ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.30 น. ค่าเงินบาททรงตัวที่ 32.21/28 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้น โดยได้รับปัจจัยหนุนจากยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐที่ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐดีขึ้น นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับสูงขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,600 จุด ตามตลาดหุ้นสหรัฐและเอเชีย อย่างไรก็ตาม ยังมีความเป็นไปได้ที่จะมีแรงขายจากฝั่งในประเทศออกมา นอกจากนี้คาดว่าหาก SET ขยับขึ้นอีกระยะหนึ่ง อาจเผชิญแรงขาย trigger funds ในปริมาณที่สูงขึ้นได้





แนะนำให้รอขายทำกำไรบริเวณ 1,600 จุด หากต้องการเก็งกำไรควรจำกัดวงเงิน และเน้นหุ้นรายตัวที่มีประเด็นเชิงบวกต่อการลงทุน หุ้นเด่นเลือก RICHY-AAV-IFEC-BEAUTY-BCP-PTTEP-KBANK-BBL-STEC-CK-SPALI-LPN-QH-SAPPE-TUF-STPI-SRICHA-BEC-RS และ BEC



บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (25 ก.ย.) นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 4 เร่งขึ้นเป็น 4,623 ล้านบาท กลับมา Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้ 976 ล้านบาท เป็นการซื้อสุทธิทั้ง 3 ตลาดพร้อมกัน เป็นจุดที่น่าสนใจ

เม็ดเงินทุนต่างชาติที่สะสมหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง และหนาแน่น ยังคงเป็นสัญญาณเชิงบวกและเป็นตัวแปรสำคัญต่อการผลักดัน SET INDEX ระลอกนี้ขึ้นทดสอบ 1,600 จุด พร้อมโอกาสที่จะปิดยืนเหนือ 1,600 จุดในระลอกนี้ โดยยังคงให้น้ำหนักกับหุ้นหลักใน SET50 Index อย่าง PTT และกลุ่มอสังหาฯ ที่น่าจะขยับขึ้นเด่นในวันนี้ หลัง ADVANC / INTUCH ขึ้นเด่นมาตลอด 2 วันทำการที่ผ่านมา

อีกทั้งบรรยากาศการลงทุนรอบเอเชียวันนี้มีแนวโน้มเป็นบวก หลังมีรายงานข่าว ทางการท้องถิ่นบางเมืองในจีน เริ่มทยอยผ่อนคลายเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หลังราคาบ้านในเมืองหลักของจีนลดลงอย่างต่อเนื่อง พร้อมสัญญาณการจ้างงานที่ชะลอตัวลง

ขณะที่ปัจจัยแวดล้อมด้านเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ ขาดความโดดเด่นในวันนี้ ทำให้ภาพการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก ฟื้นตัวลักษณะ Technical rebound และแกว่งออกด้านข้าง ดังนั้น Downside risk ของตลาดหุ้นไทยโดยรวม จึงยังเป็นไปอย่างจำกัด แม้ว่าด่าน 1,600 จุด จะดูเหมือนว่าจะผ่านได้ยากในการทดสอบรอบนี้ก็ตาม

กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำให้ นักลงทุนรอขายทำกำไรบริเวณ 1,600 จุด +/- หรือหากต้องการเก็งกำไร ควรจำกัดวงเงิน และเน้นหุ้นรายตัวที่มีประเด็นเชิงบวกต่อการลงทุน เป็นสำคัญ

กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “ทยอยสะสม” IFEC / BEAUTY



บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (25 ก.ย.) แนวโน้ม SET วันนี้ คาดว่าจะปรับสูงขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,600 จุด สนับสนุนโดยการปรับสูงขึ้นของตลาดหุ้น Dow Jones +0.90% หลังยอดขายบ้านใหม่ +18% ดีกว่าตลาดคาด ขณะที่ระยะสัปดาห์คงเป้าหมายการปรับสูงขึ้นที่ 1,630 +/- จุด ต่อไป หนุนโดย การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยเฉพาะไตรมาส 4/14 ที่คาดว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐฯ มาขึ้นจากการใช้งบประมาณรายจ่ายแบบ Front Load รวมไปถึงแรงหนุนของหุ้นกลุ่มธนาคาร ก่อนประกาศกำไรไตรมาส 3/14 กลางเดือน ต.ค.นี้

“กลยุทธ์หลักแนะนำ “ซื้อ” KBANK BBL STEC CK SPALI LPN QH SAPPE TUF ต่อไป รวมไปถึง “ซื้อ” BCP ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 45 บาท และระยะสั้นที่ 37.50 บาท จาก 1) โอกาสในการเติบโตในธุรกิจพลังงานทางเลือก และ 2) ธุรกิจ E&P เหมือน PTTEP หลังเข้าซื้อ Nido Petroleum ในออสเตรเลีย



บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (25 ก.ย.) ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ปรับขึ้นแต่ไม่น่าผ่าน 1,600 จุด

KGI คาด SET วันพฤหัสฯ ขึ้นทดสอบ 1,600 จุด (ไม่น่าผ่าน) หนุนโดยแรงซื้อต่างชาติและปัจจัยบวกภายนอก หุ้นสหรัฐฯ บวกแรงหลังตัวเลขขายบ้านใหม่ ส.ค. สูงกว่าคาดมาก (5.04 แสนหน่วย, ตลาดคาด 4.35 แสนหน่วย) และผู้ว่าเฟดสาขาชิคาโก Charles Evans แถลงว่าเฟดควรคงดอกเบี้ยต่ำไปอีกพักใหญ่ เพราะการขึ้นดอกเบี้ยเร็วเกินไปอาจส่งผลเสียหายได้ ทั้งนี้คาด SET จะชะลอแถวระดับจิตวิทยา 1,600 จุด เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่จะมีแรงขายจากฝั่ง ในประเทศออกมา นอกจากนี้คาดว่าหาก SET ขยับขึ้นอีกระยะหนึ่ง อาจเผชิญแรงขาย trigger funds ในปริมาณที่สูงขึ้นได้

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน สะสม RICHY (Laggard), เก็งกำไร AAV



บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (25 ก.ย.) ว่า Sentiment เชิงบวกในต่างประเทศ แต่ด้วยระดับ Expected P/E 16.2 เท่า ยังเป็นจังหวะการปรับพอร์ต และให้สลับมาซื้อหุ้น Laggards พื้นฐานแกร่ง มีเงินปันผลรองรับ (STPI, SRICHA, BEC, RS) และยังเลือก BEC (FV@B56) เป็น Top pick เชื่อว่าสุดท้ายทุกอย่างต้องจบด้วยดี โดยคาดว่าจะจ่ายเงินปันผลสูง 4.5% ราคาหุ้น ณ ปัจจุบันเป็นโอกาสสะสม