BBL เล็งเทขายหุ้น BH ลอตใหญ่ส่งท้ายปีไก่ แต่ราคายังพุ่ง เหตุมีนักลงทุนแห่ซื้อเก็งกำไร

เพียบ ขณะที่โบรกหวั่นราคาหุ้นได้รับการกดดันจากแรงเทขายออกของแบงก์กรุงเทพฯ แนะ

ขายทำกำไร เพราะมูลค่าหุ้นแพงเกินปัจจัยพื้นฐานไปแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้นบมจ.บำรุงราษฎร์หรือ BH มีปริมาณ

การซื้อขายมากกว่าช่วงปกติ โดยเฉพาะวันที่ 21 กันยายน ที่ผ่านมา อีกทั้งในแต่ละวันราคา

หุ้นของ BH ยังมีการปรับตัวยืนอยู่ในแดนบวกโดยคาดว่าจะมีสาเหตุมาจากการเข้ามาซื้อ

ขายเก็งกำไร ก่อนที่ธนาคารกรุงเทพ หรือ BBL จะขายหุ้นที่ถืออยู่ออกมาภายในไตรมาส

4/48 ตามกฎของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ไม่ให้ถือหุ้นในธุรกิจที่ไม่เกี่ยวเนื่องมากกว่า 10%

นอกจากนี้ ยังมีกระแสข่าวจากวงการหลักทรัพย์ ระบุว่า ขณะนี้ผู้บริหาร BH มีแผนจะหัน

มารุกตลาดในประเทศมากขึ้น หลังจากที่ขยายโณงพยาบาลไปยังตลาดต่างประเทศโดย

กำลังศึกษาข้อมูล และเตรียมความพร้อมในการซื้อกิจการโรงพยาบาลในประเทศ เพื่อสร้าง

เครือข่ายให้กับบริษัทมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ถือเป็นกลยุทธ์เดียวกับที่บมจ.กรุงเทพดุสิต

เวชการ หรือ BGH เลือกใช้และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี

ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคจีไอ มองว่า ราคาหุ้นของ BH ในอนาคตอันใกล้จะได้รับ

แรงกดดันจากการที่ BBL ต้องขายหุ้น BH ที่ถือหุ้นอยู่ออกมาภายในไตรมาส 4 ปีนี้เนื่อง

จากต้องทำตามกฎของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยหุ้นจำนวนมากของ BH ที่ BBLได้มา

เกิดจากการที่ทั้ง 2 บริษัท มีการตกลงปรับโครงสร้างหนี้กันมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน2543

ซึ่งเป็นช่วงที่ BH ได้รับผลกระทบจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ

เพราะต้นทุนที่ BBL ได้หุ้น BH มาถือว่าราคาค่อนข้างถูก และการเทขายออกเป็นจำนวน

มาก หรือลอตใหญ่ของ BBL จึงมองว่า มีแนวโน้มที่หุ้นของ BH จะถูกขายออกมาในราคา

ต่ำกว่าตลาด ดังนั้น ราคาหุ้นของ BH จึงน่าจะมีแรงกดดันในอนาคตอันใกล้ หรือแม้ว่าBBL

จะขายหุ้น BH ในราคาตลาดปัจจุบันให้กับนักลงทุนรายใหญ่ก้น่าจะมีแรงกดดันอีกเช่นกัน

นักวิเคราะห์ กล่าว

ทั้งนี้ราคาหุ้น BH ขณะนี้ถือว่าสูงกว่ามูลค่าปัจจัยพื้นฐานมาก โดยตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึง

ปัจจุบันราคาหุ้นของ BH ได้ปรับตัวสูงกว่าตลาดถึง 63.7% แล้วและสูงกว่าราคาเป้าหมาย

ปลายปีนี้ที่มองไว้ที่ 19.7 บาท ถึง 27% ดังนั้น จึงมองว่าราคาหุ้นของ BH มีดาวน์ไซ

ด์(Downside) มากกว่าอัพไซด์(Upside) และก็ราคาไม่ถูกเมื่อเทียบกับหุ้นโรงพยาบาลตัวอื่นๆ

ทั้งในและต่างประเทศ

ทั้งนี้ยังคงประมาณ์การ BH ไว้เหมือนเดิม แต่เปลี่ยนมาใช้ราคาเป้าหมายโดยวิธีคิดลดกระแส

เงินสดของปี 49 เป็น 22.30 บาท(เพิ่มขึ้น 14% จากเดิมที่ 19.70 บาท)และแม้ว่าจะ

เปลี่ยนมาใช้ราคาเป้าหมายของปีหน้า ราคาตลาดปัจจุบันของ BH ยังมีดาวน์ไซด์อยู่ถึง 18%

ดังนั้น จึงปรับตำแนะนำเป็นขายทำกำไร แต่ถ้านักลงทุนในหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล ดังนั้น จึง

แนะนำให้ซื้อ BGH แทน เนื่องจากราคายังน่าสนใจและการเติบโตยังดูดีกว่ามาก

ที่มา:
ข่าวหุ้น