April 16, 2024   10:58:15 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ดัชนีปรับฐาน3-5%-ทยอยเก็บเข้าพอร์ต
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 31/07/2014 @ 08:13:56
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

"เสี่ยปู่- เสี่ยป๋อง" ชี้ช่องฉวยโอกาสหุ้นปรับฐาน ตุนหุ้นเข้าพอร์ต ชูหุ้นพลังงานทดแทน - รับเหมาก่อสร้างเด่น เชื่อสิ้นปีเห็นดัชนีฯ 1,700 จุด ด้าน"บลจ.บัวหลวง" ชี้ หุ้นร่วงช่วง 1-2 วันนี้ แค่แรงขายทำกำไรเล่นรอบหุ้นรับเหมาฯ มอง MegaTrand ยังสดใส ฟาก บลจ.ไทยพาณิชย์ ระบุ ตลาดหุ้นครึ่งปีหลังผันผวน จากแรงขายทำกำไรหลังประกาศงบ Q2 แนะรายย่อยจัดพอร์ตครึ่งปีหลังเพิ่มน้ำหนักลงหุ้น-ลดสัดส่วนตราสารหนี้ ขณะที่"MBKET" ชู กลยุทธ์ลงทุนช่วง 3-6 เดือน เก็บหุ้นท่องเที่ยว-ขนส่ง ระยะยาว 12 เดือน มองหุ้นรับเหมาฯโดดเด่น ระบุหุ้นปรับฐานไม่เกิน 3-5%

*"เสี่ยปู่" แนะช่วง SET ปรับฐาน หาจังหวะเก็บหุ้นพลังงานทดแทน
นายสมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล นักลงทุนรายใหญ่ เปิดเผยกับ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย"ว่า กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ ซึ่งตลาดกำลังปรับฐาน โดยส่วนตัวจะหาจังหวะซื้อหุ้นที่มีอัตราการเติบโตดีในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งจะต้องมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% ต่อปี มีหลายกลุ่มอุตสาหกรรม หนึ่งในนั้นคืออุตสาหกรรมพลังงานทดแทน ซึ่งส่วนตัวมองทั้งบริษัทในและนอกตลาด โดยบริษัทในตลาดมอง บริษัท เด็มโก้ จำกัด (มหาชน)หรือ DEMCOก็เป็นหุ้นพลังงานทดแทนที่น่าสนใจ
" หุ้นหลายตัวตอนนี้ราคาสูงไปแล้ว โดยส่วนตัวจะเลือกหุ้นที่มีการเจริญเติบโต ดูไป 2-3 ปีข้างหน้า กลุ่มพลังงานทดแทนก็น่าสนใจ ซึ่งเมื่อเราดูแล้วว่า ช่วงนี้หากราคาปรับลดลงเราก็น่าจะรับได้ ปรับฐานลงมาแล้วก็น่าจะเข้าซื้อ หลักการที่ใช้คือต้องเป็นหุ้นที่มีโกรท แม้ว่าอาจยอมซื้อที่พีอีสูง แต่เราเชื่อว่าต่อไปเมื่อบริษัทนั้นๆ มีโกรท พีอีจะปรับลดลง" นายสมพงษ์ กล่าว
นายสมพงษ์ กล่าวด้วยว่า ในช่วงที่ตลาดปรับฐาน ก็น่าจะเป็นโอกาสในการเก็บหุ้นที่มีอัตราการเติบโตดี คือ กำไรต่อปีต้อง 30% ขึ้นไป ซึ่งนอกจากหุ้นในกลุ่มพลังงานทดแทนแล้ว อีกกลุ่มที่สนใจ คือ หุ้นน้องใหม่ที่เพิ่งเข้าตลาด และหุ้นที่บริษัทนั้นๆ เตรียมจะขายให้กับนักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP)
โดยในส่วนของหุ้นที่เพิ่งเข้าตลาด มีหลายตัวที่สนใจ แต่ส่วรนใหญ่จะเลือกหุ้นที่กำไรเติบโตดี หนึ่งในนั้นคือ บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน)หรือ SAPPE ซึ่งตนเองได้ซื้อช่วงไอพีโอมาแล้ว และยังไม่ขาย เพราะเชื่อว่า หากราคาปรับลงมาอีกถึงจุดหนึ่ง ก็น่าที่จะรีบาวน์ ดังนั้น ก็ยังหาจังหวะที่จะเข้าซื้อเพิ่มอยู่ ซึ่งบริษัทนี้ปลายปีผลประกอบการอาจไม่ดีนัก เพราะมีค่าใช้จ่ายด้านโฆษณามาก ดังนั้นกำไรครึ่งปีหลังอาจไม่ดีนัก แต่เชื่อว่า ปี 2558อัตราการเติบโตของกำไรจะดีมาก ??
สำหรับหุ้นเพิ่มทุนที่บริษัทจดทะเบียน เตรียมไว้ขายให้นักลงทุนแบบเฉพาะเจาจะลง(PP)อันนี้ก็น่าสนใจ และมีหลายบริษัทที่ตนเองให้ความสนใจ แต่ยังไม่ได้มีการเข้าไปพูดคุยกับทางบริษัท ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ บริษัทน้องใหม่ที่เพิ่งเข้าตลาดเกี่ยวกับธุรกิจน้ำตาล??
" หุ้นเพิ่มทุน PP เราก็มองๆ อยู่ คือถ้าเป็นบริษัทที่มีอนาคต เราก็สนใจ หุ้นที่กิจการเติบโตเราก็สนใจ ถ้าไม่มีอนาคต เราก็ไม่ซื้อ หลักการของผมคือ จะดูพื้นฐานเป็นหลัก ส่วนจังหวะที่จะเข้านั้นอาจจะซื้อตอนที่พี/อี สูงก็ได้ แต่เราเชื่อว่าถ้ากำไรดีจริงในปีต่อไป พี/อี ลดลง" นายสมพงษ์ กล่าว

*"เสี่ยป๋อง" มองรับเหมาฯรายใหญ่มีอนาคต เชื่อสิ้นปีเห็นดัชนีฯ 1,700 จุด
นายวัชระ แก้วสว่าง หรือ "เสี่ยป๋อง" นักลงทุนรายใหญ่ เปิดเผยกับ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" ว่า ยังไม่มีการขายหุ้นออกมา แม้ดัชนีฯจะอยู่ในช่วงของการปรับฐาน โดยมองเป็นโอกาสในการเข้าซื้อหุ้น โดยเฉพาะกลุ่มรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ ที่จะได้ประโยชน์จากนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่มีความชัดเจนว่าจะเดินหน้าการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ??ทั้งนี้โดยส่วนตัวยังเชื่อว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยยังคงมีทิศทางที่เป็นบวก และปลายปีน่าจะมีโอกาสเห็นระดับ 1,700 จุด หลังจากปัญหาการเมืองเริ่มนิ่งและมี คสช.เข้ามาดูแลซึ่งถือว่ามีเสถียรภาพ แต่ยอมรับว่ากังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ต่างประเทศ โดยเฉพาะการเกิดสงคราม ซึ่งเป็นปัจจัยที่เหนือการควบคุม
"หุ้นในภาพรวมอาจจะดูแพง เพราะ P/E ขึ้นมาสูง บจ.ทำกำไรตามไม่ทัน แต่การเลือกรายตัว รายกลุ่ม ยังสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีได้ ซึ่งผมมองสถานการณ์ตอนนี้เหมือนช่วงน้ำท่วม ที่ทุกอย่างชะงักไป แต่ก็กลับมาดีขึ้นเป็นหลายเท่า หลังจากผ่านวิกฤตไปแล้ว หากให้ดูหุ้นตอนนี้ก็เลือกรับเหมาฯรายใหญ่ เพราะมีข่าวบวกเกี่ยวกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานรออยู่ แม้ที่ผ่านมาราคาขึ้นมามากแล้ว แต่หากได้งานจริง ก็ยังมีโอกาสที่จะไปต่อ ซึ่งผมค่อนข้างเชื่อมั่นกับ คสช. ว่าจะเดินหน้าโครงการต่างๆได้สำเร็จ เพราะถือว่ามีเสถียรภาพ ไม่ใช่พรรคการเมืองที่มักมีฝ่ายค้านมาทำให้โครงการสะดุด ดังนั้นในช่วงที่หุ้นปรับฐาน บอกได้เลยว่าผมยังไม่ขายหุ้น และใช้เป็นโอกาสเก็บเพิ่ม" นายวัชระกล่าว

*แนะกระจายลงทุนหุ้นรับเหมาฯ-แบงก์-อสังหาฯ-โรงไฟฟ้า โชว์ผลตอบแทน 30% ชนะตลาดฯ
นายวัชระ แก้วสว่าง หรือ "เสี่ยป๋อง" นักลงทุนรายใหญ่ เปิดเผยกับ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" ถึงกลยุทธ์การจัดพอร์ตลงทุนว่าจะกระจายพอร์ตลงทุนในหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ และหุ้นโรงไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันมีหุ้นในพอร์ตประมาณ 10 บริษัท โดยจะลงทุนบริษัทละประมาณ 10% เพื่อกระจายความเสี่ยง และส่วนใหญ่ประมาณ 80-90% จะเป็นการถือหุ้นระยะ 3-6 เดือนขึ้นไป ส่วนพอร์ตเก็งกำไร หรือ เทรดดิ้ง มีประมาณ 10-20% เท่านั้น โดยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา สามารถทำผลตอบแทนได้ประมาณ 30% ถือว่าชนะตลาดฯที่ให้ผลตอบแทนประมาณ 20%
"ปีนี้ยังถือว่าเป็นปีที่ดีของการลงทุน ซึ่งผมจะเลือกลงทุนแบบกระจาย ไม่กระจุกตัวใดตัวหนึ่ง ผลตอบแทนที่ได้ก็ชนะตลาดฯพอสมควร นอกจากนั้นในส่วนของหุ้น IPO ก็ถือว่าให้ผลตอบแทนค่อนข้างดี แต่ก็ขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์ที่เราเทรดอยู่ด้วย หากไม่ได้เป็นลีด อันเดอร์ไรท์ ก็จะได้หุ้นน้อย ส่วนใหญ่ก็ขายวันแรก เพราะไม่คุ้มที่ต้องมานั่งดู แต่ถ้าได้มาเยอะก็จะมองอนาคตและถือยาว และก็มีหุ้นที่เราเห็นอนาคตและต้องการลงทุน ก็เข้าไปคุยกับผู้ถือหุ้นอย่างเช่น BMCL ที่ได้มาก็ยังถืออยู่ เนื่องจากตั้งใจลงทุนยาว" นายวัชระกล่าว

*MBKET ชี้หุ้นปรับฐานไม่เกิน 3-5% แนวรับ 1,500-1,480 จุด
นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MBKET คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับฐาน 3-5% ในช่วงไตรมาสที่ 3/57 มาอยู่ที่ระดับ 1,480-1,500 จุด ซึ่งเป็นไปตามสถิติเกิดรัฐประหารที่ผ่านมาของประเทศไทย จากนั้นดัชนีฯจะเริ่มปรับตัวดีขึ้น โดยเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยผ่านพ้นจุดต่ำสุดของปีนี้ไปแล้ว ??สำหรับดัชนีตลาดหุ้นไทยสิ้นปีนี้บริษัทฯ มองว่าจะอยู่ที่ระดับ 1,500 จุด ส่วนปี 58 คาดว่าจะอยู่ที่ 1,500 - 1,576 จุด
แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในช่วง 3 - 6 เดือน ต่อจากนี้ ให้ลงทุนในกลุ่มท่องเที่ยว, กลุ่มขนส่ง รวมไปถึงกลุ่มโรงแรมที่ได้รับอานิสงส์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ส่วนกลยุทธ์การลงทุนระยะ 12 เดือน ข้างหน้าแนะนำนักลงทุนซื้อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่จะเป็นกลุ่มหลัก ตอบรับกับนโยบายโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ??ขณะที่ลงทุนระยะเกิน 1 ปีขึ้นไป แนะนำลงทุนกลุ่ม ICT เนื่องจากปัจจุบันราคาหุ้นปรับตัวลดลง จากที่ คสช. สั่งเลื่อนการประมูล 4G ออกไปเป็นปีหน้า จึงทำให้ราคาหุ้นขณะนี้ต่ำกว่าราคาที่เหมาะสม แต่หลังจากได้ข้อสรุปการประมูลใหม่ คาดว่าจะทำให้ราคาหุ้นกลุ่มนี้กลับมาดีขึ้น

* บลจ.บัวหลวง คาดหุ้นร่วงช่วง 1-2 วันนี้แค่แรงขายทำกำไร
นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่ บริหาร บลจ.บัวหลวง เปิดเผยกับ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย"ว่า คาดว่าสาเหตุที่ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงต่อเนื่อง 2 วันทำการนี้น่าจะมาจากแรงขายทำกำไรช่วงสั้นของนักลงทุนที่เล่นรอบ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง หลังจากที่มีข่าวเกี่ยวกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานประกาศออกมาโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ประกาศออกมา
" น่าจะเป็นพวกที่ลงทุนระยะสั้น พอมีข่าวโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานออกมาแล้วก็ขาย เป็นการเล่นรอบตามปกติ ไม่ใช่ว่าดิ่งลงไปจริงจัง"นางวรวรรณ กล่าว??

*ชี้ MegaTrand ตลาดหุ้นยังสดใส แม้ช่วงสั้นผันผวน
นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่ บริหาร บลจ.บัวหลวง เปิดเผยกับ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย"ว่า หากมองแนวโน้มใหญ่ หรือ Megatrend ของโลก เชื่อว่ามีหลายปัจจัยที่จะทำให้ตลาดหุ้นไทยสดใส แม้ช่วงสั้นอาจผันผวนจากปัจจัยทั้งใน-นอกประเทศ ที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ เพราะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ยากที่จะคาดการร์ในระยะสั้นๆ แค่ 1 ปี ดังนั้นจึงต้องมองให้ไกลมากกว่า 1 ปี ซึ่งเชื่อว่า ด้วยแนวโน้มของประชากรสูงอายุที่มากขึ้น คนชนชั้นกลางที่มีรสนิยมสูงขึ้น ชุมชนเมืองขยายตัว สิ่งเหล่านี้จะเป็นปัจจัยที่ทำให้บริษัทในหลากหลายอุตสาหกรรมที่ประกอบธุรกิจอิง Megatrend มีผลประกอบการดีขึ้นในระยะยาว ??" สำหรับตลาดหุ้นใระยะยาวยังดี เรามอง Megatrend ที่เปลี่ยนไป ทั้งในภูมิภาคนี้ พลังของอำนาจต่างๆ ที่จะเปลี่ยนไป เกิดการสร้างสมดุลใหม่ขึ้นมา ถ้าเรามองระยะยาว เราก็ต้องมองว่าอะไรที่จะโตไปตาม Megatrend"นางวรวรรณ กล่าว

* บลจ.ไทยพาณิชย์ มองหุ้นผันผวน จากแรงขายทำกำไรหลังประกาศงบ Q2
นายสมิทธ์ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยกับ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย"ว่า มองตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลังยังผันผวน จากแรงขายทำกำไรหลังประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/57
ส่วนทางด้านเงินทุนต่างชาติในช่วงครึ่งปีหลัง มองว่าจะกลับเข้ามามากขึ้น จากครึ่งปีแรกที่เม็ดเงินไหลกลับไปยังตลาดหุ้นขนาดใหญ่ เช่น สหรัฐ และ ยุโรป ??"เรามองว่าการลงทุนในครึ่งปีหลังคง side way up โดยอาจมีแรงขายทำกำไร ในหุ้นกลุ่มที่ผลประกอบการไตรมาส 2/57 ออกมาดี" นายสมิทธ์ กล่าว??อย่างไรก็ตาม มองสถานการณ์ในรัสเซีย และตะวันออกกลางยังคงเป็นแรงกดดันสำหรับตลาดหุ้นทั่วโลก

*แนะรายย่อยจัดพอร์ตครึ่งปีหลังเพิ่มน้ำหนักลงหุ้น-ลดสัดส่วนตราสารหนี้
นายสมิทธ์ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยกับ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย"ว่า การลงทุนของนักลงทุนรายย่อยในช่วงครึ่งปีหลัง ควรเพิ่มน้ำหนักลงทุนในหุ้นเนื่องจากมองว่าหลังจากนี้บรรยากาศการลงทุนจะเริ่มกลับมาดีขึ้นและลดสัดส่วนของการลงทุนในตลาดพันธบัตรและตราสารหนี้??สำหรับหุ้นที่บริษัทมองว่ามีความน่าสนใจ คือหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. อาทิ โครงการโครงสร้างพื้นฐานจึงแนะนำหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มธนาคารพาณิชย์ กลุ่มท่องเที่ยว และ กลุ่มขนส่ง
"เราแนะนำให้นักลงทุนเพิ่มหุ้นมากขึ้นและลดพันธบัตรและตราสารหนี้ ซึ่งเรามีการทำประเมินอย่างต่อเนื่องทั้งการลงทุนในช่วง 6 เดือนและ 1 ปี แต่ถ้ามองถึงระยะยาวการลงทุนในหุ้นยังถือว่าดีอยู่" นายสมิทธ์ กล่าว

*KBANK ปรับเพิ่มจีดีพีไทยปีนี้เป็นโต 2.3% จาก 1.8% ระบุครึ่งปีหลังมีโอกาสโต 4.3% หลัง ศก.ฟื้น - การเมืองชัดเจน
นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า ธนาคารได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ของไทยในปีนี้ จะเติบโตได้ที่ 2.3% จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 1.8% โดยในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจีดีพีจะเติบโตได้ 4.3% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเมืองที่เริ่มกลับมามีเสถียรภาพ ทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวเริ่มกลับมาดีขึ้น ขณะที่การลงทุนเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ ตามการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณการลงทุนของภาครัฐในปีงบประมาณ 57 และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐที่มีอย่างต่อเนื่อง
"ในช่วงครึ่งปีหลังเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้น ส่งผลดีต่อการจับจ่ายใช้สอยที่จะเริ่มกลับมาดีขึ้น บรรยากาศการท่องเที่ยวจะเริ่มกลับมา การลงทุนภาคธุรกิจเริ่มทยอยฟื้นตัวด้วย" นายปกรณ์ กล่าว




 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com