April 24, 2024   6:08:15 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > สะสม 14 หุ้น Overweight บวก Outperform ตลาด
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 02/09/2014 @ 08:16:47
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.32 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 31.93/97 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากภาคการผลิตจีนชะลอตัวลง และสถานการณ์ในยูเครนทวีความรุนแรงขึ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มวัสดุปรับตัวเพิ่มขึ้น นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวผัวผวน-ปรับขึ้น มีโอกาสปรับขึ้นทดสอบ 1,570 จุด สำหรับหุ้นเด่นวันนี้เน้นหุ้นกลุ่มธนาคาร กลุ่มก่อสร้าง และกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์จากเศรษฐกิจฟื้น ได้แก่ CK, TTA, SYNTEC, GFPT, LPN, TOG, STEC, KBANK, KTB, PSL, ADVANC, TPIPL, SCC และ CENTEL

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (1 ก.ย.) ว่า สำหรับแนวโน้ม SET วันนี้คาดว่าจะปรับสูงขึ้นทดสอบแนวต้านย่อย 1,570 +/- จุด หลังโปรดเกล้าฯ ครม.ใหม่แล้วมี มรว.ปรีดิยาธร เป็นรองนายกฯ ดูแลด้านเศรษฐกิจ ขณะที่ระยะสัปดาห์คงเป้าหมายการปรับสูงขึ้นที่ 1,580-1,600 จุด เหมือนเดิม (ดูรายงาน The Quant & The Tactical วันที่ 1 ก.ย.) ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก 1) เศรษฐกิจฟื้นตัวตั้งแต่ 3Q14 2) การเมืองมีเสถียรภาพ 3) กำไรบริษัทจดทะเบียนเร่งตัวขึ้นเป็น +15% ในปี 2015-16 และ 4) แรงกดดันจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติจำกัด

แนะนำ “ซื้อ” กลุ่มรับเหมาฯ (Overweight) อย่าง CK และ STEC ที่คาดการณ์ราคาหุ้น Outperform ตลาดหลังการเมืองมีเสถียรภาพ หนุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐฯ รวมไปถึงกลุ่มธนาคาร อย่าง KBANK KTB ขณะที่แนะนำ “เก็งกำไร” กลุ่มเดินเรืออย่าง TTA (ต้าน 24.4) PSL (ต้าน 28.25) ต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ก่อน หลังดัชนี BDI ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง



บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุในบทวิเคราะห์ (1 ก.ย.) ว่า MBKET ประเมินภาพ SET INDEX วันนี้ แกว่งระหว่าง 1,558-1,570 จุด พร้อมมูลค่าการซื้อขายที่ดีขึ้น หลังเสร็จสิ้นงาน Thailand Focus ซึ่ง MBKET เชื่อว่านักลงทุนต่างชาติจะมีมุมมองเป็น “กลางถึงบวก” ต่อภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุนในตลาดหุ้นไทย

ทั้งนี้นักลงทุนควรติดตามการเคลื่อนไหวค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ หากทรงตัวถึงแข็งค่า อาจส่งสัญญาณเงินทุนไหลเข้าไทยได้เช่นกัน โดยหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร / รับเหมาก่อสร้าง / วัสดุก่อสร้าง / ที่อยู่อาศัย คาดเป็นกลุ่มเป้าหมายของการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ

ปัจจัยต่างประเทศ ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มฟื้นตัวเด่น จากความตึงเครียดในยูเครนอีกครั้ง รวมถึงตลาดมีแนวโน้มเก็งกำไรต่อการประชุม ECB วันที่ 4 ก.ย. อาจเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการ QE

วันนี้ติดตามอัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค.ของไทย Bloomberg consensus คาด 2.25% yoy จากเดือนก.ค.ที่ 2.16% yoy ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการในคืนนี้ เนื่องในวันแรงงาน

กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำ “ถือพอร์ตส่วนที่เหลือ พร้อมสะสมหุ้นเป้าหมายที่เกิดการย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย”

กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “เก็งกำไร” CK/ TTA




บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (1 ก.ย.) ว่า ตลาดน่าจะได้ Sentiment เชิงบวก จากการปรับเพิ่มกำไรรายหุ้น วันนี้ ASP ปรับเพิ่มกำไรของ SYNTEC(FV@B2.83) โดยปีนี้ปรับเพิ่ม 14% และ 10% ปีหน้า หลังงานเข้ามาเยอะ และ GFPT(FV@B22) 15.3% ปีนี้ และ 33.4% ปีหน้า หลังมีคำสั่งซื้อไก่จากรัสเซียแล้ว เลือกเป็น Top Picks



บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (1 ก.ย.) ว่า แกว่งขึ้นต่อ

KGI มอง SET วันจันทร์ปรับขึ้น หนุนโดยมุมมองบวกต่อเศรษฐกิจไทยหลัง ครม. ประยุทธ์ 1 ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งแล้ววานนี้ โดยมือเศรษฐกิจได้แก่ มรว.ปรีดิยาธร เทวกุล (รองนายกฯ) และนายสมหมาย ภาษี (รมว.คลัง) คาดว่าในสัปดาห์นี้จะมีรายละเอียดของนโยบายกระทรวงหลักๆ ออกมานอกจากนี้ปัจจัยภายนอกเป็นบวก ด้วยความหวังที่เพิ่มขึ้นว่า ธ.กลางยุโรปจะออกมาตรการกระตุ้นใหม่หลังเงินเฟ้อยูโรโซน ส.ค. ลดลงเหลือ 0.3% YoY เทียบกับ 0.4% YoY ใน ก.ค.

ทั้งนี้นักเศรษฐศาสตร์ KGI มองหากยุโรปมีมาตรการใหม่ น่าจะเป็นการเพิ่มการปล่อยกู้ภาคธนาคารในตลาดเงิน หรือการซื้อพันธบัตรเป็นเฉพาะภาคส่วน ภาพรวม SET ยังแกว่งขึ้น คงเป้าเดือน ก.ย. ที่ 1,600 จุด

ซื้อเก็งกำไร LPN*, TOG



บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (1 ก.ย.) ทิศทางตลาด : คาดมีโอกาสปรับขึ้นตามตลาดต่างประเทศ จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น ถึงแม้ว่าตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน ขณะที่ประเด็นในประเทศ ยังไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่ๆ อาจได้รับปัจจัยกดดันบ้างจาก Fund Flow หลังล่าสุดนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ แต่มูลค่าไม่มากนัก โดยแรงซื้อจากต่างชาติยังมีความผันผวน อย่างไรก็ตามแนวโน้มค่าเงินบาทยังแข็งค่า คาดว่าเงินต่างชาติจะยังคงมีแนวโน้มไหลเข้าต่อไป

....โดยคาดยังมีปัจจัยบวกจาก (1) ครม.ได้รับโปรดเกล้าฯแล้วเมื่อวันที่ 30 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยตลาดยังคงมีความคาดหวังในเชิงบวกว่าการบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้จะนำพาประเทศไปสู่ความสงบ และการเติบโตอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจไทยทั้งในระยะสั้น และระยะยาว

....ยังแนะติดตามประเด็น (1) การแถลงนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ ต่อ สนช. ภายหลัง ครม.ได้รับการโปรดเกล้าแล้ว คาดช่วยสร้างความเชื่อมั่น ในการลงทุนให้ดีขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะความชัดเจนในการดำเนินนโยบายต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ (2) ประเด็นต่างประเทศ จากความเป็นไปได้ที่ ECB พิจารณาใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม ขณะทีถ้อยแถลงของประธานเฟดล่าสุดยังไม่มีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับช่วงเวลาที่จะปรับขึ้น

อัตราดอกเบี้ยครั้งแรก

....รวมถึงความคืบหน้าในโครงการที่พร้อมเปิดประมูล หลังมีความชัดเจนแหล่งเงินทุนที่จะนำมาใช้ โดยเฉพาะโครงการรถไฟทางคู่ 6 เส้นทางที่ผ่าน EIA ไปแล้วเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ ที่คาดเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และประเด็นการปรับโครงสร้างราคาพลังงาน ที่อาจจะส่งผลกระทบหุ้นในกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมี

หุ้นแนะนำ : STEC



บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (1 ก.ย.) ปัจจัยการลงทุนวันนี้

ยูโรโซนรายเงินในเดือนส.ค.อ่อนตัวเหลือ 0.3% ลดลงจากเดือนก.ค.ที่ 0.4% สอดคล้องกับการคาดการณ์ เงินเฟ้อพื้นฐานซึ่งไม่นับรวมอาหารและพลังงานที่มีความผันผวนขึ้นแตะ 0.9% จากระดับ 0.8%MoN โดยเศรษฐกิจของยูโรโซนยังไม่ขยายตัวขึ้นได้ในไตรมาส 2 เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการเมืองในยูเครน

ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ในเดือนก.ค.57 อยู่ที่ระดับ 49.6 ต่ำกว่า 50 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 แต่มีค่าสูงสุดนับตั้งแต่กลางปีก่อน และปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนมิ.ย.ในเกือบทุกองค์ประกอบ โดยเฉพาะด้านการผลิตและการลงทุน สะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ชัดเจนขึ้น และยังมองเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังเริ่มมีสัญญาณเป็นบวก และเริ่มมีสัญญาณกลับมาฟื้นตัวในลักษณะ V Shape สะท้อนจากการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนเริ่มปรับตัวดีขึ้น จากผลของความเชื่อมั่นทางการเมืองที่เพิ่มขึ้น ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.ค.ขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.2% เป็นบวกครั้งแรกในรอบ 11 เดือนนับตั้งแต่เดือน ส.ค. 56 ธปท.อาจจะปรับประมาณการตัวเลขส่ง ออกใหม่ลงจากคาดการณ์เดิมที่ 3% ในปีนี้ รวมทั้งกรณีที่รัฐบาลปรับโครงสร้างราคาพลังงานล่าสุดเป็นปัจจัยให้ที่ประชุม กนง. ในวันที่ 17 ก.ย.57

การที่ SET ค่อนข้างปิดทรงตัวเมื่อวันศุกร์นั้น เรามองว่าจะแสดงแนวโน้มหรือทิศทางที่ชัดเจนมากขึ้นในวันนี้ซึ่งมีความเป็นไปได้ทั้งว่าจะขึ้น หรือ ลด หากตลาดเลือกปรับลดลง เราคาดว่าจะเกิดแรงขายใหม่จะออกมาอย่างต่อเนื่องในสัปดาห์นี้ เราแนะนำขายหุ้นระยะสั้นเช่น ITD, BLAND, BCH, BGH, AP, QH แต่หากวันนี้ ตลาดเลือกทางปรับตัวขึ้น เราคาดว่าจะเกิดแรงซื้อเก็งกำไรรอบใหม่เข้าสู่ตลาดเช่นกัน แนะนำซื้อหุ้นเก็งกำไร เช่น ADVANC, TPIPL, SCC, CENTEL

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com