April 26, 2024   5:07:31 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > SET ลุ้นทะลุ 1,600 จุด กูรูชู 17 หุ้นรับศก.ฟื้น-laggard
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 25/09/2014 @ 08:16:39
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.23 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 32.23/32.26 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ นำโดยตลาดหุ้นญี่ปุ่น เนื่องจากได้รับปัจจัยลบจากเงินเยนที่แข็งค่าขึ้น นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้คาดว่ายังผันผวนและอยู่ในช่วงการปรับฐาน สำหรับหุ้นที่คาดได้รับผลดีจากการปรับโครงสร้างพื้นฐานในงบประมาณปี 58 รวมถึงราคายัง laggard ได้แก่ CK, STEC, KBANK, BBL, KTB, SPALI, LPN, QH, RICHY, AAV, MINT, THCOM, CENTEL, BEC, INTUCH, LPN และ ERW

แหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวว่า บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF ถือเป็นบริษัทที่มีพัฒนาการที่โดดเด่นที่สุดในกลุ่มที่ทำสินค้าประเภทเฟอร์นิเจอร์ เพราะเมื่อดูตามแผนงานที่ประกาศไว้ตอนที่เข้าซื้อขายในตลาด mai ได้เคยประกาศไว้อย่างชัดเจนว่า อยากเห็นแบรนด์ของบริษัทแข่งขันได้บนเวที AEC ซึ่งจะเป็นการขยายตัวไปพร้อมๆ กับผลประกอบการที่ขยายตัว 20%

โดยการขยายตัวของ ECF จะโดดเด่นขึ้นเรื่อยๆ ตามเป้าหมายธุรกิจ 3 ปีข้างหน้า (2557-2559) โตไม่หยุด และดูเหมือนว่า เรื่องดังกล่าวจะเป็นจริงขึ้นมาเรื่อยๆ หลังจากมีข่าววงในจากกลุ่มผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ในประเทศด้วยกันออกมาว่า บริษัทนี้เตรียมเซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรกับผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ระดับโลก ซึ่งตัวบริษัทจะได้สิทธิ์ในการผลิตสินค้าดังกล่าวเพียงเจ้าเดียวในภูมิภาคนี้

จุดที่น่าสนใจอยู่ตรงที่การเซ็นสัญญาดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อไหร่ กำไรของบริษัทจะเพิ่มขึ้นปีละไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท และเมื่อนำมาบวกกับกำไรปกติที่ทำได้ในช่วง 6 เดือนแรกที่ระดับ 46 ล้านบาท ทำให้มั่นใจได้ว่า ตัวเลขกำไรของปี 58 น่าจะทำได้ไม่ต่ำกว่า 170 ล้านบาท และจะทำให้มูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นเรื่องที่นักลงทุนจะต้องเข้าถึงเหตุผลที่ทำให้หุ้น ECF ทะยานขึ้นอย่างร้อนแรง

นอกจากนี้เมื่อดูสัดส่วนส่งออกในกลุ่มอาเซียนในปี 57 ทำได้สัก 10% และปี 2558 ได้เพิ่มเป็นๆ 15% ก็จะเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมากๆ และเหตุผลที่ต้องส่งออกค่อนข้างเยอะไม่ใช่เรื่องมาร์จิ้น แต่บริษัทจำเป็นต้องการขยายฐานลูกค้าให้หลากหลายขึ้น และการได้สินค้าระดับแบรนด์เนมมาเป็นสินค้าตัวใหม่ ย่อมทำให้กำไรจากยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ



บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (24 ก.ย.) ว่า แม้แนวโน้ม SET ระยะสั้นจะ “ผันผวน” หลังปรับสูงขึ้นแรงก่อนหน้า และตัวเลขเศรษฐกิจในต่างประเทศที่ออกมาต่ำกว่าคาด อย่างไรก็ตามเรามองเป็นจังหวะ “ซื้อ” ด้วยเป้าหมายระยะสัปดาห์ที่ 1,630 +/- จุด ล่าสุดรัฐบาลมีแผนเบิกจ่ายงบประมาณปี 2015 แบบ Front Load โดยจะอัดฉีดงบประมาณลงทุน 1.29 ล้านล้านบาทใน 4Q14 และ 4.5-5.9 แสนล้านบาท ต่อไตรมาสในช่วง 1Q15-3Q15 (งบประมาณรายจ่ายปี 2015)

การกำหนดงบประมาณรายจ่ายแบบ Front Load โดยเฉพาะเม็ดเงินลงทุน 1.49-1.33 แสนล้านบาทใน 4Q14-1Q15 จะเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาฯ วัสดุก่อสร้าง และธนาคาร โดยตรง ถึงกลุ่มอสังหาฯ ที่มีโอกาสเปิดโครงการเพิ่มขึ้นตามแนวรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้น แนะนำ “ซื้อ” CK STEC KBANK BBL KTB SPALI LPN QH




บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุในบทวิเคราะห์ (24 ก.ย.) ว่า นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 อีก 596 ล้านบาท คงการ Short สุทธิใน Set50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 3,830 สัญญา และกลับมาขายสุทธิตลาดตราสารหนี้ 843 ล้านบาท

เป็นที่น่าสังเกตว่า นักลงทุนต่างชาติ / สถาบันภายในประเทศ / พอร์ตโบรกเกอร์ ซื้อสุทธิพร้อมกันตลอด 2 วันทำการที่ผ่านมา โดยเฉพาะ นักลงทุน 2 กลุ่มนี้ ย่อมเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อภาวะการลงทุนในหุ้น Big Cap สอดคล้องกับที่ MBKET ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ ด้วยการให้น้ำหนักกับหุ้น PTT / ADVANC / INTUCH ซึ่งน่าจะเป็นเป้าหมายของนักลงทุน 2 กลุ่มนี้ ทำให้เชื่อได้ว่า SET INDEX ในรอบนี้จะมีโอกาสขยับขึ้นทดสอบและตีทะลุผ่าน 1,600 จุดขึ้นไป จากเงินทุนต่างชาติ และการประคองระดับ NAV ของกองทุน เพื่อปิดงวด 3Q57 ซึ่งหุ้นเป้าหมายทั้ง 3 นั้น Laggard มากเมื่อเทียบกับ SET INDEX และกลุ่มหลักอย่างกลุ่มธนาคาร

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจอียูส่งสัญญาณชะลอตัวชัดเจน ผ่านดัชนี PMI ภาคการผลิต / บริการ เปิดโอกาสให้ ECB เริ่มใช้โครงการเข้าซื้อตราสารหนี้ ABS ด้านตัวเลขเศรษฐกิจจีนวานนี้ ภาวะการจ้างงานเริ่มชะลอตัวชัดเจน น่าจะเป็นประเด็นเสี่ยงที่มีน้ำหนักมากเพียงพอที่รัฐบาลจีน และ/หรือ ธนาคารกลางจีน จะให้น้ำหนักเพื่อออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเฉพาะจุดตามมา

ดังนั้น Downside risk จากปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจจีน / อียู จำกัด แต่กลับสร้างโอกาสที่จะเห็นมาตรการกระตุ้นตามมา กลายเป็นบวกต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก

กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำให้ นักลงทุนรอขายทำกำไรบริเวณ 1,600 จุด +/- หรือหากต้องการเก็งกำไร ควรจำกัดวงเงิน และเน้นหุ้นรายตัวที่มีประเด็นเชิงบวกต่อการลงทุน เป็นสำคัญ

กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “ทยอยสะสม” INTUCH/ LPN



บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (24 ก.ย.) ว่า เชื่อว่าตลาดยังอยู่ในช่วงของการปรับฐาน โดยยังเลือก BEC(FV@B56) เป็น Top pick หลังกสทช. ยอมให้ถ่ายทอดดิจิตอลทีวี โดยไม่คิดต้นทุนซ้ำซ้อน คาดว่าจะหนุนให้กำไรกลับมาโดดเด่นในปีถัดไป โดยมีจุดเด่นที่เงินปันผลสูง และราคาหุ้นยัง laggard



บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (24 ก.ย.) ว่า แกว่งหรือลบเล็กน้อย

KGI มอง SET วันพุธลดลงแคบๆ ภาพใหญ่ยังแกว่งตัว ปัจจัยภายนอกเป็นลบหลังยูโรโซนรายงานFlash MPI ภาคการผลิต ก.ย. ต่ำกว่าคาดและต่ำสุดรอบ 9 เดือน และสหรัฐฯ เพิ่มระดับการโจมตีกลุ่ม ISในซีเรีย กดดันสินทรัพย์ความเสี่ยงสูง อย่างไรก็ดียังไม่มีสัญญาณต่างชาติขายใน SET และสถาบันไทยมีแนวโน้มสะสมหุ้นช่วงปิดงวดไตรมาส 3 โดยเฉพาะกลุ่มที่ตามหลัง SET มากๆ เช่นสื่อสารและพลังงานดังนั้น SET ช่วงสั้นยังลงยาก แต่ทางขึ้นมีน้อยมากเช่นกัน ส่วนคืนนี้ผู้ว่าเฟดชิคาโก Charles Evans แถลงความเห็นต่อนโยบายการเงินสหรัฐฯ และพรุ่งนี้ผู้ว่าเฟดแอตแลนตาแถลง คาดมีผลต่อตลาดหุ้นโลกไม่มาก ยกเว้นมีการชี้ถึงเวลาปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ชัดเจน

สะสม RICHY (Laggard + เตรียมเปิดโครงการใหม่), เก็งกำไร AAV*



บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ (24 ก.ย.) ว่า ทิศทางตลาด : คาดยังผันผวน? และมีโอกาสลดลงตามตลาดต่างประเทศ ภายใต้สถานการณ์ความตึงเครียดในซีเรีย ขณะที่ประเด็นในประเทศยังไม่มีปัจจัยชี้นาใหม่ๆ แต่คาดยังได้รับปัจจัยบวกอยู่จาก Fund Flow หลังต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องอีกกว่า 500 ล้านบาท (ดีกว่าภูมิภาค) และทาให้ยอดขายสุทธิ YTD ลดลงเหลือเพียง 8,500 ล้านบาท

.....และคาดภาพรวมตลาดหลังจากนี้ไปยังมีปัจจัยหนุนจาก (1) การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี’58 โดยเฉพาะในช่วง 4Q/57 – 1Q/58 ที่คาดช่วยให้ทิศทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มดีขึ้นตามลาดับ (2) Window Dressing – 3Q/57 อย่างไรก็ตามคาดตลาดยังได้รับปัจจัยกดดันอยู่บ้างจากประเด็นการพิจารณาอาจจะยกเลิกสิทธิภาษี LTF (หมดสิทธิประโยชน์ในปี’59) แต่ยังคงการลงทุน RMF ให้มีต่อไป

ยังแนะติดตามความคืบหน้าโครงการลงทุนต่างๆ ของภาครัฐฯ ที่ชะลอไปก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะงานประมูลโครงการที่มีความพร้อม เช่น รถไฟฟ้าสายสีเขียว เส้นทางหมอชิต – คูคต ที่กาหนดยื่นซองประมูลในวันที่ 30/9/57 (เลื่อนจากวันที่ 19/9/57) ที่คาดยังเป็นปัจจัยบวกต่อภาพรวมกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง

รวมถึงการยกเลิกกฎอัยการศึก โดยคาดอาจมีการพิจารณายกเลิกในบางพื้นที่ คาดส่งผลดีต่อ (1) Fund Flow ที่คาดมีโอกาสไหลเข้าต่อเนื่อง (2) กลุ่มท่องเที่ยว ที่คาดได้ประโยชน์จากประเด็นดังกล่าว รวมถึงภาวะการท่องเที่ยวที่จะเข้าสู่ช่วง High Season ใน 4Q/57 (ส่งผลดีต่อ MINT, CENTEL และ ERW)

หุ้นแนะนำ : THCOM

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com