ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เปิดแผนธุรกิจโค้งสุดท้ายปี48 จับมือ แบงก์กรุงศรีอยุธยา จัดแคม

เปญพิเศษจองซื้อบ้าน ดอกเบี้ย 0% นาน 1 ปี หวังรับยอดขายเพิ่ม 350 ล้านบาท ด้านผู้

บริหารมั่นใจทั้งปีรายได้โตตามเป้า ส่วนปีหน้าโตเพิ่ม 15% แย้มมีลุ้นปันผลกว่า 30 สต./หุ้น

พร้อมเล็งแตกไลน์ธุรกิจลุยตลาดคอนโดมิเนียม ขณะนี้อยู่หว่างศึกษา

นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้จำกัด (มหาชน)

หรือ LALIN ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เปิดเผยถึงสถานการณ์สำหรับในช่วงโค้งสุดท้าย

ของปีนี้ บริษัทฯได้ร่วมมือกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY) ในการจัดโป

รโมชั่นส่งเสริมการขายทางด้านการเงินมาเสนอแก่ลูกค้า ด้วยการออกโปรโมชั่น แคมเปญ

0% ซึ่งมีให้เลือกกว่า 3 รูปแบบ ได้แก่ รูปแบบที่ 1 Prestige Package อัตราดอกเบี้ย 0%

นาน 12 เดือน หลังจากนั้นคิด MLR-1% ตลอดอายุสัญญากู้ รูปแบบที่ 2 Premier Package

อัตราดอกเบี้ย 1% นาน 12 เดือน หลังจากนั้นคิด MLR-1% ตลอดอายุสัญญากู้ รูปแบบที่

3 Privilege Package อัตราดอกเบี้ย 2.75% นาน 12 เดือน หลังจากนั้นคิด MLR-1%

ตลอดอายุสัญญากู้ ซึ่งลูกค้าที่ต้องการเข้าร่วมโปรโมชั่นดังกล่าวจะต้องใช้บริการสินเชื่อ

ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา และจะต้องซื้อบ้านและโอนภายในวันที่ 15 ตุลาคม ถึง 15

พฤศจิกายน 2548 นี้เท่านั้น ซึ่งบริษัทคาดว่าจะได้รับการตอบรับจากลูกค้าและมียอดขาย

จากการ จัดโปรโมชั่นครั้งนี้กว่า 350 ล้านบาท

นอกจากนี้ ทุก Package จะได้รับสิทธิพิเศษ คือ ดาวน์เพียง 50,000 บาท พร้อมโอนทันที

และรับของสมนาคุณของแต่ละโครงการ เช่น จัดสวนสวยฟรี ติดตั้งเครื่องปั๊มน้ำ และถัง

สำรองน้ำ รับเครื่องปรับอากาศฟรี ฯลฯ อีกด้วย โดยรายการส่งเสริมการขายครั้งนี้ ได้มี

โครงการของ LALIN เข้าร่วมแคมเปญนี้ ถึง 12 โครงการ

ด้าน นางชาลอต โทณวณิก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธนาคารกรุงศรีอยุธยา

จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการที่ธนาคารได้มอบสิทธิพิเศษให้แก่ลูกค้าของโค

รงการลลิล พร็อพเพอร์ตี้ มาอย่างต่อเนื่อง และประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ ดังนั้นเพื่อ

เป็นการตอบแทนลูกค้า ธนาคารจึงมีนโยบายที่จะมอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่ต้องการซื้อ

ที่อยู่อาศัยในโครงการของลลิลอีกครั้ง โดยได้จัดโครงการส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นยอด

ขายในไตรมาสสุดท้ายของปี 2548 เป็น 3 รูปแบบ ดังข้างต้น ซึ่งอัตราดอกเบี้ยพิเศษที่

ธนาคารจะมอบกับลูกค้าจะขึ้นอยู่กับพื้นที่ของโครงการที่บริษัทกำหนด

ทั้งนี้ธนาคารได้ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อสำหรับลูกค้าของบริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ไว้ 1,000

ล้านบาท ซึ่งธนาคารได้ปล่อยสินเชื่อให้โครงการของบริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ตั้งแต่เดือน

มกราคม ถึง กันยายน 2548 ไปแล้ว 600 ล้านบาท สำหรับยอดที่เหลืออีก 400 ล้านบาท

คาดว่าจะสามารถปล่อยสินเชื่อได้เป็นไปตามเป้าหมาย และทำให้ยอดรวมการปล่อยสินเชื่อ

ในไตรมาสที่ 4 ที่ 4,000 ล้านบาท หรือทั้งปีที่ 18,000 ล้านบาท เป็นไปตามเป้าหมาย

ขณะเดียวกัน นายไชยยันต์ กล่าวว่า ปีนี้ มั่นใจรายได้ทั้งปีโต 15-20% เนื่องจากตั้งแต่ต้นปี

ที่ผ่านมาประมาณการยอดขาย 1.2 พันยูนิต ซึ่งปัจจุบันมียอดขายโอนแล้ว 800-900 ยูนิต

ทำให้มั่นใจว่าทั้งปีจะเป็นไปตามเป้า สำหรับแนวโน้มยอดขายไตรมาส 3/48 จะดีกว่าไตร

มาส 2/48 อย่างแน่นอน เนื่องจากยอดขายโครงการมีอย่างเนื่อง ทั้งนี้ในปีนี้ ผลประกอบ

การทั้งปีอยู่ในเกณฑ์ดี ทางบริษัทคาดว่าจะจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นมากกว่าปีที่ผ่านมา ที่จ่าย

ในอัตรา 0.30 บาทต่อหุ้น และมากกว่านโยบายปันผลที่ 40% ของกำไรสุทธิ ส่วน คาด

การณ์รายได้ปี 2549 จะเติบโต 15% โดยเป็นการเติบโตรักษาระดับรายได้ในปีนี้ เนื่องจาก

บริษัทมียอดขายโครงการบ้านได้อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้บริษัทฯมีความสนใจที่จะทำธุรกิจอาคารชุดพักอาศัย หรืคอนโดมิเนียมเช่นกัน

จากปัจจุบันที่ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ เนื่องจากประเมิน

ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมีเนียมยังมีความต้องการอยู่มาก โดยหากบริษัทจะ

ดำเนินการจะเน้นอาศัยชุดพักอาศัยที่มีระดับชั้นไม่มากหรือต่ำกว่า 8 ชั้น

ด้าน นักวิเคราะห์หลักทรัพย์รายหนึ่งกล่าวถึงกรณี บมจ.ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ หรือ LALIN มี

แนวโน้มจ่ายเงินปันผลปีนี้ให้กับผู้ถือหุ้นมากกว่าปีที่ผ่านมาว่ามีความเป็นไปได้อย่างมากที่

ทางบริษัทจะจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราที่เพิ่มขึ้นจาก 0.30 บาทต่อหุ้นในปีที่ผ่านมา

เนื่องจากบริษัทมีผลประกอบการอยู่ในเกณฑ์ที่ดีต่อเนื่องโดยประเมินว่าทั้งปีทางบริษัทจะ

สามารถจ่ายปันผลได้มากกว่านโยบาย40% ของกำไรสุทธิ ซึ่งจะจ่ายในอัตราประมาณ

0.32 บาทต่อหุ้น ส่วนกรณีที่ผู้บริหารกล่าวย้ำรายได้ทั้งปีนี้โต 15 - 20%จากปีก่อนมองว่า

มีความเป็นไปได้เช่นกัน เนื่องจากทางบริษัทมียอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากโครงการที่

เปิดขาย โดยประมาณการทั้งปีมีรายได้ 2,752 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 622 ล้านบาท

ขณะที่รายได้ปี 2549 ที่ทางบริษัทวางเป้าหมายเติบโตขึ้น 15% จากปีนี้ก็มีความเป็นไปได้

แต่ต้องดูระยะยาวอีกสักระยะ โดยเฉพาะการเปิดโครงการใหม่ในปีหน้า โดยเบื้องต้น

ประมาณรายได้ปีหน้าเติบโตเพียง 11.5% อยู่ที่ 3,056 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 694 ล้าน

บาท

ที่มา: