April 25, 2024   7:37:53 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ปลายปีนี้นักลงทุนจะแฮปปี้กับ ดีTAC
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 13/10/2005 @ 10:08:05
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ช่วงปลายปี 2548 นักลงทุนในประเทศไทย คงจะได้มีโอกาสเป็นเจ้าของ
หรือได้เข้าซื้อขายหุ้น บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (TAC) ที่ขณะนี้กำลังเดิน
แผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ควบคู่กับการอยู่ใน
ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ โดย TAC จะเป็นบริษัทแรกที่จดทะเบียนข้ามตลาด (CROSS
LISTING)


นำหุ้น TAC 16.4 ล้านหุ้นเข้าเทรดใน ตลท. [/color:fa47acaf30">

ข่าวการนำ TAC เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยด้วยนั้น เริ่มถูกกล่าวถึงในวงกว้าง
เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี และในที่สุดข่าวดังกล่าวก็เป็นความจริง เมื่อ นายวิชัย เบญจรงคกุล
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมของ TAC ได้ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่า จะนำหุ้น TAC เข้า
จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยภายในปีนี้ ส่วนหนึ่งเพื่อรับสิทธิพิเศษด้านการลดหย่อนภาษีเงินได้
นิติบุคคลสำหรับบริษัทจดทะเบียนที่ยื่นเข้าตลาดก่อนวันที่ 30 ธันวาคม 2548
สาเหตุสำคัญประการหนึ่งของแผนนำหุ้น TAC เข้าทำการซื้อขายในประเทศไทย คือ
ภาพลักษณ์ที่ดีจากการเป็นบริษัทไทยรายแรกที่จะมีหุ้นที่สามารถซื้อขายได้ทั้ง 2 ตลาด คือ ตลาด
หุ้นไทยและตลาดหุ้นสิงคโปร์ รวมทั้ง การได้รับหุ้น TAC คืนจาก บมจ.ทีโอที (TOT) จำนวน
16.4 ล้านหุ้นเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2548 เพื่อชดเชยเงินค้างจ่ายส่วนลดค่าเชื่อมโครงข่าย
(ACCESS CHARGE) ที่ TAC จะต้องได้รับจาก ทีโอที
สำหรับจำนวนหุ้น TAC ที่จะเข้าจดทะเบียนในครั้งนี้ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 4% ของ
หุ้นที่กระจายให้รายย่อยทั้งหมด ส่วนเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ คาดว่าจะมีจำนวน 2,000
ล้านบาท ซึ่ง TAC มีแผนจะนำไปใช้ปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้


หุ้น TAC และ UCOM จะจูงมือวิ่งไปพร้อมๆ กัน[/color:fa47acaf30">

ผู้เชี่ยวชาญในวงการค้าหลักทรัพย์ ประเมินว่า เป็นเรื่องที่ดีสำหรับ TAC ที่จะเข้า
ตลาดหุ้นไทยควบคู่กับตลาดหุ้นสิงคโปร์ เนื่องจาก TAC ทำธุรกิจหลักในประเทศไทย ดังนั้น เมื่อ
มีความเคลื่อนไหวในทางที่ดีใดๆ ต่อองค์กร ราคาหุ้นน่าจะสะท้อนรับข่าวดีได้ทันทีเช่นกัน
ขณะเดียวกัน ยังดีต่อราคาหุ้น บมจ.ยูไนเต็ด คอมมูนิเกชั่น อินดัสตรี (UCOM) ใน
ฐานะที่ถือหุ้นใหญ่ใน TAC ถึง 41% ที่คาดว่าหากมีข่าวดี เช่น การได้งานโครงการใหม่ๆ หรือมี
แผนการตลาดใหม่ๆ ที่ทำให้รายได้ของทั้งสองฝ่ายเพิ่มมากขึ้น จะส่งผลให้ราคาหุ้นของ TAC
และ UCOM ตอบรับข่าวดีไปพร้อมๆ กัน


ชี้ TAC ต้องระดมทุนเพื่อให้บริการระบบ 3G [/color:fa47acaf30">

บล.โกลเบล็ก วิเคราะห์ว่า เมื่อ TAC จำหน่ายหุ้น PO จำนวน 16.4 ล้านหุ้นได้สำเร็จ
TAC สามารถระดมเงินทุนได้สูงถึงประมาณ 1.7 พันล้านบาท โดยอิงจากราคา PO ที่
Discount 15% จากราคาตลาดที่สิงคโปร์ ตามที่ TAC ให้ข้อมูลเบื้องต้นไว้ว่าจะกำหนดราคาให้
มี Discount ที่มากกว่า 10% ซึ่งกระแสเงินสดดังกล่าวถือว่ามีนัยสำคัญคือ คิดเป็น 14.3% เมื่อ
เทียบกับกระแสสดจากการดำเนินงานต่อปีของ TAC ที่ประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ ปัจจัยบวกอีกประการหนึ่ง สำหรับ TAC ก็คือ บริษัทสามารถลดอัตราภาษี
เงินได้ที่จ่ายอยู่ในปัจจุบันที่อัตรา 30% เป็น 25% เป็นระยะเวลา 5 ปีหลังจากที่นำหุ้นบางส่วนจด
ทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว ซึ่งประเมินในเบื้องต้นจากผลการดำเนินงานล่าสุด TAC มี
กำไรก่อนหักภาษีที่ประมาณ 6 พันล้านบาท ดังนั้นหลังจากจดทะเบียนหุ้นฯ แล้ว บริษัทจะสามารถ
ลดภาระภาษีเงินได้ประมาณ 300 ล้านบาท/ปี
ขณะเดียวกัน จากภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรม และยังต้องเผชิญกับการ
เปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่คาดว่าในอนาคตผู้ให้บริการมือถือจะต้องให้บริการในเครือข่าย
3G ซึ่งเชื่อว่า TAC จำเป็นที่จะต้องใช้เงินลงทุนเพิ่มขึ้น กระแสเงินสดดังกล่าวจะสามารถเป็น
เพิ่มโอกาสให้ TAC สามารถลงทุนและแข่งขันกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เช่น ADVANC ได้


เชื่อราคาหุ้น TAC จะสะท้อนมูลค่าที่แท้จริง [/color:fa47acaf30">

ในอดีตที่ผ่านมาราคาตลาดของ TAC จะต่ำกว่า NAV ที่คำนวณได้มาตลอด ปัจจุบัน
ต่ำกว่าประมาณ 14% ซึ่งเชื่อว่าเหตุผลหนึ่งคือ นักลงทุนสิงคโปร์อาจจะเข้าถึงข้อมูลและประเมิน
อุตสาหกรรมได้แม่นยำน้อยกว่านักลงทุนไทย
ในกรณีที่ TAC มาจดทะเบียนในตลาดฯ ไทยแล้ว ดังนั้นการประเมินราคาหุ้น
UCOM ที่ผ่านมา จึงมีการ Discount 15%จาก NAV ของ TAC ที่คำนวณได้ ซึ่งเชื่อว่าอนาคต
ส่วนต่างตรงนี้จะหมดไป และจะทำให้ราคาในตลาดฯ ไทยสะท้อนถึงมูลค่าที่แท้จริงของบริษัทได้
มากยิ่งขึ้น


คาดยอดลูกค้าใหม่ปรับตัวดีขึ้นใน Q4/48 [/color:fa47acaf30">

ล่าสุด TAC ได้ประกาศยอดลูกค้าในเดือน สิงหาคม 2548 ออกมา ปรากฏว่ามีจำนวน
ทั้งสิ้น 8.25 ล้านราย ซึ่งเพิ่มขึ้น 7,632 รายจากเดือนก่อนหน้า หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นเพียง
0.09% MoM โดยลูกค้าในระบบ postpaid เพิ่มขึ้นสุทธิ 4,362 ราย เป็น 1.37 ล้านราย ซึ่งถือ
ว่าการเติบโตยังทรงตัวอยู่ในระดับเดิม
เนื่องจากในเดือนที่ผ่านมา บริษัทได้ออกแผนการตลาดที่มีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาฐาน
ลูกค้าเดิมไว้ ในขณะที่ระบบ prepaid ซึ่งยังมีอัตราการยกเลิกของลูกค้าเก่าสูง จากผลต่อเนื่อง
ของการแข่งขันที่รุนแรงในช่วง พฤษภาคม ? มิถุนายน
ประกอบกับการที่บริษัทไม่ได้มีแผนการตลาดใหม่ๆออกมาภายหลังจากที่แผนการ
ตลาดราคาถูกได้หมดช่วงการสมัครใช้ลงในช่วงกลางเดือน มิ.ย. 2548 ทำให้มียอดลูกค้าใน
ระบบ prepaid เพิ่มขึ้นสุทธิเพียง 3,270 ราย เป็น 6.88 ล้านราย
ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เอเซียพลัส คาดยอดลูกค้าใหม่และ ARPU ของ TAC น่าจะ
ปรับตัวดีขึ้นใน 4Q48 โดยระบุว่า แม้การเติบโตของยอดลูกค้าใหม่ของ TAC ในเดือน สิงหาคม
ยังอยู่ในระดับต่ำ แต่เป็นสิ่งที่อยู่ในความคาดหมายอยู่แล้ว และเชื่อว่าบริษัทจะต้องมีการออกแผน
การตลาดใหม่ออกมาเพื่อกระตุ้นยอดลูกค้าในช่วง 4Q48 ให้เติบโตอีกครั้ง
ประกอบกับการที่แผนการตลาดราคาถูกได้หมดลงไปแล้วในเดือน สิงหาคม ซึ่งจะทำ
ให้รายได้เฉลี่ยต่อเลขหมาย (ARPU) เริ่มปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่เดือน กันยายนเป็นต้นไป


ที่มา
efinancethai.com[/color:fa47acaf30">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com