*ช่วงนี้เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของดารากลายเป็นประเด็นฮอตฮิต มาแรงแซงทางโค้งทุกอย่างอย่างไม่น่าเชื่อ “โมนิก้า” หันไปทางไหน ด้านไหน ก็มีแต่คนเม้าท์เรื่องฉาวๆ คาวๆ ของคนในวงการมายา จนเดี๊ยนรู้สึกเบื่อหน่ายคนในวงการนี้เสียเหลือเกิน แต่ถ้ามองในมุมของการแบรนด์ดิ้งตัวเอง ต้องยอมรับทฤษฎีของนักการตลาดที่ว่า “ยิ่งฉาว ยิ่งคาว ยิ่งดัง” นะจะบอกให้

*ด้วยตรรกะของนักคิดแบบนี้กระมัง ถึงทำให้นักลงทุนในตลาดหุ้นมีลักษณะชอบเล่นเกมเสี่ยง ถนัดเข้าเล่นของหวือหวา ไม่ชอบเล่นเกมช้า ผลที่ออกมาเลยกลายเป็นว่า ดัชนีแกว่งตัวผันผวนถี่ขึ้นเรื่อยๆ แรงซื้อพร้อมแปรเปลี่ยนเป็นแรงเทขาย คนเข้าเล่นต้องทันต่อเหตุการณ์ แถมหลักสูตรนี้ต้องเรียนรู้ด้วยตนเอง ไม่มีคนคอยทำทางให้อย่างแน่นอน หวังว่าคงเข้าใจตรงกันนะตัวเอง

*แรงกระเพื่อมของข่าวสารทำให้ดัชนีแกว่งตัวทั้งในแดนบวกและแดนลบ ก่อนจะมาปิดเกมที่ระดับ 1,590.13 จุด บวกไป 0.62 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.71 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นสถานการณ์ที่นักลงทุนรับรู้กันอยู่แล้วว่า ดัชนีต้องย่ำฐานอีกสักระยะ เพื่อให้แน่ใจว่า แรงเทขายสะเด็ดน้ำจริงๆ หลังเห็นกันอย่างแจ่มแจ้งแดงแจ๋ว่า การพลิกแนวต้าน 1,600 จุดให้กลายเป็นแนวรับไม่ใช่เรื่องง่ายนะจ๊ะ

*เหมือนกับสุดยอดหุ้นเก็งกำไร PERM ถือเป็น “ของร้อน ของแรง” สำหรับคนใจถึง ไม่ต้องบรรยายให้เปลืองกระดาษ ไม่ต้องพูดถึงคนอยู่หลังม่าน ถ้านับตั้งแต่ทำจุดสูงสุดที่ระดับ 4.40 บาทเมื่อสัปดาห์ก่อน ต่อจากนั้นรูดลงมาเรื่อยๆ จนทำราคาต่ำสุดที่ 2.70 บาท ก่อนจะมาปิดที่ระดับ 3.30 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 18% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.30 พันล้านบาท มันเป็นเกมที่ผู้เล่นต้องตัดสินใจเอง คนอื่นไม่มีทางรู้ดีไปกว่าตัวเรานะคะ

*เช่นเดียวกับในรายของ CEI ดูตามหน้าเสื่อ บวกกับรูปการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องมีคนได้ ต้องมีคนเสีย ถือเป็นความชอบส่วนบุคคล ไม่จำเป็นต้องเล่าข้อเท็จจริงที่เคยเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนให้ฟัง ยกเว้นเกิดอาการ want สุดตัว “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่ต้องเม้าท์สักเล็กน้อย เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อปีก่อนหุ้นขึ้นแรงแบบนี้...สุดท้ายก็กลับไปที่ฐานเก่า คนเข้าไม้หลังขาดทุนป่นปี้ ยังจะเชื่อว่ารอบนี้ของจริงอีกไหม? ล่าสุดหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 7.20 บาท บวกไป 0.95 บาท หรือขึ้นไป 15% ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยไหม...ต้องดูกันเอาเองนะคะ

*สำหรับเจ้าพ่อลิสซิ่งภูธร ML ยังมีกิมมิคที่คอยบิ้วอารมณ์ได้เป็นประจำ เรื่องเก่าในอดีตประเภทร่วมหอลงโลงยังขายได้ดี แม้พล็อตเรื่องจะเก่าสุดแสนจะเก่า แต่ทุกครั้งที่ถูกนำมาปัดฝุ่นใหม่ทีไร ทำให้ลูกเป็ดขี้เหร่ กลายเป็นหงส์ขึ้นมาในทันที ล่าสุดหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1.66 บาท บวกไป 0.21 บาท หรือขึ้นไป 14.50% วอลุ่มหนาแน่น มันไม่พ้นเรื่องควบรวมอีกตามเคย...จริงไหมเสี่ย!

*ส่วนกรณีของ GEL เอาเข้าจริงๆ คงไม่มีอะไรในกอไผ่ เว้นเสียว่า มีมือกฎหมายระดับประเทศเข้ามานั่งเป็นกรรมการ อะไรหลายอย่างเลยดูสวยหรูไปหมด ทั้งที่เนื้อในยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ เผอิญพวกที่เล่นหุ้นมีภาพความคิดในหัวสมองเป็นแบบมโนสุดซอย หุ้นถึงชอบกระตุกขึ้นให้เห็นเป็นประจำ ล่าสุดวิ่งขึ้นมาปิดที่ 0.83 บาท บวกไป 0.08 บาท หรือขึ้นไป 10% ด้วยวอลุ่ม 744 ล้านบาท น่าจะเป็นการลากไปเชือดนะเนี่ย!

*พูดถึงประเด็นนี้ขึ้นมาทีไร “โมนิก้า” นึกถึงหุ้น ABC ขึ้นมาในทันที!...งานนี้ไม่ต้องหาเหตุผลอื่นมาอธิบาย ของมันเห็นกันทนโท่ ไม่มีอะไรในกอไผ่ จุดจบของหุ้นถึงไม่แฮปปี้เอ็นดิ้ง ยิ่งเห็นหุ้นไหลลงเรื่อยๆ ท่ามกลางแรงเทขายกระจิริด ยิ่งมั่นใจได้ล้านเปอร์เซ็นต์ว่า ไม่มีคนเอา หรือเขาไม่ยอมเอา ก็สุดแต่ขาเม้าท์จะมโน ล่าสุดหุ้นดิ่งลงมาปิดที่ 4.26 บาท ลบไป 0.22 บาท หรือลงไป 5% วอลุ่ม 12 ล้านบาท มันตรงกับที่น้องโมว่าไว้ไหมล่ะ...งานนี้บอกได้แค่ว่า อย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ...ส่วนใครจะเป็นพิมเสน หรือใครจะเป็นเกลือ อันนี้ต้องไปคิดกันเอาเองนะจ๊ะ

*เหมือนกับในรายของ CIG ภายใต้การกำกับดูแลของคนที่ไม่ใช่เสี่ยหนึ่ง มันเป็นอะไรที่พูดยากมากๆ และต้องใช้เวลาอธิบายนานพอสมควร “โมนิก้า” ถึงอยากให้ขาเล่นเข้าใจกิมมิคเรื่องนี้ก่อนตะลุยกันต่อ เรื่องนี้ไม่ยากที่จะเรียนรู้ และไม่ยากที่จะทำความเข้าใจ ปัญหามีอยู่อย่างเดียวว่า นี่ใช่หุ้นทางเลือกจริงไหม? หลังค่า P/E ปาเข้าไป 65 เท่า แต่หุ้นยังทะยานขึ้นมาปิดที่ 1.23 บาท บวกไป 0.11 บาท หรือขึ้นไป 10% มันเป็นเรื่องของ พื้นฐานกับความจริง มันสวนทางกัน ก็เท่านั้นเอง