March 28, 2024   6:45:03 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > Window dressing สิ้นมนต์ขลัง
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 22/09/2014 @ 08:40:48
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

โบรกเกอร์-กองทุน ประสานเสียง สัปดาห์นี้หมดลุ้น Window dressing เหตุตลาดหุ้นไทยใหญ่เกินกว่าที่จะเข้าไปทำราคา แถมราคาหุ้นขนาดใหญ่ราคาพุ่งขึ้นมามากแล้ว ไม่จำเป็นต้องไล่ซื้อเพื่อปิดงบ แต่ในกลุ่มสื่อสารอาจมีสถาบันเข้ามาเก็บได้ หลังราคาปรับตัวลงไปค่อนข้างมาก ประเมินแนวรับที่ 1,565-1,580 จุด แนวต้านที่ 1,600 จุด เตือนหลังจากนี้อาจเห็นตลาดหุ้นปรับฐานอีกประมาณ 80-100 จุด แนะชะลอลงทุน

* กองทุนฟันธงสัปดาห์นี้หมดลุ้น Window dressing
นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด มองว่าในสัปดาห์นี้ ไม่น่าจะมีการทำราคาหุ้นเพื่อปิดงวดบัญชี ของนักลงทุนสถาบัน (Window dressing) เนื่องจากปัจจุบันขนาดของตลาดหุ้นไทยใหญ่เกินกว่าที่จะเข้าไปทำราคาให้เป็นไปตามที่ต้องการ พร้อมทั้งมองว่าการทำ Window dressing จะไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ที่มีนัยสำคัญมากนัก และอาจจะส่งผล กระทบต่อผู้ที่ถือหรือจะเข้ามาซื้อหน่วยลงทุนด้วย
"เชื่อว่าจะไม่มีการทำ Window dressing ในสัปดาห์นี้ เพราะตลาดหุ้นไทยก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ สภาพคล่องก็สูง การทำ Window dressing อาจส่งผลเสียต่อผู้ที่จะซื้อหน่วยด้วยซ้ำหากทำให้ราคาหุ้นสูงเกินไป หรือ อาจจะไม่แฟร์ต่อผู้ถือหน่วยหากราคามันดร็อปลง ที่สำคัญผมมองว่าตลาดหุ้นไทยใหญ่เกินไปที่จะไปกำหนดราคาแล้ว ซึ่งต้องใช้เงินระดับสูงในการจะทำราคาให้ได้ตามที่ต้องการ" นายธีรนาถ กล่าว

* โบรกฯมองหุ้นใหญ่ราคาพุ่งมากแล้ว อาจไม่มี Window dressing
นายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล นักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ธนชาต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า มองว่าดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้นไปค่อนข้างมากแล้ว ในรอบสัปดาห์นี้คงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำ window dressing ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่าหากจะมีการทำอาจเป็นเฉพาะกลุ่ม เช่น หุ้นกลุ่มสื่อสาร อาจมีโอกาสทำได้ เนื่องจากราคามีการปรับตัวลงไปค่อนข้างมาก และยังไม่มีการดีดตัวขึ้นมา ?
" ผมคงบอกไม่ได้ว่าจะทำไม่ทำ แต่ในรอบนี้หุ้นกลุ่มใหญมันขึ้นไปมากแล้ว คงไม่มีความจำเป็นอะไรที่จำ แต่ก็อาจมีบางกลุ่ม ที่มันลงไปแรงๆ แล้วยังไม่มีการปรับขึ้นก็อาจมีความเป็นไปได้"นายอดิศักดิ์ กล่าว
??ส่วนในรอบสัปดาห์นี้ ประเมินแนวรับที่ 1,565-1,580 จุด แนวต้านที่ 1,600 จุด โดยปัจจัยที่จะเป็นตัวสนับสนุนตลาดในช่วงนี้ คือ ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาค่อนข้างดี ความกังวลนโยบายดอกเบี้ยของสหรัฐได้หมดลงแล้ว ขณะที่ปัจจัยหลักๆในประเทศล้วนเป็นตัวหนุนตลาด เช่น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมที่จะเข้ามา การเดินหน้าการลงทุนของภาครัฐ เป็นต้น
?? สำหรับกลุ่มหุ้นที่หน้าสนใจ คือ กลุ่มแบงก์ เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้น จะส่งผลดีต่อการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร ส่วนอีกกลุ่มที่น่าสนใจคือ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และรับเหมาก่อสร้าง เป็นต้น

* เตือนตลาดอาจปรับฐาน 80-100 จุด
?? นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการ ผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" ว่า ในช่วงสัปดาห์นี้ มองว่า ไม่มีความจำเป็นที่กองทุนจะต้องมีการทำ window dressing เหมือนช่วงปิดไตรมาสอื่นๆ เนื่องจากดัชนีในตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ปรับตัวขึ้นไปค่อนข้างมากแล้ว ซึ่งมองว่าหลังจากนี้ไปอาจเห็นตลาดมีการปรับฐานอีกครั้งในช่วงเดือนตุลาคมที่จะมีการประชุมFOMC ของสหรัฐอีกครั้ง ซึ่งความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเริ่มกลับมา รวมทั้งประเด็นการยกเลิกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือคิวอี ที่จะหมดลงไปด้วย โดยมองว่าประเด็นดังกล่าวจะส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยปรับฐานประมาณ 5-10% หรือ 80-100 จุด ?
" ไม่มีความจำเป็นที่ต้องทำ window dressing เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไร ตลาดมันขึ้นไปแรงแล้ว ตอนนี้ถือว่าค่อนข้างแพงด้วยก่อนหน้านี้เรามองว่าจากภาพรวมเศรษฐกิจที่มันดี จากปัจจัยที่เป็นแรงส่งต่างๆ เราคิดว่าจะได้เห็นดัชนีแตะที่ระดับ 1,600-1,620 จุดด้วยซ้ำ แต่ก็ยังไม่ถึง"นายกวี กล่าว?? ส่วนในรอบสัปดาห์นี้ ปัจจัยที่ต้องจับตา คือ การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ของสหรัฐ ดัชนีความเชื่อมั่นของยุโรปว่าจะฟื้นตัวได้ระดับไหน รวมทั้งติดตามผลการอัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจของทางการจีน การบริหารงานของรัฐบาลชุดใหม่ของในประเทศว่าจะเป็นอย่างไร การเดินหน้าตามโครงการต่างๆให้เป็นรูปธรรม ซึ่งในรอบสัปดาห์หน้าประเมินแนวรับไว้ที่ 1,570 จุด แนวต้านที่ 1,594-1,600 จุด ??
สำหรับกลยุทธ์ในการลงทุน แนะนำหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวเนื่องกับอัตราดอกเบี้ย เช่น กลุ่มแบงก์ เช่น BBL - KTB - TCAP และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เช่น AP เป็นต้น ??

* "เมย์แบงก์ กิมเอ็ง" ลุ้นสัปดาห์นี้ทุนนอกไหลเข้า เชื่อเข้าสู่ช่วงทำ Window dressing
บทวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง ระบุว่า ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์นี้ คาดหวังเงินทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศไหลเข้าต่อเนื่องติดตามการประชุม ครม. วันที่ 23 ก.ย. อาจมีการพิจารณาถึงแผนกระตุ้นด้านเศรษฐกิจเพิ่มเติม ติดตามการปิดการขาย IPO กองทุนทริกเกอร์ฟันด์ ของบลจ.ไทยพาณิชย์ วงเงิน 1.5 พันล้านบาทในวันที่ 22 ก.ย. คาดว่าจะเห็นเม็ดเงินใหม่จากกองทุนดังกล่าวเริ่มลงทุนในวันที่ 24 ก.ย.เป็นต้นไป
การเข้าสู่ช่วงทำ Window dressing ของกองทุน อาจทำให้แรงขายจำกัด แต่น่าจะเป็นการประคองภาพการลงทุนโดยรวมติดตามการรายงานสินเชื่อเดือนส.ค.ของธนาคารพาณิชย์ไทย คาดว่าจะยังเห็นการเติบโตของสินเชื่อในภาพรวมติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี HSBC PMI ภาคการผลิตของจีน, ตัวเลขการส่งออก – นำเข้าของไทย, GDP ใน 2Q57 ของสหรัฐฯ (รอบสุดท้าย)

* หุ้นไทยสัปดาห์นี้บวกต่อ-ปัจจัยบวกในประเทศหนุน
นายสมบัติ เอกวรรณพัฒนา ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) เปิดเผยกับ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย"ว่า ดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์นี้ มีความเป็นไปได้ที่อาจมีการทำ window dressing เนื่องจากจะทำล่วงหน้าประมาน 1 สัปดาห์ก่อนปิดไตรมาส 3 แต่ก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าดัชนีฯจะขึ้นไปแตะในระดับใด แต่อย่างไรก็ตามแม้ไม่มีการทำ window dressing ก็ยังมีปัจจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เป็นผลบวกต่อตลาดหุ้น ??นอกจากนี้ ยังคาดว่านักลงทุนต่างประเทศที่ทำ window dressing อาจมีการเน้นหุ้นขนาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องดี ส่วนนักลงทุนประเภทพอร์ตโบรกเกอร์ จะเน้นในหุ้นขนาดกลาง-เล็ก โดยส่วนใหญ่จะเข้าไปลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคาร และกลุ่มพลังงาน กลุ่มวัสดุก่อสร้าง??
" การทำ window dressing ส่วนใหญ่จะทำล่วงหน้าก่อนปิดงบ 1 อาทิตย์ ซึ่งแน่นอนว่าดัชนีฯ ต้องชี้ไปยังแนวทางบวก แต่ทั้งนี้ก็ยังมีปัจจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศอยู่แล้วที่ทำให้ดัชนีฯ บวก ทั้งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ และเฟดที่ประกาศออกมาว่าคงอัตราดอกเบี้ย "นายสมบัติ กล่าว ??
ส่วนในรอบสัปดาห์นี้ประเมินแนวรับที่ 1,560 จุด แนวต้านที่ 1,590- 1,600 จุด หากเกินจากในกรอบนี้ให้ทยอยขายเพื่อลดความเสี่ยง??
ด้านนายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์หน้า มองว่าหากมีการทำ window dressing กลุ่มหลักที่จะทำคือนักลงทุนสถาบันที่อาจมีการเข้ามาเก็งกำไร โดยเข้าไปลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคาร และกลุ่มอสังหาฯ ที่มีทิศทางว่าจะปรับตัวดีขึ้น แต่ไม่สามารถคาดได้ว่าดัชนีจะขึ้นไปมากน้อยขนาดไหน
"มองว่าถ้าสัปดาห์นี้มีการทำ window dressing กลุ่มหลักๆที่ทำอาจเป็นนักลงทุนสถาบัน ซึ่งคาดว่าน่าจะเข้าไปลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคาร และอสังหาฯ เพราะทั้ง 2 กลุ่มมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี แต่ควรระมัดระวังการลงทุนในกลุ่มพลังงาน เพราะว่าผลการดำเนินงานที่ผ่านมายังไม่ค่อยดีมากนัก และในกลุ่มสื่อสารที่ยังมีข้อจำกัดจากเรื่องการประมูล4G " นายธนเดช กล่าว ?
แต่ทั้งนี้ดัชนีฯในช่วงนี้ค่อนข้างบวกอยู่แล้วทั้งปัจจัยจากในประเทศที่มีงานประมูลโครงสร้างพื้นฐาน และงานคมนาคมที่เป็นปัจจัยทางจิตวิทยาต่อหุ้นกลุ่มรับเหมา ส่วนปัจจัยในต่างประเทศที่ส่งผลบวกต่อดัชนีฯ ก็จะเป็นธนาคารกลางสหรัฐมีมติคงอัตราดอกเบี้ย ??
กลยุทธ์ในการลงทุนนั้นต้องรอดูจังหวะในการซื้อขาย โดยประเมินแนวต้านที่ 1,590- 1,600 จุดหากเกินจากกรอบนี้ให้ขายทำกำไรในกรณีหุ้นที่ถือครองมานาน และมีแนวรับที่ 1,560 จุด โดยจะเน้นหุ้นในกลุ่มธนาคาร กลุ่มอสังหา กลุ่มค้าปลีก

* ระวังแรงขายทำกำไรช่วงดัชนีฯใกล้ 1,600 จุด-ชะลอการเก็งกำไร
นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส เปิดเผยว่า สัปดาห์นี้ คาดหุ้นไทยแกว่งตัวบวกแคบ นักลงทุนคาดหวังต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ด้วยการใช้มาตราการ QE หากไม่มีปัจจัยลบเข้ามากดดัน มองว่าดัชนีฯ สามารถบวกได้ แต่ปรับบวกในกรอบแคบ เนื่องจากมีแรงขายทำกำไรออกมากดดันอย่างต่อเนื่อง ตลาดมีความเประบางมากขึ้นในจังหวะที่ดัชนีฯ เข้าใกล้แนวต้านสำคัญ 1,600 จุด??
กลยุทธ์ แนะชะลอการเก็งกำไร ทยอยขายทำกำไรในจังหวะที่ดัชนีฯ ปรับตัวขึ้น เพื่อถือเงินสด เพราะหากมีปัจจัยลบเข้ามากดดัน อาจจะเห็นการปรับฐานรอบใหม่ของดัชนีฯ ได้ โดยประเมินแนวรับ 1,580-1,575 จุก แนวต้าน 1,600 จุด +/-
ส่วนนายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้บริหารสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์และกลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าแนวโน้มของดัชนีตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุ 1,592 ได้ โดยอาศัยปัจจัยสนับสนุนหากเข้ามาผลักดันได้ในระยะสัปดาห์ โอกาสที่ดัชนีฯจะทะลุแนวดังกล่าวก็เกิดได้เร็วจากความคืบหน้าของการทำงานรัฐบาลต่อแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เป็นรูปธรรมมากขึ้นเนื่อจากปัจจุบันยังไม่เห็นทิศทาง จึงทำให้ภาพรวมดัชนีฯอาจจะแกว่งตัวแดนบวกเพื่อรอรับข่าวสนับสนุน และหากดัชนีฯจะเข้าสู่ขาขึ้นก็ตามแต่ก็เป็นการแกว่งตัวขึ้นสลับผันผวนอีก ทั้งนี้การพิจารณากระแสเงินทุนจากต่างชาติ (Fund Flow) กองทุนต่างๆยังให้น้ำหนักความสำคัญที่จะช่วยดันให้ดัชนีฯผ่าน 1,600 จุดได้ แต่ปัจจุบันภาพของFund Flow ก็ยังไม่ชัดเจน การซื้อสุทธิไม่ต่อเนื่อง ทำให้ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเงินสนับสนุนต่างชาติจะมีมาก-น้อยขนาดไหน??
กลยุทธ์การลงทุนแนะนำให้ซื้อเมื่อดัชนีฯอ่อนตัวลง ทั้งนี้ประเมินแนวรับที่ 1,580 จุด และแนวต้านที่ 1,595-1,620 จุด

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com