April 20, 2024   5:08:09 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > จัดทัพ13หุ้นเด็ด จับตาหุ้นหลัก-เชื่อต่างชาติยังหนุน
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 19/09/2014 @ 08:20:35
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.25 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 32.30/34 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น โดยได้รับปัจจัยบวกจากเงินเยนที่อ่อนค่าลง หลังธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ไม่ได้ส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งล่าสุด นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยแกว่งในกรอบแคบ ระยะสั้นยังไม่มีสัญญาณยืนยันการสิ้นสุดการ “พักฐาน” แต่ประเมิน Downside จำกัดที่ 1,565 จุด จับตาการขยับของราคาหุ้นหลักทั้งกลุ่มธนาคาร, ICT, PTT และ SCC ซึ่งเชื่อว่าต่างชาติจะยังทยอยสะสมหุ้นหลักของไทยต่อเนื่อง หุ้นเด่นเลือก SAPPE-KBANK-BBL-KTB-CK-STEC-SPALI-QH-LPN-SAMART-RS-TRUE และ BTS



แหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวว่า หลังจากมีการประกาศจากประกาศสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่องคัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการสนับสนุนประชาชนในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การรับชมโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลในครั้งแรกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่า มีผู้ผ่านคุณสมบัติและได้รับการคัดเลือกเป็นผู้เข้าร่วมโครงการดังกล่าวมีทั้งสิ้น 8 บริษัท โดย บริษัท คราวน์ เทค แอดวานซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ AJD เข้ามาเป็นอันดับหนึ่ง

ผลดังกล่าวทำให้ตัวบริษัทมีความมั่นใจยอดขาย SET TOP BOX จะทำได้ตามเป้าที่ 2 ล้านกล่อง จึงมีแผนเพิ่มยอดขายให้ทะลุ 3 ล้านกล่องด้วยการจัดโปรโมชั่นพิเศษให้กับลูกค้าที่นำคูปองมาแลกซื้อกล่องทีวีดิจิตอลกับ AJD โดยไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มในส่วนที่เกินกว่า 690 บาท ซึ่งตัวบริษัทมั่นใจว่า ประชาชนทั่วไปจะหันมาแลกซื้อกล่องที่มีตราสินค้า AJ เพิ่มขึ้น 50% อีกทั้งสินค้าของบริษัทอยู่ในตลาดระดับกลางถึงบน ย่อมกระตุ้นให้คนหันมาเลือกซื้อสินค้าของบริษัทนี้อย่างมีนัยสำคัญ

นี่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้บริษัทบันทึกรายได้เข้ามาอย่างรวดเร็ว เพราะเมื่อประเมินยอดขายกล่องทีวีดิจิตอล 3 ล้านกล่อง ในราคากล่องละ 690 บาท รายได้รวมของบริษัทน่าจะขยับขึ้นไปถึงระดับ 2,000 ล้านบาท และเมื่อดูจากอัตราส่วนของกำไรสุทธิต่อยอดขายที่ระดับ 20% จะทำให้ตัวเลขกำไรปี 57 ขึ้นไปอยู่แถวๆ 400 ล้านบาท และอาจเพิ่มสูงขึ้นอีก หากมีการแจกคูปองในเฟสที่สอง

อีกทั้งยังมีข่าวว่าผู้บริหารอยู่ในระหว่างจักทำแผนการใช้เครื่องมือทางการเงินในรูปแบบต่างๆ เพื่อเป็นการตอบแทนความไว้วางใจที่เลือกลงทุนในหุ้น AJD และยังเป็นการเตรียมความพร้อมของเงินลงทุน สำหรับใช้ในการขยายกิจการใหม่ๆ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความหลากหลายของรายได้ ย่อมเป็นประโยชน์กับผู้ลงทุนโดยตรง ขณะที่ราคานักวิเคราะห์หลายแห่งประเมินกันไว้ หากแผนงานดังกล่าวเป็นไปตามที่เสนอไว้ข้างต้น ระดับราคาเหมาะสมที่ควรจะเป็นน่าจะอยู่ราวๆ 15 บาท



บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (18 ก.ย.) ว่า สำหรับความเห็นของเฟดต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ย Fed Fund Rate จะยังอยู่ในระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง หลังสิ้นสุดโครงการ QE ในการประชุมเดือนต.ค.นี้ เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจยังเติบโตในระดับปานกลาง การจ้างงานยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ และอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมาย เพียงแต่การคาดการณ์ของเฟดต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ย Fed Fund Rate ได้ขยับขึ้นจาก 1.125% ณ สิ้นปี 2558 ในการประเมินเดือนมิ.ย. เป็น 1.375%

ล่าสุดคืนวานนี้ ทำให้นักลงทุนทั่วโลกมั่นใจว่าปีหน้าเฟดจะต้องเริ่มทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่ช่วงจังหวะอาจต้องรอความเห็นจากทางเฟดต่อช่วงเวลาที่เหมาะสม อย่างต่อเนื่อง ทำให้ผลดังกล่าว DJIA ตอบสนองเป็นกลาง แต่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าเทียบกับสกุลเงินต่างๆ กดดันต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์

วันนี้ติดตามผลการทำประชามติของสกอตแลนด์ ต่อการแยกตัวออกจากอังกฤษ หรือไม่ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจในอังกฤษ และค่าเงินปอร์ดอังกฤษ

ดังนั้นภาพรวมตลาดหุ้นไทยในวันนี้ MBKET คาด SET INDEX แกว่งกรอบแคบระหว่าง 1,570-1,580 จุด แต่เป็นที่น่าจับตามองต่อการขยับของราคาหุ้นหลักทั้งกลุ่มธนาคาร / ICT / PTT / SCC ซึ่งจะเป็นตัวบ่งชี้กระแสเงินทุนต่างชาติ MBKET เชื่อว่าต่างชาติจะยังทยอยสะสมหุ้นหลักของไทยต่อเนื่อง

กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำให้ นักลงทุนถือพอร์ตการลงทุน เพื่อรอขายทำกำไรบริเวณ 1,600 จุด +/- หรือหากต้องการเก็งกำไร ควรจำกัดวงเงิน และเน้นหุ้นรายตัวที่มีประเด็นเชิงบวกต่อการลงทุน เป็นสำคัญ

กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “ทยอยสะสม” KTB/ LPN



บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (18 ก.ย.) ว่า สำหรับแนวโน้ม SET ระยะสั้น แม้ยังไม่มีสัญญาณยืนยันทางเทคนิคต่อการสิ้นสุดการ “พักฐาน” แต่ประเมิน Downside Risk จำกัดที่ 1,565 จุด และด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจ และกำไรบริษัทจดทะเบียนที่เร่งตัวขึ้นในปีหน้า ประกอบกับผลการประชุม Fed เมื่อคืนนี้จะยังคงดอกเบี้ยต่ำ 0-0.25% (คาด Fed rate สิ้นปี 2015 ที่ 1.375%) ต่อหลังสิ้นสุด QE ต.ค.นี้ หนุน SET ทดสอบ 1,615 จุด ระยะสัปดาห์

กระแสเงินทุนที่ไหลเข้าต่อเนื่อง หลังมีการจัดตั้งรัฐบาลคาดว่าจะเป็นปัจจัยหนุนกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ที่ได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างกลุ่มธนาคาร สื่อสาร อสังหาฯ รับเหมาฯ แนะนำ “ซื้อ” KBANK BBL KTB CK STEC SPALI QH LPN SAMART รวมไปถึง SAPPE ที่ทำธุรกิจ Functional Drink ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 45.0 บาท และระยะสั้นที่ 39.5 และ 44 บาท ตามลำดับ



บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (18 ก.ย.) ว่า แม้สหรัฐยังคงดอกเบี้ยระยะสั้น แต่ในสิ้นปี 2558 กำหนดเป้าหมายไว้ที่ 1.375% จากเดิมกำหนดไว้ 1.125% ยังเป็นประเด็นที่มีโอกาสกลับมากดดันตลาดหุ้นได้ กลยุทธ์ยังเน้นขายทำกำไรขายหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรงๆ และเลือกซื้อเป็นรายหุ้น วันนี้เลือก RS (FV@B10) เป็น Top pick หลัง กสทช.ชำระหนี้แล้ว แม้จะต่ำกว่าต้นทุนก็ตาม



บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (18 ก.ย.) คาดการณ์มุมมองทางเทคนิค SET ดีดตัวขึ้นแต่ยังต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันที่ 1,578 0จุด ภาพของแนวโน้มตลาดไร้ทิศทางที่ชัดเจน ในช่วงนี้จะมาเคลื่อนไหวแบบ sideway สัญญาณกราฟที่เกิดขึ้นถือว่าไม่มีสัญญาณซื้อในระยะนี้ หุ้นที่เลือกเป็นการเก็งกำไรรายตัว

แนวโน้มของตลาดจะเคลื่อนไหวที่กรอบแนวรับ 1,565-1,578 จุด

หุ้นที่เลือกวันนี้มีโอกาสปรับขึ้น แนะนำซื้อเก็งกำไรที่ TRUE และ BTS

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com