April 18, 2024   10:02:31 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > SAMARTรุกพลังงานปั๊มรายได้แสนลบ.
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 19/01/2015 @ 08:38:15
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

กลุ่ม SAMART ตั้งเป้ารายได้ปี 63 ทะลุ 1 แสนล้านบาท จากปี 58 ที่คาดทำได้ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ปักธงลุยธุรกิจพลังงาน ทุ่มงบลงทุนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ ผุดโรงไฟฟ้าถ่านหิน-พลังงานขยะ คาดประกาศแผนชัดเจนใน Q1/58 พร้อมเดินหน้าซื้อการไอที 1 แห่งในปีนี้ ลั่นกำไรกลุ่มไอซีทีและมือถือจะทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องในปี 58 แย้มเตรียมดัน "ไอสปอร์ต" เข้าตลาด mai กลางปีนี้

กลุ่มบริษัทสามารถ ประกอบด้วย บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAMART , บริษัทสามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ SAMTEL, บริษัท สามารถไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) หรือ SIM และบริษัท วันทูวันคอนแทคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ OTO ร่วมแถลงข่าว ทิศทางและเป้าหมายธุรกิจในปี 2558 ซึ่งเป็นวาระครบรอบปีที่ 60 และเป็นปีแห่งการก้าวสู่ทศวรรษที่ 7 ของกลุ่มฯ โดยใช้ Year Theme ว่า “Enter the New Era…Empower the Future หรือ การก้าวสู่ทศวรรษที่ 7...เพิ่มพลังสู่อนาคต”

** ตั้งเป้ารายได้ทะลุแสนลบ.ในปี 63
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ SAMART เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้รวมในปี 2558 จำนวน 30,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นกว่า 20% ด้วยปัจจัยหนุนที่เสริมความมั่นใจหลายๆ ด้าน เช่น การผลักดันเศรษฐกิจผ่านนโยบาย Digital Economy ของภาครัฐ, การเข้าสู่ AEC อย่างเต็มรูปแบบ, การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ CLMV รวมทั้งประเทศไทย ตลอดจนแนวโน้มการขยายเครือข่ายการสื่อสารจาก 3G สู่ 4G รวมถึงการขยายเครือข่ายดิจิตอลทีวีที่ครอบคลุมและกว้างขวาง โดยรายได้รวม 30,000 ล้านบาท จะมาจากสาย ICT Solutions 10,000 ล้านบาท Mobile Multi-media 13,000 ล้านบาท U-Trans และ Related Businesses รวมกันอีก 7,000 ล้านบาท ยิ่งไปกว่านั้น ยังคาดการณ์ว่ากำไรของกลุ่ม ICT และ SIM จะทะลุสถิติสูงสุดอีกครั้งในปีนี้ และคาดว่ารายได้รวมจะทะลุ 1 แสนล้านบาทในอีก 5 ปี หรือภายในปี 2563

** ปักธงลุยธุรกิจพลังงาน
นายวัฒน์ชัย กล่าวว่า ในปี 2558 จะเป็นปีแห่งการลงทุนครั้งสำคัญของบริษัท และใช้เงินลงทุนสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท โดยมีแผนจะขยายการลงทุนในธุรกิจ Utilities & Transportations อย่างชัดเจน โดยสายธุรกิจ U-Trans เป็นสายธุรกิจใหม่ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการสร้างรากฐานการเติบโตที่ยั่งยืน ให้กับกลุ่มสามารถ ครอบคลุมบริการเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค อาทิ ระบบควบคุมการจราจรทางอากาศ ระบบจัดการยานพาหนะเพื่อการขนส่งและการเดินทาง ตลอดจนธุรกิจด้านพลังงาน ทั้งในรูปแบบ Conventional และ Alternative Energy หรือพลังงานทางเลือก
โดยสายธุรกิจ Utilities & Transportations หรือ U-Trans จะอยู่ภายใต้การบริหารงานของบริษัท SAMART U-Trans ซึ่งประกอบด้วยบริษัทลูกคือ Cambodia Air Traffic Services, Kampot Power Plant และ Teda บริษัทผู้เชี่ยวชาญในการวางเครือข่ายสายส่งไฟฟ้า ซึ่งล่าสุดได้เซ็นสัญญากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตในการปรับปรุงสถานีไฟฟ้าสุราษฎร์ธานีมูลค่า 483 ล้านบาท ซึ่งจะเห็นว่าสายธุรกิจ U-Trans เป็นการรวมบริษัทในเครือสามารถที่สั่งสมความชำนาญและประสบการณ์ในงานที่เกี่ยวข้องกับระบบสาธารณูปโภคและงานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างรอบด้านไว้ด้วยกัน ปัจจุบัน U-Trans คือแหล่งรายได้ประจำที่สำคัญของกลุ่มสามารถ และในปี 2558 จะเป็นปีแห่งการลงทุนครั้งสำคัญและสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของ “สามารถ” ในธุรกิจพลังงาน โดยมีกำหนดจะประกาศเกี่ยวกับแผนการลงทุนอย่างชัดเจนในไตรมาสแรกปีนี้*

** เปิดแผนลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ 3 แห่ง ใน 1-2 ปีนี้
นายวัฒน์ชัย เปิดเผยว่า ภายใน 1-2ปีนี้ บริษัทน่าจะมีความคืบหน้าในการทำโรงไฟฟ้าถ่านหิน และโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ ซึ่งเป็นไปตามแผนการสร้างรายได้ให้แตะหลักแสนล้านบาทภายในอีก 5ปี โดยโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินจะเกิดขึ้นที่ประเทศกัมพูชาและลาว รวมๆแล้วประมาณ 2,000 เมกะวัตต์(MW) ซึ่งหากเป็นไปตามแผน คือได้ทำทั้ง 2,000 เมกะวัตต์ รายได้จะเข้าบริษัทประมาณ 20,000-30,000 ล้านบาทต่อปี
"ตอนนี้เราคุยกับกัมพูชาแล้ว รออีกสักหน่อยคงทราบผล ส่วนลาวเราอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ คุยราคากันอยู่ เราจึงคิดว่าภายในสองปีน่าจะมีการเซ็นสัญญาทำโรงไฟฟ้าถ่านหินเกิดขึ้น โดย 2,000 เมกะวัตต์นี้ ยังไม่ได้สรุปว่าทำในกัมพูชาทั้งหมดหรือไม่ แต่เป็นตัวเลขรวมๆ ที่เรามีแผนจะทำ"นายวัฒน์ชัย กล่าว??
นอกจากโรงไฟฟ้าถ่านหินแล้ว ในอีก 1-2 ปีจากนี้ ก็จะทำโรงไฟฟ้าพลังานขยะด้วย จะทำในรูปแบบการร่วมทุน คาดจะเกิดขึ้นประมาณ 3 โครงการใน 3จังหวัด คือ ภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ทำแห่งละ 7-10 เมกะวัตต์ หรือคิดเป็นเงินลงทุนประมาณ 1 พันล้านบาทต่อโรงไฟฟ้า?
"ประมาณไตรมาส 1 หรือไตรมาส 2 ปีนี้ คงเห็นใน 1-2จังหวัด สำหรับโรงไฟฟ้าขยะ"นายวัฒน์ชัย กล่าว??นายวัฒน์ชัย กล่าวต่อว่า พลังงานทดแทนอื่นๆ ก็สนใจเช่นเดียวกัน ยกเว้น พลังานลม โดยบริษัทยังสนใจที่จะศึกษาเขื่อนพลังงานน้ำ โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งหากการลงทุนนั้นๆ ได้ IRR ที่ 12% บริษัทก็สนใจที่จะลงทุน เพราะการขายไฟฟ้าเป็นรายได้ที่มั่นคง เนื่องจากมีการเซ็นสัญญาขายไฟระยะยาวถึง 25 ปี และบริษัทมีเงินทุนพร้อม ทั้งการออกวอร์แรนต์ และเตรียมนำ บริษัทยูทรานส์ จำกัด เข้าตลาดหุ้น ตามที่ได้เคยแจ้งไปแล้ว เพื่อระดมทุนมาใช้โครงการพลังงานทดแทนในอนาคต

** เล็งปิดดีลซื้อกิจการไอทีในปีนี้ 1 แห่ง
นายวัฒน์ชัย กล่าวต่อว่า หนึ่งในกลยุทธ์สร้างรายได้ทะลุแสนล้านบาทในอีก 5ปีข้างหน้า คือการซื้อกิจการ เพราะจะต่อยอดการทำธุรกิจได้เร็วขึ้น รวมถึงได้บุคคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจที่บริษัทสนใจ แต่อาจไม่มีความถนัด เช่น พลังงาน เป็นต้น ซึ่งปีนี้น่าจะเห็นข้อสรุปอย่างน้อย 1 บริษัท ซึ่งขณะนี้บริษัทในกลุ่มของสามารถ กำลังเดินหน้าเจรจาอยู่??" เรื่องของ M&A มีทุกปีแน่ เพราะง่าย ได้คน ได้ฐานลูกค้า เช่น ที่ผ่านมา เราซื้อ เทด้า ก็คุ้มนะ ได้คนที่เก่งเรื่องไฟฟ้ามา และเราก็ได้เรียนรู้จากเขา ปีนี้ก็น่าจะมี อาจจะเป็น SAMART ซื้อเอง หรือ SAMTEL ก็ได้ แล้วแต่คุยแล้วจบอย่างไร วงเงินไม่แน่ ขึ้นอยู่กับดีลว่าเล็กหรือใหญ่ ตอนนี้ SAMTEL คุยอยู่ คงเป็นธุรกิจด้านไอที"นายวัฒน์ชัย กล่าว

** SAMTEL ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 1 หมื่นลบ. โต 40%
สำหรับสายธุรกิจ ICT Solutions นำโดย SAMTEL ปัจจุบันมีงานในมือแล้ว 7,200 ล้านบาท โดยในปีที่ผ่านมา ได้ลงนามในสัญญาให้บริการระบบตรวจบัตรโดยสารขึ้นเครื่องกับท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย มูลค่า 2,279 ล้านบาท และยังได้งานเพิ่มอื่นๆ อีกจำนวน 60 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 7,000 ล้านบาท ??สำหรับปี 2558 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ 10,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นกว่า 40% โดยนอกเหนือจากงานโครงการซึ่งอยู่ในแผนที่จะเข้าประมูลในปี 58 รวมมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาทแล้ว ยังมีปัจจัยหนุนจากนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งจะก่อให้เกิดโอกาสทางธุรกิจตามมาอีกมาก อาทิ การขยายโครงข่ายการสื่อสาร, การส่งเสริมธุรกิจ e-Commerce ตลอดจนการพัฒนา e-Government Services เป็นต้น และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรองรับโอกาสทางธุรกิจดังกล่าว บริษัทฯ จึงได้กำหนดโครงสร้างธุรกิจใหม่ ประกอบด้วย??1. โซลูชั่นโครงสร้างเครือข่ายการสื่อสารโทรคมนาคม Network Infrastructure Solutions ,2. โซลูชั่นเทคโนโลยีประยุกต์ Enhanced Technology Solutions และ3. แอปพลิเคชั่นสนับสนุนการประกอบธุรกิจ Business Applications ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทฯ ยังได้วางเป้าหมายในการขยายฐานลูกค้าสู่ภาคธุรกิจเอกชนมากยิ่งขึ้น โดยอาศัยความเชี่ยวชาญทางด้าน ICT ที่ครบวงจร*

** กำไร SIM ทำ New high ต่อเนื่องในปีนี้
สายธุรกิจ Mobile Multi-media นำโดย SIM ตั้งเป้ารายได้ปีนี้จำนวน 13,000 ล้านบาท เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 58 บริษัทฯ จะเน้นกลยุทธ์ Partnership Marketing ในการขยายตลาดผ่านเครือข่ายพันธมิตร อาทิ สโมสรฟุตบอลชั้นนำ บริษัทผู้ให้บริการมือถือไม่ว่าจะเป็น AIS, DTAC, True ตลอดจนพันธมิตรทางด้านสื่ออย่าง Siam Sports เป็นต้น โดยจะมีการพัฒนาสินค้าและพ่วงบริการ Content ในรูปแบบเจ าะกลุ่ม หรือ Segmentation ทั้งนี้ คาดว่านอกเหนือจากยอดจำหน่ายมือถือที่จะเพิ่มสูงขึ้นแล้ว ยังจะก่อให้เกิดรายได้ประจำจากค่าบริการ Content อย่างต่อเนื่องอีกด้วย โดยบริษัทฯมีแผนที่จะเปิดตัวมือถือไอ-โมบาย Smart Phone จำนวน 25 รุ่น ซึ่งมีคุณสมบัติโดดเด่น เช่น การถ่ายภาพคมชัดและรองรับดิจิตอลทีวี ??บริษัทฯ มั่นใจว่าจะสร้างสถิติยอดจำหน่ายทะลุ 5.5 ล้านเครื่อง เพื่อก้าวขึ้นเป็นแบรนด์มือถือที่มียอดจำหน่ายสูงสุดในประเทศ และจะทุบสถิติกำไรสูงสุดอีกครั้งในปี 58

** เตรียมดัน "ไอสปอร์ต" เข้าตลาด mai กลางปี 58
บริษัทมีแผนนำ บริษัท ไอสปอร์ต จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(mai) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดเตรียมเอกสารเพื่อยื่นแบบไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เพื่อขอเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก(ไอพีโอ) ก่อนที่จะเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ คาดว่าจะเป็นช่วงกลางปีนี้?
"ไอสปอร์ต จะเป็นหนึ่งในคอนเทนต์กีฬาของเรา เราเห็นว่าต่อไปในอนาคตลิขสิทธิ์กีฬาจะแพงมากขึ้นเรื่อยๆ"นายวัฒน์ ชัย กล่าว??
ส่วนผลการดำเนินธุรกิจในปี 2557 สรุปว่าทุกสายธุรกิจเดินหน้าไปได้ด้วยดี แม้จะได้รับผลกระทบบ้างจากการชลอโครงการภาครัฐ แต่สายธุรกิจ ICT Solutions ก็สามารถได้งานเพิ่มจำนวนกว่า 60 โครงการ มูลค่ารวมเกือบ 7,000 ล้านบาท ด้านสายธุรกิจ Mobile Multimedia ประสบความสำเร็จจากยอดจำหน่าย Smart Phone ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างโดดเด่นและต่อเนื่อง โดยมียอดจำหน่ายในปี 57 ทั้งสิ้น 4.2 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 14% ยิ่งไปกว่านั้น ในปีที่ผ่านมาOTO หนึ่งในบริษัทลูก ซึ่งประกอบธุรกิจให้บริการ Call Center ครบวงจร ก็ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พร้อมขยายฐานธุรกิจสู่ต่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรมด้วยการเปิดสาขาแรกที่ประเทศกัมพูชา ??
นอกจากนี้ สายธุรกิจ U-Trans ยังประสบความสำเร็จในการเซ็นสัญญาโครงการพัฒนาประสิทธิภาพการจราจรทางอากาศกับกรมการบินพลเรือน ของประเทศสหภาพพม่า มูลค่า 3.92 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 120 ล้านบาท รวมทั้งได้เซ็นสัญญากับ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย เพื่อติดตั้งระบบอุปกรณ์บริการการจราจรทางอากาศของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มูลค่า 465 ล้านบาท และ เทด้าซึ่งเป็นบริษัทย่อยในกลุ่มนี้ ประสบความสำเร็จใน

*ดีบีเอสวิคเคอร์ส แนะซื้อ SAMART ให้ราคาพื้นฐาน 40 บาท
บทวิเคราะห์ บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส ระบุว่า การเติบโตจากบริษัทย่อยในกลุ่มคือ SIM และ SAMTEL ช่วยหนุน สำหรับ SIM คาดว่าจะมีการเติบโตของยอดขายปี 58 เป็น 10% คือ 5.5 ล้านเครื่อง แต่ในประมาณการเราให้ต่ำกว่าไว้ก่อนเป็น 5 ล้านเครื่อง ส่วน SAMTEL ก็มีโอกาสที่จะได้รับงานใหม่ๆหลายโครงการ คือ 1) APPS มูลค่า 3.8 พันล้านบาท ใน 4Q57 2) fiber optic ของการรถไฟ 2 พันล้านบาท ใน 4Q57 และ 3) trunk radios ของหน่วยงานตำรวจ มูลค่า 3 พันล้านบาท ใน 1Q58 ดังนั้นจึงคาดว่ายอดขายปี 58 ของ SAMTEL โต 27% y-o-y เป็น 9.4 พันล้านบาท
คาดว่าปี 58 จะมีข่าวดีที่เป็น Catalyst กับหุ้นหลายเรื่อง โดยเฉพาะของ Samart U-Trans ประการแรก คือ การเข้าไปลงทุนในธุรกิจควบคุมระบบจราจรทางอากาศที่ประเทศลาว ที่คาดว่าจะทำรายได้ 1 พันล้านบาทต่อปี และมีกำไรประมาณ 200 ล้านบาท (อัตรากำไรสุทธิที่ 20%) โดยดีลนี้คาดว่าจะตกลงได้ภายใน 1Q58 และ SAMART จะเริ่มงานได้ปลายปี 58 นอกจากนั้นบริษัทย่อยนี้จะรุกเข้าสู่ธุรกิจพลังงานด้านกระแสไฟฟ้า โครงการแรกเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ผลิตเชื้อเพลิงจากขยะจำนวน 20-30 MW ต้นทุนประมาณ 3.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อ MW และให้กำไรปีละ 5 แสนดอลลาร์ต่อปี เราคาดว่าโครงการนี้จะเริ่มได้ปี 60 และเพิ่มมูลค่าให้กับหุ้น SAMART ประมาณ 5 บาทต่อหุ้น แต่ยังไม่ได้ใส่ไว้ในราคาพื้นฐานเนื่องจากยังไม่ได้เซ็นสัญญารับงานอย่างแน่นอน
SAMART ออก W1 ให้กับผู้ถือหุ้นเดิม สัดส่วน 5 หุ้นเดิม ต่อ 1 W โดยเพิ่มทุน 201.3 ล้านหุ้นเพื่อรองรับการแปลงสภาพ (Warrant อายุ 3 ปี แปลงสภาพ 1 : 1 @ 45 บาท) ขึ้นเครื่องหมาย XW วันที่ 11 ก.พ.58 ทาง DBSV ประเมินมูลค่า SAMARTW1 ไว้ที่ 6.7-9.4 บาท (ใช้ราคาแม่ที่ 39 บาท) แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 40.00 บาท หลังจากได้รวมมูลค่าธุรกิจการควบคุมระบบจราจรทางอากาศที่ประเทศลาว ส่วนคาดการณ์อัตราผลตอบแทนเงินปันผลปี 58 ที่ 3%


 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com