนี้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นำสำนวนการสอบสวน ซึ่งมีความหนา 9,009 แผ่น รวม 29 แฟ้มพร้อมความเห็นฟ้องนายธีรัชชานนท์ และ น.ส.สุภาพร ลาภวิสุทธิสิน อดีตกรรมการผู้จัดการและรองกรรมการผู้จัดการบริษัทปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กับพวกรวม 22 ราย ฐานร่วมกันกระทำหรือยินยอมให้กระทำบัญชีหรือเอกสารของนิติบุคคลไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน หรือไม่ตรงต่อความเป็นจริง หรือเป็นเท็จเพื่อลวงบุคคลใด ๆ เป็นกรรมการของบริษัทจำกัด (มหาชน) กระทำผิดหน้าที่โดยทุจริตเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของบริษัท หรือเบียดบังเอาทรัพย์สินของบริษัท เพื่อประโยชน์ของตนเองหรือผู้อื่นโดยทุจริต กระทำการหรือไม่กระทำการเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อตนเองหรือผู้อื่นอันเป็นการเสียหายแก่นิติบุคคลนั้น และร่วมกันกระทำการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้สะดวกในการที่กรรมการของบริษัทจำกัด (มหาชน) กระทำความผิดตามบทบัญญัติ มาตรา 307 308 311 และ 312 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ไม่รายงานให้ทำความผิดงบการเงินให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขและวิธีการที่ ก.ล.ต.ประกาศกำหนด

เหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2547 ต่อเนื่องถึงวันที่ 2 มีนาคม 2548 , วันที่ 25 พฤษภาคม 2547 , วันที่ 9 สิงหาคม 2547 ต่อเนื่องถึงวันที่ 2 กันยายน 2547 และวันที่ 20 เมษายน 2548 ที่แขวงและเขตสวนหลวง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร มอบให้นายเสกสรรค์ บางสมบุญ รองอธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ซึ่งเป็นผู้ควบคุมคดี ร่วมกับนายจรุงเกียรติ ภาษีผล อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 ซึ่งได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาร่วมพิจารณาอีก 2 คน คือ นายวิเชฎฐ์ มุสิกรังษี อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ และนายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ อัยการจังหวัดประจำกรมเลขานุการ สำนักงานคดีพิเศษ

นายเสกสรรค์ ยืนยันว่า พร้อมรับพิจารณาสำนวนคดีนี้ และจะพิจารณาให้เสร็จเรียบร้อยภายในสิ้นปี (2548) เพราะก่อนหน้านี้ได้ส่งพนักงานอัยการไปประสานความร่วมมือในการสอบสวนรวบรวมหลักฐานจนมีหลักฐานการร่วมกันกระทำความผิดจนครบถ้วน โดยในข้อหายักยอก มีมูลค่าความเสียหายรวม 77 ล้านบาท ส่วนการตกแต่งบัญชีเป็นเท็จ มีมูลค่าความเสียหายสูงถึง 389 ล้านบาท

ด้าน พ.ต.อ.ทวี มั่นใจว่า พยานหลักฐานที่มีสามารถเอาผิดกับผู้ต้องทั้ง 22 ราย ได้แน่นอน เพราะตลอดระยะเวลากว่า 2 เดือนที่ผ่านมา มีการประสานการทำงานร่วมกันอย่างดี ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และสำนักงานอัยการสูงสุด โดยปฏิเสธที่จะให้ความเห็นว่ามีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีนี้ด้วยหรือไม่

คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา (2548) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต.ได้เข้าร้องทุกข์กับกรมสอบสวนคดีพิเศษให้ดำเนินคดีกับนายธีรัชชานนท์ และ น.ส.สุภาพร ลาภวิสุทธิสิน อดีตกรรมการผู้จัดการและรองกรรมการผู้จัดการบริษัทปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กับพวก ซึ่งเป็นทั้งนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา รวม 22 ราย ฐานตกแต่งบัญชีตัวเลขกำไรเกินจริงและเบียดบังทรัพย์เข้าบัญชีส่วนตัว และจากการสืบสวนสอบสวนและรวบรวมหลักฐาน พบว่าทั้ง 22 รายที่ถูกร้องทุกข์กล่าวโทษ ได้ร่วมกันกระทำความผิดตามที่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษจริง

สำหรับผู้ต้องหา 22 รายที่กรมสอบสวนคดีพิเศษมีความเห็นฟ้อง ประกอบด้วย นายธีรัชชานนท์ ลาภวิสุทธิสิน น.ส.สุภาพร ลาภวิสุทธิสิน นายอนกูล ตั้งเรืองเกียรติ นายพิริยะ ถาวร นายเฉลิมชัย ชุบผา น.ส.นุชนาฏ ปริกสุวรรณ นายประเมษ ลอองสุวรรณ นายทวีทรัพย์ เกริกเกียรติศักดิ์ นายกฤษณ์ โปรยเจริญ นายพินิจ พุทธศาสตร์ บริษัทโรงงานบรรจุแก๊ส เทพารักษ์ จำกัด บริษัทสังข์อ่องก๊าซ จำกัด บริษัทอุตสาหกรรม เอสซีเอส จำกัด บริษัทโรงงานบรรจุแก๊สนครปฐม จำกัด บริษัทโรงงานบรรจุแก๊สแจ้งวัฒนะ 23 จำกัด บริษัทลาดกระบังปิโตรเลียม จำกัด บริษัทโรงงานบรรจุแก๊สยูนิเวอร์แซล จำกัด บริษัทปทุมเกตน์ เทรดดิ้ง จำกัด บริษัทโรงงานบรรจุแก๊สโพรงมะเดื่อ จำกัด บริษัทโรงงานบรรจุแก๊สธรรมศาลา จำกัด บริษัทพี.ไพรส์ ซัพพลายส์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด และ บริษัทปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)


ที่มา...http://www.bangkokbiznews.com/2005/10/13/w001l1_43970.php?news_id=43970