March 29, 2024   10:07:03 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > แบงก์ฟันกำไรโค้งแรก4.83หมื่นลบ.
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 09/04/2014 @ 08:37:55
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

เก็งงบแบงก์ Q1/57 ภาพรวมประกาศออกมาสวย สวนทางภาวะเศรษฐกิจหงอย คาดกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 7.4% แตะ 4.83 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดก่อนหน้า หลังภาระตั้งสำรองลด เนื่องจากส่วนใหญ่ฐานะการเงินแข็งแกร่ง แต่คาดภาวะสินเชื่อซบเซาส่งผลร้ายในงบ Q2/57 เอเชียพลัส ประเมิน EPS ของกลุ่มปีนี้เติบโตเพียง 3.4% เชิงกลลยุทธ์ต้องระวังแรงขายทำกำไรระยะสั้น พร้อมประมวลภาพโบรกฯมองกำไรไตรมาส 1/57 ของ BBL โต 10-13% QoQ แต่ลดลง YoY ส่วน KTB กำไรลด 23-27% QoQ ขณะที่กำไร TISCO รอฟื้นตัวครึ่งปีหลัง


*** ตั้งสำรองลด ลุ้นงบแบงก์ Q1/57เพิ่มชัด
บล.เอเซีย พลัส ออกบทวิเคราะห์ ระบุว่า สัปดาห์ที่ผ่านมานักวิเคราะห์กลุ่ม ธ.พ. ของ ASP ได้ทยอยทำการคาดการณ์กำไรหุ้นกลุ่ม ธ.พ. งวด 1Q57 พบว่ายังไม่ย่ำแย่อย่างที่กังวล จากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว จากปัญหาการเมืองในประเทศ
ทั้งนี้การรวบรวมธนาคารพาณิชย์ทั้ง 10 แห่ง คาดว่ากำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้น 7.4% จากงวดก่อนหน้า (qoq) (และยังเพิ่มขึ้น 6.9% จากช่วงเดียวกันของปี 2556 หรือ yoy) ทั้งนี้เป็นผลจากการตั้งสำรองหนี้ที่มีปัญหาลดอย่างมากถึง 18% qoq (ยังเพิ่มขึ้น 22% yoy) อันเป็นผลจากที่ได้มีการสำรองฯ อย่างในงวด 4Q56 (Coverage ratio สูง 139% ณ สิ้นปี 2556)

***คาดผลกระทบศก. ซบเซา ส่งผลเต็บในงบQ2/57
บทวิเคราะห์ยังระบุอีกว่า หากพิจารณาเป็นรายธนาคาร พบว่า BAY มีการตั้งสำรองฯ ลดลงมากถึง 50%qoq (แต่ยังเพิ่มขึ้น 139.2% ณ สิ้นปี 2556) ตามมาด้วย TISCO, TMB, TCAP, SCB สำรองฯ ลดลงราว 33.8%, 28%, 20.5%, 14.4% ยกเว้นบางแห่งที่ยังคงตั้งสำรองฯ เพิ่มขึ้นคือ KKP, KBANK, BBL โดยเพิ่มขึ้น 21.1%, 20.3%, 17.9% ตามลำดับ ยกเว้น KTB, LH ตั้งสำรองฯ ทรงตัวเมื่อเทียบกับงวด 4Q56 และหากพิจารณาด้านการปล่อยสินเชื่อ พบว่าเริ่มมีสัญญานชะลอตัว แต่ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ 4Q56 แต่น่าจะเห็นผลกระทบชัดเจนในงวด 2Q57 และคุณภาพสินทรัพย์ มีแนวโน้มลดลงตามปัญหาเศรษฐกิจ รวมถึง NIM ยังทรงตัวอยู่ในระดับใกล้เคียงกับงวดที่ผ่านมา แต่น่าจะลดลงในงวด 2Q57 หลังจากที่มีการลดดอกเบี้ยในรอบที่ผ่านมา 

***ประเมิน EPS ปีนี้กลุ่มเติบโตเหลือเพียง 3.4%
ฝ่ายวิจัยยังคงน้ำหนักการลงทุนน้อยกว่าตลาดในหุ้นกลุ่ม ธ.พ. เนื่องจากคาดการณ์ EPS ปี 2557 ของกลุ่ม ธ.พ. ที่เติบโตเหลือเพียง 3.4% yoy น้อยกว่าตลาดที่เติบโต 12.2% อย่างไรก็ตาม การที่กลุ่ม ธ.พ. ฟื้นตัวกว่า 6% นับจากปลายเดือน มี.ค. เทียบกับ SET ที่ฟื้นตัวเพียง 2.7% ขณะที่หุ้นรายตัว ราคาตลาดใกล้มูลค่าที่เหมาะสม จึงต้องระวังแรงขายทำกำไรระยะสั้นได้  
หุ้นที่มี downside (ราคาตลาดเกิน มูลค่าหุ้นที่เหมาะสม) แนะนำถือ/ขาย คือ BAY (ขาย :FV@27) downside 29.7%, TCAP (ขาย :FV@23.35) downside 8%, KKP(ถือ : FV@42) downside 8.2% LHBANK(ถือ :FV@1.27) downside 3.2% KBANK(ถือ: FV@184) downside 0.27%, ตามมาด้วยหุ้นที่มี upside จำกัด และ แนะนำถือ คือ SCB(ถือ : FV@172.3) upside 6%, KTB(ถือ FV@19.5) upside 3% TMB(ถือ : FV@2.6) upside 4.8% หุ้นที่มี upside จำกัด แต่ แนะนำซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว คือ BBL(ซื้อ : FV@197) upside 6.7% TISCO(ซื้อ : FV@47.4) upside 14.24%

***โบรกมองกำไรไตรมาส 1/57 ของ BBL โต 10-13% QoQ แต่ลดลง YoY
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (MBKET) คาดว่ากำไรไตรมาส 1/57 ของ BBL จะฟื้นตัวเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/56 แต่จะยังปรับตัวลดลงจาก Q1/56 โดย Operation โดยรวมค่อนข้างทรงตัว BBL จะยังคงใช้นโยบายการเติบโตของธุรกิจอย่างมั่นคง (ไม่หวือหวา) และเน้นการมองภาพธุรกิจในระยะยาว
" เรายังคงมองว่า BBL ยังคงเป็นหุ้นธนาคารที่ปลอดภัยที่สุดในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว Valuation ปัจจุบันยังถูกมาก แนะนำ ซื้อลงทุนราคาเป้าหมาย 240 บาท " MBKET ระบุ
บล.เคจีไอ คาดว่ากำไรสุทธิของ BBL ในไตรมาสที่ 1/57 จะอยู่ที่ 8.6 พันล้านบาท ลดลง 4.4% จากไตรมาส 1/56 แต่เพิ่มขึ้น12.1% จากไตรมาส 4/56 โดยกำไรที่ลดลงจากไตรมาส1/56 น่าจะเป็นผลมาจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย (non-NII) ลดลง 5.8% ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่ลดลง 13.3 bps และค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น ในขณะที่กำไรที่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า น่าจะมีสาเหตุสำคัญมาจากสัดส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่ลดลง ซึ่งหากประมาณการของเราถูกต้อง กำไรสุทธิของธนาคารในไตรมาสที่ 1/57 จะคิดเป็นสัดส่วน 24% ของประมาณการทั้งปีของเรา ทั้งนี้ แนะนำ ถือ ราคาเป้าหมายที่ 202 บาท
บล.ทรีนีตี้ คาดว่ากำไรไตรมาส 1/57 ที่ 8.45 พันล้านบาท โต 10% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่อ่อนตัว 6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยแนวโน้มทั้งรายได้ดอกเบี้ย และที่มิใช่ดอกเบี้ยทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า จากการเติบโตของสินเชื่อ และการทำธุรกรรมของลูกค้าที่ชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยหนุน คือ ค่าใช้จ่ายตามฤดูกาลที่สูงในไตรมาสที่แล้วลดลงมาอยู่ในระดับปกติ ขณะที่แนวโน้ม NPL แม้อาจเพิ่มขึ้นบ้าง แต่จะไม่ส่งผลกระทบต่อการตั้งสำรองในไตรมาสนี้มาก เนื่องจากมีระดับสำรองที่สูงอยู่แล้ว
" เราเชื่อว่า BBL ยังแกร่งสุด เลือกเป็น Top Pick กลุ่มฯ ให้ราคาเป้าหมายที่ 213 บาท " บล.ทรีนีตี้ ระบุ
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิไตรมาสา 1/57 จะเติบโต 12% จากไตรมาสก่อนเป็น 8.7 พันล้านบาท โดยเป็นผลจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง ส่วนรายได้รวมคาดว่าจะทรงตัวที่ 22 พันล้านบาท สำหรับสินเชื่อไตรมาส 1/57 คาดว่าจะทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า QoQ (2M57 สินเชื่อลดลง0.2%YTD) และ NIM อ่อนเล็กน้อย 0.02% จาก 4Q56 แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 228 บาท
บล.ฟิลลิป คาดว่ากำไรไตรมาส 1/57 เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/56 ค่าใช้จ่าย รวมไปถึงการตั้งสำรองที่ลดน้อยลงจะทำให้กำไรสุทธิเพิ่มสูงขึ้น 13.2% แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนกำไรจะลดลงประมาณ 3.5% จาก 9 พันล้านบาท ลดลงเหลือ 8.7 พันล้านบาท เนื่องจากในไตรมาส 1/56 ธนาคารกรุงเทพ มีกำไรจากการเงินลงทุนจำนวนมาก เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/57 ซึ่งไม่มีรายได้นี้มากเท่ากับปีก่อน ในขณะที่ทั้งรายได้ดอกเบี้ย รวมไปถึงรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่ทรงตัว ทั้งนี้ แนะนำ "ซื้อ" ปรับราคาพื้นฐานลดลงด้วยเหลือ 223 บาท จากเดิม 229 บาท

***ประมวลราคาเหมาะสม BBL โดย 7 ค่ายวิเคราะห์
โบรกเกอร์ คำแนะนำ
กรุงศรี ซื้อ" และปรับลดมูลค่าพื้นฐานลงจากเดิม 218 บาท เหลือ 216 บาท
เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ซื้อ ในลักษณะซื้อลงทุน ราคาเป้าหมาย 240 บาท
เคจีไอ ถือ ราคาเป้าหมายที่ 202.00 บาท
ทรีนีตี้ ซื้อ ปรับลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 213 บาท
ดีบีเอสวิคเคอร์ส ซื้อ ราคาพื้นฐาน 228 บาท
ฟิลลิป ซื้อ" ปรับราคาพื้นฐานลดลงด้วยเหลือ 223 บาท
ทิสโก้ “ซื้อ” มูลค่าเหมาะสมที่ 186.50 บาท

***โบรกมองกำไรไตรมาส 1/57 ของ KTB ลดลงประมาณ 23-27% QoQ เพราะไม่มีปันผลวายุภักษ์
บล.เคจีไอ คาดว่ากำไรสุทธิของ KTB ในไตรมาสที่ 1/57 จะอยู่ที่ 7.3 พันล้านบาท ลดลง 14.8% YoY และ 28% QoQโดยกำไรที่ลดลง YoY น่าจะมาจาก non-NII ที่ลดลง 8.2% เนื่องจากไม่มีรายได้เงินปันผลจากกองทุนวายุภักษ์ต้นทุนในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นเพื่อสะท้อนภาวะเศรษฐกิจที่แย่ลง ส่วนกำไรที่ลดลง QoQ น่าจะมีสาเหตุสำคัญมาจาก non-NII ที่ลดลง 33% เนื่องจากไม่มีรายได้เงินปันผลจากกองทุนวายุภักษ์
" ถ้าประมาณการของเราถูกต้อง กำไรสุทธิของธนาคารในไตรมาสที่ 1/57 จะคิดเป็นสัดส่วน 22% ของประมาณการทั้งปีของเราคงคำแนะนำ ถือ โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 20 บาท อิงจาก PBV ปี 2557 ที่ 1.3x " บล.เคจีไอ ระบุ
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง คาดกำไร 1Q57F ของ KTB ที่ 8.7 พันล้านบาท แม้จะหดตัวตัวลง 14%QoQ เนื่องจากมีการบันทึกกำไรพิเศษวายุภักษ์ใน 4Q56 และมีค่าใช้จ่ายโบนัสพนักงานเพิ่มเติมในไตรมาสนี้ แต่โดยภาพรวมการเติบโตของสินเชื่อ (+2%QoQ) และรายได้ค่าธรรมเนียม (+5%QoQ และ 14%YoY) ยังอยู่ในเกณฑ์ดี ซึ่งในไตรมาสนี้ KTB จะไม่มีการรับรู้เงินปันผลวายุภักษ์แล้ว (ปกติรับรู้ใน 1Q และ3Q) หลังจากกองทุนปิดตัวลง
นอกจากนี้ KTB ยังมีการบันทึกค่าใช้จ่าย Bonus พนักงานเพิ่มเติม (Cash Basis) ในไตรมาสนี้ทำให้ค่าใช้จ่ายพนักงานปรับเพิ่มขึ้น ด้านคุณภาพสินเชื่อ ยังไม่มีสัญญาณอันตรายจากการเพิ่มขึ้นของ NPLs โดยประมาณการของเรายังค่อนข้าง Conservative โดยคาดว่า KTB จะมีการตั้งสำรองที่ระดับ 3 พันล้านบาท เทียบกับสำรองปกติที่ 1.5 พันล้านบาทต่อไตรมาส ทั้งนี้ แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 25 บาท
บล.ทรีนีตี้ คาดกำไร 1Q57 ที่ 7,380 ล้านบาท หดตัว 27%QoQ และ 13%YoY โดยสินเชื่ออาจเติบโตได้ไม่มาก หนุนโดยกลุ่มสินเชื่อขนาดใหญ่เป็นหลัก ขณะที่ Yield ปรับลดลงตามดอกเบี้ยนโยบาย ส่งผลให้ NIM อ่อนตัวเล็กน้อย ทั้งนี้ รายได้ปันผลรับจากกองทุนวายุภักษ์หายไปค่อนข้างมาก ทำให้รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยหดตัวแรง ขณะที่การจ่ายโบนัสพนักงานในช่วงต้นปีส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มสูง ด้านNPL ยังมีแนวโน้มที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามกลุ่มฯ เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิใหม่เหลือเพียง 3.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งทำได้เพียงทรงตัว YoY
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส ประมาณการกำไรสุทธิ 1Q57 ลดลง 23%QoQ และหดตัว 9%YoY เพราะไม่มีเงินปันผลรับจากกองทุนวายุภักษ์ 1 และตั้งสำรองค่าเผื่อฯสูงกว่าปกติ (โดยจะตั้งสำรองฯสูงใน 1Q57 และทยอยลดลงในไตรมาสที่เหลือ และรวมทั้งปีคาดการณ์ไว้ที่ 12 พันล้านบาท) รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยยังเติบโตดี โดยมาจากรายได้ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจประกัน ประมาณการสินเชื่อ 1Q57 ขยายตัว 1.5%QoQ ซึ่งชะลอลงแต่ดีกว่าธนาคารใหญ่อื่นๆ ด้าน NIM คาดว่าจะลดลง 0.07% เพราะ Yield ของสินเชื่อขนาดใหญ่ต่ำลง ทั้งนี้ แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 23 บาท
บล.เอเซียพลัส ระบุว่า ฝ่ายวิจัยคาดกำไรสุทธิ 1Q57 ของ KTB เท่ากับ 8.82 พันล้านบาท หดตัว 12.1% qoq (แต่ยังเติบโตเล็กน้อย 3.2% yoy) จากการลดลงของรายได้หลักทุกกลุ่ม เริ่มต้นจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ คาดลดลง 3.6% qoq เนื่องจากไม่มีการบันทึกรายได้ดอกเบี้ยรับคืนจากการปรับโครงสร้างหนี้เช่นใน 4Q56 ขณะที่คาดการณ์ NIM ลดลง 17bp มาที่ 2.73% เพราะยังมีผลกระทบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยทั้ง 2 ฝั่งไปเมื่อเร็วๆ นี้ แม้คาดการณ์สินเชื่อสุทธิยังเติบโตกว่า 2% qoq ก็ตาม (จากกลุ่มสินเชื่อรายใหญ่และรายย่อย ส่วน SME เห็นการเติบโตบ้าง ยกเว้นสินเชื่อภาครัฐที่ยังทรงตัว)
สำหรับรายได้ค่าธรรมเนียมฯ คาดลดลง 5.2% qoq สอดคล้องกับธุรกรรมสินเชื่อในภาพรวม เช่นเดียวกับรายได้จากการดำเนินงานอื่นๆที่เห็นการลดลงอย่างมีนัยฯ เพราะใน 4Q56 มีการบันทึกกำไรจากการขายเงินลงทุนในกองทุนวายุภักษ์ แต่ในงวดนี้ไม่มี อีกทั้งไม่มีการบันทึกเงินปันผลจากกองทุนวายุภักษ์อีกต่อไปแล้ว (ทุกงวด 1Q และ 3Q) ทำให้ขาดตัวช่วยหลักพยุงกำไรไป แม้ในงวดนี้ จะเห็นการลดลงของค่าใช้จ่ายดำเนินงานภายหลังพ้นช่วงฤดูกาล รวมถึงคาดการณ์ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ฯ ที่ลดลง เพราะได้กันสำรองหนี้ฯ ที่สูงมากเกินระดับนโยบายที่ 500 ล้านบาท/เดือน ต่อเนื่องในช่วง3 ไตรมาสที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ส่งผลบวกต่อผลการดำเนินงานงวดนี้ ทั้งนี้ แนะนำถือ Fair value 19.50 บาท
บล.ฟิลลิป ระบุว่า ทางฝ่ายคาดว่า KTB จะมีกำไรสุทธิ 1Q57 ที่ 7.7 พันล้านบาท ลดลง 9.8% y-y ถึงแม้ว่าจะคาดว่ารายได้ดอกเบี้ย และรายได้ค่าธรรมเนียมจะเพิ่มสูงขึ้นตามการเติบโตของสินเชื่อ แต่การที่กองทุนวายุภักษ์หมดอายุลงไปในเดือน พ.ย. 2556 ทำให้ใน 1Q57KTB จะไม่ได้รับเงินปันผลเหมือนใน 1Q56 ที่ได้รับ 882 ล้านบาท นอกจากนี้ยังคาดว่า 1Q57 KTB จะมีการตั้งสำรองจะสูงขึ้น หลังจาก 1Q56มีเพียงการตั้งสำรองปกติ ทำให้ผลประกอบการลดต่ำลงและเมื่อเทียบกับ 4Q56 ที่ KTB ได้รับเงินปันผลงวดสุดท้าย รวมไปถึงเงินค่าไถ่ถอนกองทุนวายุภักษ์จำนวนมากถึง 3.3 พันล้านบาท ทำให้คาดว่ากำไร 1Q57 จะปรับลดลงถึง 23.7% q-q ปรับลดคำแนะนำจากเดิม"ซื้อ" ลงมาเป็น"ทยอยซื้อ" และปรับราคาพื้นฐานลดลงเหลือ 21 บาท จากเดิม 25 บาท
บล.ทิสโก้ คาดว่าผลประกอบการ 1Q57F จะอยู่ที่ 8.6 พันล้านบาท (+1.5% YoY และ -14% QoQ) โดยผลประกอบการที่เติบโตที่ต่ำเป็นไปตามกลุ่มธนาคาร และ KTB มีฐานที่สูงจาก Non-NII ที่สูง และมีการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้น และการดำเนินงานที่ลดลง QoQ เนื่องจากในช่วง 4Q56 มีกำไรจากกองทุนวายุภักษ์และค่าใช้จ่ายด้านบุคคลที่เพิ่มขึ้น QoQ แม้รายได้จากค่าธรรมเนียมจะดีขึ้น QoQ แต่รายได้และผลประกอบการจะเติบโตต่ำ (สินเชื่อที่ชะลอตัวประกอบกับ NIM ที่ลดลง)แนะนำ “ถือ” มูลค่าที่เหมาะสม 17 บาท (GGM)
บล.กรุงศรี คาดกำไรสุทธิใน 1Q57 เพิ่มขึ้น 2%YoY แต่ลดลง 13%QoQ เราคงคำแนะนำการลงทุน "ซื้อ" จากมุมมองต่ออัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่สูง และราคาหุ้นตอบรับปัจจัยเชิงลบไปพอสมควรแล้ว KTB ซื้อขาย P/BV ปี 57 ที่ 1.2 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ที่1.3 เท่า อย่างไรก็ดี เราปรับลดมูลค่าพื้นฐานลงจาก 23 บาท เหลือ 22.5 บาท อิงจาก Prospective P/BV จาก 1.4 เท่า (บนสมมติฐาน ROE 14%, Ke 11.5%) สะท้อนการปรับประมาณการกำไรปี 57-58 ลดลง แนะนำการลงทุน "ซื้อ"

***ประมวลราคาเหมาะสม KTB โดย 8 ค่ายวิเคราะห์
โบรกเกอร์ คำแนะนำ
เคจีไอ ถือ ราคาเป้าหมายที่ 20.00 บาท
เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ซื้อ ราคาเป้าหมาย 25 บาท
กรุงศรี "ซื้อ" ปรับลดมูลค่าพื้นฐานลงจาก 23 บาท เหลือ 22.5 บาท
ทรีนีตี้ "ซื้อเมื่ออ่อนตัว" ปรับราคาเป้าหมายลงเหลือ 20 บาท
ดีบีเอสวิคเคอร์ส ซื้อ ราคาพื้นฐาน 23 บาท
เอเซีย พลัส ถือ Fair value 19.50 บาท
ฟิลลิป "ทยอยซื้อ" และปรับราคาพื้นฐานลดลงเหลือ 21 บาท
ทิสโก้ “ ถือ” มูลค่าที่เหมาะสม 17 บาท

****โบรกมองกำไรไตรมาส 1/57 ของ TISCO ยังไม่แจ่ม หลังสินเชื่อหเดตัว คาดฟื้นครึ่งหลัง
บล.ฟิลลิป คาดสินเชื่อของ TISCO ใน 1Q57 จะหดตัวลง 2.5% จากสิ้นปี 2556 แต่คาดว่าการปรับลดการตั้งสำรองลง จะทำให้กำไรสุทธิปรับเพิ่มขึ้นได้ 33% q-q จาก 4Q56 ที่มีกำไรสุทธิ 806 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้นเป็น 1.1 พันล้านบาท แต่เมื่อเทียบกับ 1Q56 ที่ TISCO มีรายได้ค่าธรรมเนียมสูงมากจากธุรกิจหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงกว่า 1Q57 ประกอบกับการตั้งสำรองที่น้อยกว่า 1Q57 ทำให้คาดว่ากำไรสุทธิ 1Q57 จะปรับลดลง 8% y-y
บล.ทรีนีตี้ คาดกำไร 1Q57 ที่ 994 ล้านบาท ฟื้นตัว 24%QoQ แต่หดตัว 14%YoY เนื่องจากในไตรมาสก่อนมีการตั้งสำรองหนี้สูญสูงถึง 1.6 พันล้านบาท ขณะที่คาดไตรมาสนี้จะลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 1 พันล้านบาท ด้านสินเชื่อมีแนวโน้มหดตัวจากทุกกลุ่ม โดยเฉพาะจากธุรกิจเช่าซื้อที่ยังไม่ฟื้นตัว อีกทั้งรายได้ค่าธรรมเนียมอาจลดลง YoY ส่วนหนึ่งตามสินเชื่อ และส่วนหนึ่งจากค่าธรรมเนียมตลาดทุนที่หดตัวตามสภาวะตลาดฯ ทั้งนี้เราปรับลดประมาณการสินเชื่อปี 57 ลงเหลือ 7% ส่งผลให้กำไรสุทธิลดลง 3.8% จากประมาณการเดิมมาอยู่ที่ 4.5 พันล้านบาท และกระทบต่อราคาเป้าหมายลดลงเหลือ 47 บาท แต่เรายังคงแนะนำ "ซื้อ" เนื่องจากมองว่าพื้นฐานแกร่งสุดในกลุ่มธ.พ. ขนาดเล็ก ขณะที่ราคาปัจจุบันอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ อีกทั้งยังมีระดับปันผลที่น่าสนใจ
บล. กรุงศรี ระบุแม้ผลการดำเนินงาน 1Q57 กลับมาขยายตัวจากใน 4Q56 แต่พื้นฐานอาจยังไม่ฟื้นตัวชัดเจนเนื่องจากคาดการณ์ว่าสินเชื่อจะปรับลดลง และคุณภาพสินเชื่อยังอ่อนแอจากสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ส่วนแนวโน้มทั้งปี 57 การเติบโตยังมีข้อจำกัดจากปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว และการควบคุมคุณภาพสินเชื่อเพื่อลดปัญหาหนี้เสีย แต่เรามองว่า TISCO มีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูงเฉลี่ย 5.0-5.5% ในปี 56-58 และราคาหุ้นซื้อขาย P/BV ปี 57 ที่ 1.2 เท่า ต่ำที่สุดรอบ 5 ปี เราคงคำแนะนำ "ถือ" เพื่อรับเงินปันผล โดยปรับลดมูลค่าพื้นฐานลงเหลือ 43 บาท อิงจาก Prospective P/BV ที่ 1.3 เท่า สะท้อนการคาดการณ์ต่ออัตราการเติบโตของกำไรปี 57-58 ที่ชะลอตัว
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง คาดกำไร 1Q57F ของ TISCO จะฟื้นตัวได้จากค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองที่ลดลง แต่ในแง่ Operation ยังคงได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของตลาดรถยนต์ ทำให้เรามีการปรับประมาณการสินเชื่อและกำไรปี 57-58 ลงเล็กน้อย แต่ยังคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 45 บาท โดย Valuation ปัจจุบันของ TISCO ยังคงถือว่าอยู่ในระดับที่ถูก แต่ภาพของอุตสาหกรรมอาจจะยังคงกดดันในแง่ของ Sentiment เราจึงยังคงคำแนะนำเพียง Trading Buy
ฝ่ายวิจัย บล.เอเชีย พลัส ประมาณการผลการดำเนินงานปี 2557 โดยคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2557 เติบโตต่อเนื่องอีก 10.2% yoy แม้ภาพรวมธุรกิจใน 1H57 ของ TISCO ยังไม่สดใส แต่ก็เป็นไปตามกลุ่มฯ โดยคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวของธุรกิจในช่วง 2H57 หากสถานการณ์การเมืองคลี่คลายลงได้ภายในช่วง 1H57 โดยฝ่ายวิจัยเชื่อว่า TISCO จะฟื้นตัวเร็วกว่าคู่แข่ง เนื่องจากสัดส่วนของพอร์ตรถยนต์มือสองที่อยู่ในระดับต่ำกว่าคู่แข่ง ผนวกกับการจัดงานมอเตอร์โชว์ครั้งล่าสุด ที่กำหนดขึ้นในช่วง 26 มี.ค.- 6 เม.ย.57 ที่คาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายรถยนต์ใหม่ในระบบให้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ผลการดำเนินงาน 2Q57 เริ่มเห็นการเติบโตของสินเชื่อกลับมาคืนมาบางส่วน

***ประมวลราคาเหมาะสม TISCO โดย 5 ค่ายวิเคราะห์
โบรกเกอร์ คำแนะนำ
เมย์แบงก์ กิมเอ็ง Trading Buy ราคาเป้าหมายไว้ที่ 45 บาท
กรุงศรี "ถือ" เพื่อรับเงินปันผล มูลค่าพื้นฐาน43 บาท
ทรีนีตี้ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายมาอยู่ที่ 47 บาท
เอเซีย พลัส ซื้อ Fair Value 47.41 บาท
ฟิลลิป "ทยอยซื้อ" ราคาพื้นฐาน 45 บาท


 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com