March 28, 2024   11:20:58 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กูรูแนะถือเงินสด-ดัชนีเสี่ยงปรับฐาน
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 18/09/2014 @ 08:22:23
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

หุ้นไทยบวกรับเฟด-กนง.คงดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาด ส่วนแนวต้านวันนี้ 1580-1,585 จุด แนะชะลอการลงทุน ระบุหุ้นขึ้นให้ขายลดพอร์ต ถือเงินสดเพิ่มขึ้น รอสะสมช่วงตลาดปรับฐาน ด้านดีบีเอสฯ มองดอกเบี้ยต่ำถึงปีหน้า เป็นบวกต่อกลุ่มที่พักอาศัย-อุปโภคบริโภค เชียร์ลงทุน AP- PS- QH- SPALI ส่วนหุ้นเด่นในกลุ่มอุปโภค และบริโภคเป็น CPALL- CENTEL- MINT ด้านแบงก์ชาติประกาศคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 2% หวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ



*** โบรกฯ ให้แนวต้านวันนี้ 1580-1,585 จุด แนะ Wait&See
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้บริหารสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์และกลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี(ประเทศไทย) คาดว่า หุ้นไทยวันนี้จะแกว่งตัวบวกต่อ โดยให้จับตาดูข้อสรุปผลการประชุมเฟด หากเฟดไม่ส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยไวกว่าคาด ก็จะคลายแรงกดดันต่อภาพบรรยากาศการลงทุนได้พอสมควร ส่วนในประเทศ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2% และคาดว่าน่าจะคงที่ระดับนี้จนถึงสิ้นปีหรืออาจจะถึงกลางปีหน้า และให้ติดตามความชัดเจนต่อนโยบายการคลัง ในเรื่องการบริหารจัดการของกระทรวงการคลัง ต่อการจัดเก็บรายได้ หลังจากช่วงครึ่งปีแรกมีปัญหาทางการเมือง จนไม่สามารถจัดเก็บได้ตามเป้า ซึ่งต้องติดตามถึงข้อสรุปในเรื่องการจัดเก็บภาษีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาษีมรดก ภาษีที่ดิน ตลอดจนการไม่ต่ออายุลดหย่อนภาษีในกองทุนรวม LTF
ด้านกลยุทธ์ แนะชะลอการลงทุน (Wait&See) เพื่อรอดูข้อสรุปการประชุมเฟด และในช่วงสั้นนี้ หากดัชนีฯ สามารถไต่ระดับขึ้นไปทดสอบแนวต้านหลัก 1,590-1,600 จุด ให้ระมัดระวังการปรับฐานมากขึ้น โดยประเมินแนวรับ 1,570-1,565 จุด แนวต้าน 1580-1,585 จุด
นายอภิสิทธิ์ ลิมป์ธำรงกุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคเคเทรด จำกัด เปิดเผยว่า สัญญาณทางเทคนิคตลาดหุ้นพรุ่งนี้น่าจะแกว่งตัวในกรอบแคบ 1560-1575 จุด ต่อเนื่องจากวันก่อนหน้า และยังไม่น่าจะถึง 1600 จุด เพราะน่าจะแกว่งตัวไปอีกหลายวัน ทั้งนี้ ราคาหุ้นวานนี้บวก 5 จุด ได้ตอบสนองข่าวเรื่องเฟดไปบ้างแล้ว และวันนี้ไม่ว่าผลประชุมจะออกมาตามคาดหรือไม่ แนะนำว่า ควรจะ ชะลอการลงทุน (Wait&See)

*** ดีบีเอสฯ มองดอกเบี้ยต่ำถึงปีหน้า บวกต่อกลุ่มที่พักอาศัย-อุปโภคบริโภค
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส มองว่าอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐจะยังไม่ปรับขึ้นเร็วนัก เนื่องจากการฟื้นตัวของภาคแรงงานและที่อยู่อาศัยของสหรัฐยังคงเปราะบาง คาดว่าเฟดจะใช้เวลาในการพิจารณาทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐสหรัฐอีกอย่างน้อย 2-3 ไตรมาสหลังจบโครงการ QEในช่วงไตรมาส 4/57 แล้วค่อยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจริง ซึ่งก็จะเป็นกลางปี 58 หรือไตรมาส 3/58
ส่วน กนง. คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 2% เป็นบวกต่อกลุ่มที่พักอาศัย & อุปโภคและบริโภค เรามองว่าอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับกลาง-ต่ำของไทยขณะที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคพลิกฟื้นและอยู่ในเกณฑ์ดีนั้นเป็นบวกและเกื้อหนุนอุตสาหกรรมที่มีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยให้ขยายตัวได้ต่อเนื่องในปีหน้า เช่น ที่พักอาศัย, อุปโภคบริโภค, ธนาคารพาณิชย์ ซึ่งรวมถึงธุรกิจบัตรเครดิต & เช่าซื้อ และสินเชื่อรายย่อย
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์จะต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว โดยเฉพาะเช่าซื้อรถยนต์มือสอง เนื่องจากอุปทานในระบบยังสูงทำให้ราคารถยนต์มือสองยังต่ำมาก แต่ถือว่าธุรกิจได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว เราชอบกลุ่มที่พักอาศัย & อุปโภคบริโภค เนื่องจากเป็นความต้องการขั้นพื้นฐานในปัจจับ 4 และคาดว่าธุรกิจจะเติบโตได้ในอัตราที่สูงขึ้นในปี 58 โดยหุ้นเด่นในกลุ่มที่พักอาศัยเป็น AP, PS, QH, SPALI ส่วนหุ้นเด่นในกลุ่มอุปโภค & บริโภคเป็น CPALL, CENTEL, MINT

*** ใช้กลยุทธ์ขึ้นขายลดพอร์ต ถือเงินสดเพิ่ม
บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังคงมุมมอง "ระมัดระวัง" การลงทุนในตลาดหุ้นไทย สำหรับช่วงเดือน ก.ย. - ต.ค. นี้ต่อไป หลักๆ เนื่องจากการประเมินมูลค่าหุ้นที่ตึงตัวมาก จากการเก็งกำไรของนักลงทุนรายย่อย (สัดส่วนการซื้อขายของนักลงทุนรายย่อยเพิ่มขึ้นตลอดนับตั้งแต่ต้นปี ปัจจุบันในเดือน ก.ย. (MTD) อยู่ที่ 66% เทียบเท่ากับ Peak ของ SET ครั้งเมื่อช่วงเดือน มี.ค. - พ.ค. 56) และความไม่แน่นอนของทิศทางการขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ในปีหน้า
กลยุทธ์การลงทุนหลักในช่วงที่เหลือของเดือน ก.ย. นี้ แนะนำ ขึ้นขายลดพอร์ต ถือเงินสดเพิ่ม เพื่อลดความเสี่ยง หลังมอง SET แถว 1600 +/- เริ่มอิ่มตัวในระยะสั้น รอทยอยสะสมช่วงราคาหุ้นอ่อนตัว โดยเฉพาะหาก SET ย่อลงอยู่ในช่วง 1540-60 จุด เรายังเลือกสะสมหุ้นเป็นรายตัว (Selective Buy) ในหุ้นพื้นฐานดีที่ Valuations ยังไม่แพง และราคายังไม่ปรับขึ้นมาก (Laggards)
หุ้นแนะนำระยะสั้นสำหรับการลงทุนที่เหลือของเดือนนี้ คือ BJCHI, INTUCH, NYT, SITHAI, TTCL สำหรับ TISCO Weekly Stock Guru สัปดาห์นี้ไม่มีหุ้นแนะนำ หุ้นเด่น (Top picks) เดือน ก.ย. คือ BJCHI, CK, LPN
เช่นเดียวกับ บล.บัวหลวง แนะกลยุทธ์เล่นรอบเดือน ก.ย. ขึ้นทยอยขายล็อกกำไร โดยคาดหุ้นใหญ่ที่จะตกเป็นเป้าหมายในการถูกขายล็อกกำไรได้แก่ ขนส่ง ค้าปลีก อาหาร Utilities (ไฟฟ้า ประปา ทางด่วน รถไฟฟ้า) โรงพยาบาล พิจารณาจาก PE forward I/B/E/S อยู่บนโซน+2SD) แนะไปรอซื้อคืนเมื่อปรับฐาน ให้น้ำหนักดัชนีฯไม่หลุดแนวรับ 1,500+/- จุด (ดูตาราง กลุ่มที่นำลง นับจาก Peak เดือนนี้ โรงพยาบาล -6.7% ค้าปลีก -4.95% แบงก์ -4.48% แนะยังไม่ต้องรีบซื้อคืน กลุ่มเสี่ยงลงเพิ่ม คาดได้แก่ บ้าน อาหาร ชิ้นส่วนฯ)
ประชุมเฟด ครั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาด เฟดยังไม่เปิดเผยมาตรการรองรับการเข้มงวดนโยบายการเงินหลังสิ้นสุด QE (เชื่อว่าการประชุมครั้งนี้ เฟดจะไม่เน้นเรื่องระยะเวลา และมาตรการใดๆ) อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าผลกระทบจาก Forward guidance ในการประชุมรอบ ตค.-ธค. จะมีผลจำกัดต่อการปรับพอร์ตของนักลงทุนต่างชาติ เพราะเชื่อว่าปลายปีก่อนขายไปเยอะแล้ว เมื่อตอนที่เฟดบอกระยะเวลาสิ้นสุด QE

*** ระยะสั้นถือหุ้น 30% เลือกหุ้นปันผล-กำไรฟื้นตัวในงวด 2H57
บล.เอเซียพลัส แนะกลยุทธ์การลงทุน ระยะสั้นให้ถือหุ้น 30% โดยเลือกเฉพาะหุ้นปันผล/กำไรฟื้นตัวในงวด 2H57 เลือก SAMART(FV@B32) เป็น Top pick คาดว่ายังมีข่าวดีระยะสั้น เชื่อว่าความกังวลต่อการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐยังมีน้ำหนัก
ทั้งนี้ ตลาดยังคงให้ความสนใจไปที่การประชุม คณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐ (FOMC) ซึ่งจะรายงานเช้าวันนี้ตามเวลาไทย ต่อท่าทีการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกของสหรัฐ หลังจากที่อยู่ในระดับต่ำ 0.25% มานานกว่า 5 ปี ซึ่งคาดว่าน่าจะให้ความสำคัญต่อถ้อยแถลง โดยคาดหวังว่าจะมีการพูดถึงกรอบเวลาของการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ชัดเจนกว่าเดิม ที่ระบุเพียงแต่ว่าการขึ้นดอกเบี้ยจะขึ้นกับช่วงเวลาที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาสภาพแวดล้อมปัจจุบันถือว่าการขึ้นดอกเบี้ยอาจจะยังไม่รีบร้อน โดยน่าจะยังอยู่ในกรอบเดิมคือกลางปี 2558 เนื่องจากแรงกดดันเงินเฟ้อโลกที่อยู่ในภาวะชะลอตัว เนื่องมาจากราคาน้ำมันดิบโลกที่ลดลง และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะ ยุโรป ญี่ปุ่น และจีน เป็นต้น สะท้อนการรายงาน ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐ เดือน ส.ค. ทรงตัวใกล้เคียงกับเดือนก่อนหน้า และดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม หดตัว 0.1%mom เป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือน ม.ค. ขณะที่ผลจากการสำรวจ นักเศรษฐศาสตร์บลูมเบิร์ก ล่าสุดคาดว่าเงินเฟ้อเดือน ก.ย. จะอยู่ที่ 1.9% ชะลอตัวลงเล็กน้อยจาก 2% ในเดือนก่อนหน้า) และเช่นเดียวกับอังกฤษ ที่อัตราเงินเฟ้อ เดือน ส.ค. อยู่ที่ 1.5%อ่อนตัวลงจาก 1.6% ในเดือนก่อนหน้า (และต่ำกว่าเป้าหมายเบื้องต้น 2%) และเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน


*** กนง.คงดอกเบี้ยตามคาดที่ 2%
นายเมธี สุภาพงษ์ เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรืออาร์/พี 1 วัน ไว้ที่ 2%ต่อปี เนื่องจากประเมินว่า นโยบายการเงินที่ผ่อนปรนในปัจจุบันยังมีความจำเป็นต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ยังอยู่ในระยะเริ่มแรก โดยไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านเสถียรภาพการเงิน
" ที่ประชุม มองว่าเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดเล็กน้อย โดยมีความแตกต่างระหว่างภูมิภาค การฟื้นตัวของเศรษฐกิจกลุ่มประเทศยูโร และญี่ปุ่นยังคงอ่อนแอ แต่น่าจะได้รับแรงสนับสนุนเพิ่มเติมจากนโยบายเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องในระยะต่อไป ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวได้ตามคาด และเศรษฐกิจเอเซียโดยรวมยังขยายตัวได้ใกล้เคียงเดิม " นายเมธี กล่าว
ด้านความเชื่อมั่นและการใช้จ่ายในประเทศของครัวเรือน ธุรกิจ และภาครัฐเริ่มฟื้นตัว และส่งผลให้อุปสงค์ในประเทศปรับดีขึ้นและคาดว่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้ต่อเนื่องในระยะต่อไป
อย่างไรก็ดี ข้อจำกัดด้านการผลิตและปัญหาราคาสินค้าเกษตรมีผลต่อการส่งออกสินค้า ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัวอย่างช้าๆก่อนปรับเข้าสู่ระดับปกติ ส่วนระบบการเงินและอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในเกณฑ์ที่มีเสถียรภาพ


 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com