*ทุกครั้งที่ตลาดหุ้นไทยออกอาการตะกุกตะกัก "โมนิก้า" มักใช้จังหวะดังกล่าวเม้าท์ถึงเรื่องเก่าๆ บรรยากาศเดิมๆ ที่เคยเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อทำให้นักลงทุนรู้สึกอินกับบรรยา กาศดังกล่าวมากขึ้น และหวังว่าแฟนคลับ "ข่าวหุ้น" คงไม่เบื่อกันเสียก่อน เพราะมันเป็นเรื่องที่ต้องพูดกันตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้นักลงทุนมีเวลาเตรียมตัวรับมือสถานการณ์อันไม่พึงประสงค์พะยะค่ะ
*จริงๆ ในใจส่วนลึกของ "โมนิก้า" ไม่ค่อยเป็นห่วงการลงทุนในตลาดหุ้นสักเท่าไหร่ เพราะเป็นเรื่องที่บอกให้ทุกคนรู้แล้วว่า ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง บริษัทจดทะเบียนยังทำกำไรได้ค่อนข้างดี!! ส่วนอาการอืดๆ ของดัชนีที่เกิดขึ้นตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นเพราะตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จึงเกิดภาวะแรงเฉื่อยให้เห็นเป็นบางครั้ง และมีแนวโน้มที่จะเกิดการ "ย่อตัว พักตัว" ก่อนจะไต่ระดับขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,600 จุดนะคะ

*ฉะนั้น อย่าได้เกิดอาการหวั่นใจเมื่อเห็นดัชนีแกว่งตัวไปมา เพราะแพทเทิร์นระยะยาวยังน่าลงทุนเหมือนเดิม และหุ้นตัวหลักๆ อาทิ แบงก์ พลังงาน สื่อสาร ยังพยายามทำหน้าที่ประคองตลาดหุ้นต่อไป "โมนิก้า" ถึงพยายามให้นักลงทุนเล็งเป้าไปที่หุ้นรายตัวมากเป็นพิเศษ และไม่ขอพูดถึงรายละเอียดดังกล่าวมากไปกว่านี้อีกแล้ว เพราะเป็นเรื่องที่มีการรับรู้มานานแล้วพะยะค่ะ

*เหมือนกับก่อนหน้านี้สัก 3-4 ปี นักลงทุนต้องมานั่งลุ้นเรื่องอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อแก้ปัญหาหนี้ในยุโรป และต้องลุ้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของอเมริกานั้น เป็นการเสพติดเรื่องดังกล่าวมากเกินไปหรือเปล่า? สุดท้ายก็ได้รับการยืนยันว่า เสพติดข่าวดังกล่าวจริงๆ และช่วงหลายปีที่ผ่านมาหุ้นไทยก็ตอบรับกับเรื่องดังกล่าวมากพอสมควรแล้ว เมื่อถึงเวลาเลิกยาแรงขึ้นมาจริงๆ ตลาดหุ้นไทยถึงมีอาการกระตุกเกร็งสุดขีดไงล่ะค่ะ

*ฉะนั้น อย่าได้แปลกใจที่สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นจะเต็มไปด้วยความผันผวน เพราะนักลงทุนกลุ่มต่างๆ เฝ้ารอข่าวดีที่จะโผล่มาให้เห็น โดยเฉพาะพวกฝรั่งตาน้ำข้าวที่แสดงอาการเรยาทุกครั้งที่เห็นอะไรล่อตาล่อใจ จึงกระโจนเข้าใส่อย่างไม่คิดชีวิต แต่พอมีปัญหาขัดข้องบางประการเกิดขึ้น พี่ท่านหันมาเล่นบทโหด ตบไม่เลี้ยง ยิ่งกว่าหนังเรื่องจำเลยรักสมัยพิศาล...ชินกันหรือยัง

*เมื่อ "โมนิก้า" นำข้อมูลดังกล่าวมาผนวกเข้ากับยอดซื้อสะสมในแต่ละปีของนักลงทุนกลุ่มต่างๆ ดัชนีไม่น่าจะปรับตัวลงแรงถึงระดับ 50-100 จุด ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า จังหวะนี้คือโอกาสทองของการลงทุนรอบนี้ โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนที่นิยมซื้อหุ้นลงทุนระยะกลางถึงยาว รวมทั้งนักเก็งกำไรสั้นๆ ก็ไม่ควรพลาดจังหวะงามๆ สูตรสำเร็จเขียนไว้แบบนี้...มันเลยต้องเชื่อไงล่ะค่ะ

*ส่วนหุ้นนอกกระแสที่คิดว่า น่าลงทุนคือ TRC เพราะธรรมชาติของหุ้นพื้นฐานดี มีปันผลติดปลายนวมเป็นประจำ มักปรับตัวขึ้นรับข่าวกำไรที่ดีขึ้นอย่างแข็งแกร่ง "โมนิก้า" ถึงไม่แปลกใจว่าราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง แม้วานนี้ราคาหุ้นจะอ่อนตัวลงก็ตาม แต่เชื่อว่าจากกำไรของครึ่งแรกของปี 57 โตเท่าตัว เงินปันผลปีนี้เลยโตเป็นเท่าตัวตามไปด้วย เดี๊ยนเชื่อว่าราคาหุ้นจะดีดตัวขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากวอลุ่มการซื้อขายที่ยังคงหนาแน่น

*อีกรายที่น่าจับตาดูเป็นพิเศษคือ AJD ยังมีแรงซื้ออัดเข้ามาต่อเนื่อง จนราคาหุ้นขึ้นมาปิดที่ 6.60 บาท บวกไป 0.05 บาท หรือขึ้นไป 0.76% ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายกว่า 411.27 ล้านบาท ย่อมมีนัยสำคัญบางอย่างซ่อนไว้แน่ๆ ผนวกกับปัจจัยหลายอย่างเอื้อต่อการเข้าเล่นตามน้ำเสียเหลือเกิน "โมนิก้า" ถึงกล้าแนะนำให้นักเสี่ยงโชคตะลุยกันอีกรอบเจ้าค่ะ

*เหมือนกับในรายของหุ้นขายน้ำยาง STA TRUBB ทันทีที่มีการประกาศช่วยเหลือราคายาง พวกนกรู้รีบกระโจนเข้าใส่ในทันที และดูเหมือนกระแสดังกล่าวจะได้รับการตอบรับที่ดีเสียด้วย หุ้นเลยขยับขึ้นอย่างเป็นล่ำเป็นสันอีกครั้ง เพียงแต่ข้อมูลในช่วง 1 ปีเต็มๆ ออกไปในทางเด้งรับข่าวแล้วเลิก "โมนิก้า" ถึงอยากให้แฟนคลับไตร่ตรองดูกันอีกทีหนึ่งนะจะบอกให้

*อีกอย่างคือ บรรยากาศการลงทุนในช่วงนี้ เหมาะแก่การวิ่งเข้าหาข้อมูลพอๆ กับการวิ่งเข้าหาหุ้น!! โดยสิ่งที่จะบรรยายสถานการณ์ดังกล่าวได้ดีสุดคือ ข้อมูลบน www.kaohoon.com ซึ่งเป็นการรวบรวมกลยุทธ์แบบต่างๆ พร้อมกับคัดสรรหุ้นเด่นๆ มานำเสนอไม่ขาดตอน เพื่อทำให้ทุกคนเข้าใจหลักการลงทุนอย่างแจ่มแจ้งแบบนี้...คลิกเดียวชีวิต เปลี่ยนแน่นอนพะยะค่ะ