ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.29 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 32.22/29 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังมีรายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองร่วงลงสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากที่จีนส่งสัญญาณว่ายังไม่มีการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวแคบหลัง อย่างไรก็ตามมีโอกาสจะเปิดทะลุ 1,590 จุด และแกว่งตัวเหนือแนวดังกล่าวได้หลังเงินทุนต่างชาติยังคงไหลเข้าต่อเนื่อง กลุ่มธนาคาร และรับเหมาก่อสร้าง มีแรงเก็งกำไรจากกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ ส่วนหุ้นกลุ่มสื่อสารขนาดใหญ่คาดมีโอกาสในการทำ Window dressing หุ้นเด่นเลือก CPF-SST-PTT-ADVANC-INTUCH-DTAC-TUF-KBANK-BBL-KTB-CK-STEC-SPALI-QH-LPN-SAMART-SAPPE-BEC และ BGH



แหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวว่า บริษัท ตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ ECL กลายเป็นบริษัทที่น่าสนใจขึ้นมาในทันที หลังจากมีข่าวเปิดโต๊ะเจรจาหาผู้ร่วมทุน ซึ่งรูปแบบการร่วมทุนในครั้งนี้ มีทั้งที่เป็นการเทคโอเว่อร์ และการควบรวมกิจการระหว่างธุรกิจลิสซิ่งด้วยกัน หรือแม้กระทั้งการเปิดให้เข้ามาเป็นพันธมิตรก็มีด้วยเช่นกัน ซึ่งรายละเอียดต่างๆ น่าจะปรากฏให้เห็นในเร็วๆ นี้

สำหรับความเป็นไปได้มากสุดในช่วงนี้คงเป็นการเปิดทางให้เทคโอเว่อร์ โดยกลุ่มทุนที่แสดงความสนใจ ณ เวลานี้เป็นกลุ่มทุนจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะเป็นการซื้อหุ้นจากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้งหมด และจะทำการประกาศคำเสนอซื้อย่างเป็นทางการทันทีที่มีการตกลงรายละเอียดสำคัญในหลักการเป็นที่เรียบร้อย และน่าจะเริ่มประกาศรายละเอียดให้นักลงทุนรับรู้อย่างเป็นทางการภายในสัปดาห์นี้

โดยสิ่งที่ติดขัดเล็กๆ น้อยๆ ในตอนนี้เป็นเรื่องขั้นตอนการตกราคาซื้อขาย ซึ่งตอนนี้กำลังเจรจาราคาที่ซื้อควรจะอยู่ที่ 2 เท่าของบุ๊ค 1.19 บาท หรือจะเคาะราคากลมๆ ที่ระดับ 2 บาท และเมื่อดูรวมๆ จะเห็นว่า ถ้าดีลนี้ดันกันจริงๆ ราคาเบื้องต้นน่าจะจบลงตรงที่ 2 บาท ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าติดตามดูเป็นอย่างยิ่ง เพราะถือเป็นการรุกคืบของกลุ่มทุนญี่ปุ่นอีกขั้นหนึ่ง

อีกทั้งชื่อเสียงของกลุ่มทุนญี่ปุ่นเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางว่า เป็นคนช่ำชองเรื่องไฟแนนซ์ จึงน่าจะทำให้ ECL เป็นบริษัทที่เติบโตก้าวกระโดดในทันที และจะยกระดับความสามารถในการแข่งขันอีกด้วย ซึ่งกรณีที่สามารถเทียบเคียงได้กับการที่ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย หรือ IBANK เข้าซื้อกิจการลิสซิ่งต่อเนื่อง โดยเมื่อ 2-3 ปีก่อนได้เข้าซื้อ บริษัท นวลิสซิ่ง จำกัด(มหาชน) หรือ NVL ด้วยวงเงิน 400 ล้านบาท เพื่อต่อยอดธุรกิจมาแล้วนั่นเอง



บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (23 ก.ย.) ภาวะการลงทุนตลาดหุ้นไทยในวันนี้ MBKET เชื่อว่า SET INDEX จะเปิดทะลุ 1,590 จุด และแกว่งตัวเหนือแนวดังกล่าวได้ตลอดชั่วโมงการซื้อขาย หลังเงินทุนต่างชาติยังคงไหลเข้าตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง อีกครั้งแรงเก็งกำไรต่อกลุ่มธนาคาร และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ต่อการลงทุนกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ของ บลจ.ไทยพาณิชย์ที่ปิดการขาย IPO วานนี้ คาดว่าเม็ดเงินใหม่จะเริ่มลงทุนใน 1-2 วันข้างหน้า ทำให้ภาพรวมของ SET INDEX จะแกว่ง Sideways-to-Sideways-Up ทดสอบ 1,600 จุดในสัปดาห์นี้ตามคาด

เช้าวันนี้ ติดตามตัวเลข HSBC Flash PMI ภาคการผลิตเดือนก.ย. ของจีน Bloomberg consensus คาด 50.3 จุด เทียบกับเดือนส.ค.ที่ 50.2 จุด หากออกมาเท่ากับหรือดีกว่า จะเป็นบวกต่อบรรยากาศการลงทุนรอบเอเชียวันนี้

รวมถึงติดตามการประชุม ครม. อาจมีการพิจารณาถึงแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งแผนการลงทุนคมนาคมระยะ 8 ปี ส่วนแผนปฎิรูปราคาก๊าซ LPG / NGV จะมีการพิจารณาในวันที่ 27 ก.ย. ถึงแนวทาง และกรอบเวลาการปรับราคาก๊าซให้สอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริง

กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำให้ นักลงทุนรอขายทำกำไรบริเวณ 1,600 จุด +/- หรือหากต้องการเก็งกำไร ควรจำกัดวงเงิน และเน้นหุ้นรายตัวที่มีประเด็นเชิงบวกต่อการลงทุนเป็นสำคัญ

กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “ทยอยสะสม” PTT



บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (23 ก.ย.) ว่า แม้ตลาดหุ้น Dow Jones จะปรับลดลง 0.62% เมื่อคืนนี้ หลังยอดขายบ้านต่ำกว่าคาด อย่างไรก็ตามคาดว่าโอกาสในการทำ Window dressing หุ้นกลุ่มสื่อสารขนาดใหญ่อย่าง ADVANC INTUCH DTAC หนุน SET แข็งแกร่งกว่าตลาดหุ้นต่างประเทศ

กลยุทธ์หลักแนะนำ “ซื้อ” กลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ อย่าง KBANK BBL KTB CK STEC SPALI QH LPN SAMART ขณะที่กลุ่มหุ้นขนาดแนะนำ “ซื้อ” SAPPE TUF นอกจากนี้ยังแนะนำ “เก็งกำไร” BEC ด้วยเป้าหมายระยะสั้นที่ 48.5 และถัดไปที่ 50.75 บาท หลัง กสท.ขยายเวลานำส่งเงินค่าธรรมเนียมใบอนุญาต Digital TV งวด 2 อีก 1 ปี และลดค่าธรรมเนียม 4% สำหรับผู้ประกอบการที่ออกมากาศคู่ขนาน และ 2% ของผู้ประกอบการ Digital TV ทั้ง 24 ช่องระยะเวลา 5 ปี เป็นผลดีต่อ WORK RS NMG NBC



บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (23 ก.ย.) ว่า ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ แกว่งตัวลงแคบๆ ตัวเลขภาคการผลิตจีนเช้านี้ ชี้ทิศตลาด

KGI มอง SET วันอังคารเทรดกรอบจำกัด อาจมีย่อตามจิตวิทยาหุ้นโลกที่เป็นลบ หลังตัวเลขยอดขายบ้านมือสอง ส.ค. ของสหรัฐฯ ต่ำกว่าคาด และรมว.คลังจีนส่งสัญญาณไม่มีมาตรการกระตุ้นขนาดใหญ่ในช่วงนี้ ทั้งนี้การซื้อขายของหุ้นเอเชียจะขึ้นอยู่กับดัชนี Flash PMI จีนเดือน ก.ย. ที่จะประกาศ 8.45 น. วันนี้เวลาไทยเป็นสำคัญ

ด้านการแถลงของผู้ว่าการเฟด 2 รายเมื่อคืน (William Dudley สาขานิวยอร์ก และ Narayana Kocherlakota สาขามินเนียโปลิส) ไม่ได้มีผลต่อตลาดมากนัก เพราะไม่ได้พูดถึงเงื่อนเวลาการขึ้นดอกเบี้ย ภาพรวม SET จะไซด์เวย์ โดยต่างชาติที่ยังซื้อหุ้นไทยอยู่ จะช่วยจำกัดทางลง

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน เก็งกำไร CPF, SST / ซื้ออ่อนตัว KTB (เริ่มเร่งการเบิกจ่ายงบภาครัฐฯ)



บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (23 ก.ย.) ว่า การชะลอตัวของจีน กระทบต่อเศรษฐกิจ และตลาดหุ้นที่เป็นคู่ค้าหลัก จึงเป็นอีกปัจจัยกดดันตลาดนอกเหนือจากการใช้นโยบายการเงินตึงตัวในสหรัฐ ยังคงแนะนำขายหุ้นที่แพง (EA, BMCL, ANAN, HEMRAJ, TPIPL) สลับมาซื้อหุ้นที่มี upside/laggard (RS, BTS และ STPI) วันนี้เลือก BEC (FV@B56) เป็น Top pick หลัง กสทช. ยอมให้ถ่ายทอดดิจิตอลทีวี โดยไม่คิดต้นทุนซ้ำซ้อน



บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (23 ก.ย.) คาดการณ์มุมมองทางเทคนิค SET ยังแกว่งตัวแดนบวกเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันที่ 1,578 จุด ได้ทำให้ภาพของแนวโน้มตลาดมีทิศทางที่ชัดเจนมากขึ้นในเชิงบวก สัญญาณกราฟที่เกิดขึ้นยังถือว่าเป็นสัญญาณแนวโน้มขึ้นและ MACD ได้เพิ่มขึ้นจาก 6.19 ไปที่ 6.69 สนับสนุนสัญญาณซื้อครั้งนี้และขณะนี้ดัชนีตลาดได้ทดสอบแนวต้าน 1,585 จุด ผ่านแล้วเมื่อวานนี้ และจะทดสอบถัดไปคือ 1,600 จุด

แนวโน้มของตลาดจะเคลื่อนไหวที่กรอบแนวรับ 1,580-1,600 จุด

หุ้นที่เลือกวันนี้มีโอกาสปรับขึ้น แนะนำซื้อเก็ง TUF และ BGH