March 29, 2024   3:52:05 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > PTTเพิ่มทุนบริษัทลูก "ท่อส่งปิโตรเลียม"
 

P_aud
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 531
วันที่: 17/10/2005 @ 08:37:33
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ปตท. ไฟเขียวเพิ่มทุน บริษัทลูก ท่อส่งปิโตรเลียม กว่า 8.4 พันล้านบาท โดยออกหุ้น

บุริมสิทธิ 43,015,000 หุ้น พร้อมเคลียร์หนี้กว่า 1 พันล้าน ล่าสุดโพลชี้ ครองอันดับ 1 ของ

เอเชีย จากผลการประเมินโดยนิตยสาร BusinessWeek ซึ่งพิจารณาศักยภาพของบริษัท

ชั้นนำในเอเชียที่ผ่านเกณฑ์ทั้งสิ้น 625 บริษัท

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT

เปิดเผยว่าตามที่บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ซึ่งถือหุ้นในบริษัทท่อส่งปิโตรเลียมไทย

จำกัด (Thappline) คิดเป็นสัดส่วน 32.74% โดยผู้ถือหุ้นได้มีการชำระเงินสนับสนุนใน

กรณีที่ Thappline ขาดสภาพคล่องในรูปของเงินค่าบริการรับล่วงหน้า แล้วประมาณ 2,500

ล้านบาท ตามสัญญาการใช้บริการขนส่งน้ำมันทางท่อ และผลตอบแทนค่าบริการขนส่งล่วง

หน้า (Outstanding Tariff Prepayments TPP) TPP ซึ่งเป็นส่วนของ ปตท. 765 ล้านบาท

โดยมีอัตราดอกเบี้ยทบต้นที่ MLR ต่อปี และผู้ถือหุ้นจะไม่สามารถรับชำระคืน TPP และ

ดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจนกว่า Thappline จะชำระคืนเงินกู้ครบถ้วนภายในปี 2558 ซึ่ง ณ 31

ธันวาคม 2547 ยอดหนี้จากผู้ถือหุ้นในรูป TPP รวมดอกเบี้ยมีจำนวนเท่ากับประมาณ 4,301

ล้านบาท และเป็นส่วนของ ปตท. ประมาณ 1,294ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทมีมติพิเศษให้ทำการเพิ่มทุนของ Thappline เป็น 8,479 ล้านบาท จากเดิมจำนวน

4,177.5 ล้านบาท เพื่อชำระคืนค่า TPP ณ วันที่ 31 ธันวาคม ของปีที่ผ่านมา ให้แก่ผู้ถือ

หุ้นที่ยินยอมเพิ่มทุน โดยการออกหุ้นบุริมสิทธิให้ทั้งหมดจำนวน 43,015,000 หุ้น มูลค่าหุ้น

ละ 100 บาท อีกทั้งทาง ปตท. ได้ดำเนินการตอบรับการใช้สิทธิจองหุ้นไปยัง Thappline

จำนวน12,938,998 หุ้น เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2548 ที่ผ่านมา และดำเนินการชำระเงิน

ในส่วนของ ปตท. ทั้งหมดตั้งแต่วานนี้(12 ต.ค.) และ Thappline ได้นำเงินดังกล่าวมาชำระ

คืนค่า TPP แก่ ปตท. ในวันเดียวกัน ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นจะยกเว้นดอกเบี้ยของ TPP ให้แก่

Thappline ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2548 จนถึงวันทำการแปลง TPP เป็นทุน อย่างไรก็ดี

ภายหลังการเพิ่มทุน สัดส่วนการถือหุ้นของ ปตท.ใน Thappline จะ คิดเป็น 31.4%

ด้านนายปิติ ยิ้มประเสริฐ กรรมการอำนวยการ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP

เปิดเผยว่าถึงกรณีการลงทุนใน บริษัทท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด (Thappline) ในสัดส่วน

8.69% และบริษัทได้สนับสนุนทางการเงิน โดยชำระค่าบริการขนส่งล่วงหน้า 250 บาทว่า

บริษัทฯ ได้รับหนังสือจาก Thappline ถึงมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นว่าได้มีมติพิเศษให้

Thappline ทำการเพิ่มทุนเป็นจำนวนเงิน 4,301,500,000 บาท จากจำนวนเงิน

4,177,500,000 บาท รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 8,479,000,000 บาท เพื่อนำไปชำระ

เงินค่ากับยอดหนี้ค่าบริการขนส่งล่วงหน้าคงค้าง และผลตอบแทนค่าบริการขนส่งล่วงหน้า

หรือ TPP โดยการออกหุ้นบุริมสิทธิใหม่ทั้งหมดจำนวน 43,015,000 หุ้น มีมูลค่าหุ้นที่ตรา

ไว้หุ้นละ 100 บาท ซึ่งเป็นหุ้นบุริมสิทธิประเภทที่จะได้รับเงินปันผลอันเป็นส่วนแบ่งผลกำไร

ของบริษัทในอัตราหนึ่งเท่าของเงินปันผลที่หุ้น และบริษัทฯได้รับสิทธิซื้อหุ้นดังกล่าว จำนวน

4,165,516 หุ้น เป็นเงิน 416,551,600 บาท โดยมีกำหนดชำระเงินเพิ่มทุนทั้งหมด และรับ

คืน TPP ตั้งแต่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดีการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวข้างต้นเป็นไปตามการปฎิบัติการของบริษัทจดทะเบียน

ในรายการที่เกี่ยวโยงกัน เนื่องจากบริษัทฯ และ Thappline มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ร่วมกัน ได้แก่

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือหุ้นในบริษัทฯจำนวน 1,010,647,483 คิดเป็น

49.54% ของทุนชำระแล้วของบริษัทฯ และถือหุ้นใน Thappline จำนวน 13,678,738 หุ้น

คิดเป็น 32.74% ของทุนชำระแล้วของ Thappline

นายปิติกล่าวต่อว่าแหล่งเงินทุนที่ใช้ทำรายการมานั้น ทางบริษัทใช้เงินสดจากการดำเนินงาน

ในการชำระเงินค่าหุ้นบุริมสิทธิที่ออกใหม่จากการเพิ่มทุนของ Thappline โดยภายหลังจาก

ที่บริษัทฯ ดำเนินการชำระเงินค่าหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวแล้ว ในวันเดียวกัน Thappline ได้ชำระ

หนี้ค่าบริการขนส่งล่วงหน้าคงค้างคืนแก่บริษัทฯ (TPP) ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ใกล้เคียงกับเงิน

เพิ่มทุน จึงไม่กระทบต่อการจัดหาเงินของบริษัทฯ แต่อย่างใด

ขณะเดียวกัน บริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) (ปตท) เปิดเผยว่า นิตยสาร BusinessWeek ซึ่ง

เป็นนิตยสารชั้นนำด้านธุรกิจและการเงิน ได้ประกาศผลการจัดอันดับ The Asian

BusinessWeek 50 หรือสุดยอด 50 บริษัทชั้นนำในเอเชีย โดยคัดเลือกบริษัทจดทะเบียนใน

เอเชียที่ผ่านเกณฑ์จำนวนทั้งสิ้น 625 บริษัท มาจัดอันดับ 50 บริษัทที่ดีที่สุด และผลปรากฏ

ว่า ปตท ได้รับการคัดเลือกให้เป็นอันดับ 1 ของเอเชียประจำปี 2548 ทั้งนี้ นิตยสาร

BusinessWeek ได้ใช้ฐานข้อมูลจาก Standard&Poors Citigroup Pan-Asia Index ซึ่งได้

รวบรวมข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในภูมิภาค โดยใช้เกณฑ์การ

พิจารณาจากข้อมูลซึ่งเป็นมาตราวัดด้านการเงินที่สำคัญต่างๆ ใน 8 หมวด เช่น ผลตอบ

แทนของหุ้น (stock performance) ผลตอบแทนต่อทุน (return on equity) อัตราเฉลี่ยการ

เจริญเติบโตของกำไรและยอดขายใน 1 ปี และ 3 ปี รวมถึงผลต่างกำไรสุทธิ (net profit

margin)

อย่างไรก็ตาม นิตยสาร BusinessWeek ระบุว่าเกณฑ์การจัดอันดับครั้งนี้ไม่ได้ให้ความ

สำคัญต่อขนาดขององค์กรมากเท่ากับการประเมินอัตราการเติบโตของผลผลิต

(productivity) กำไร (profit growth) และผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (return on assets)

ขณะที่นายประเสริฐ กล่าวว่า เรื่องนี้ทำให้สะท้อนถึงศักยภาพการบริหารงานและความโปร่ง

ใสในการจัดการธุรกิจของ ปตท โดยมุ่งเน้นการกำกับดูแลกิจการที่ดี ซึ่งจะเป็นการสร้าง

ความสามารถในการแข่งขัน นำไปสู่ความเจริญเติบโตและเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นในระยะ

ยาว

ที่มา:
กระแสหุ้น

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com