April 20, 2024   6:12:41 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กองทริกเกอร์ดันSETรีบาวด์สั้น
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 30/03/2015 @ 08:36:04
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

โบรกฯ คาดดัชนีฯ สัปดาห์นี้รีบาวน์ทางเทคนิค หลังก่อนหน้าร่วงหนักกว่าภูมิภาค ได้วินโดว์ เดรสซิ่ง-เม็ดเงินทริกเกอร์ฟันด์-นายกฯ จ่อเลิกกฏอัยการศึก หนุนตลาด แต่แนะถือเงินสดรอเก็บหุ้นแบบจริงจังช่วงไตรมาส 2 ที่ระดับSETต่ำกว่า1480 จุด ชูหุ้นพื้นฐานที่ Outperform ก่อนสงกรานต์ MALEE-SST-TFD ด้าน"เอเซียพลัส"แนะหุ้นกำไรเด่น-อัตราปันผลสูง ชอบ SPALI ส่วน 2บลจ.มองเหมือนกัน ปีนี้เห็น 1700 จุด กำไรบจ.โต 12%


*** ทิสโก้ คาดสัปดาห์นี้รีบาวน์ ได้วินโดว์เดรสซิ่ง-กองทริกเกอร์-นายกฯจ่อเลิกอัยการศึกหนุน


บล.ทิสโก้ มองสัปดาห์นี้(30 มี.ค.–3 เม.ย.)เป็นสัปดาห์ที่ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสเกิดการรีบาวน์ทางเทคนิคสูง ด้วยปัจจัยสนับสนุนดังต่อไปนี้
1. หุ้นไทยที่ร่วงหนักกว่าหุ้นภูมิภาค น่าจะซึมซับข่าวร้ายพอสมควรแล้วในระยะสั้น - ความวิตกกังวลต่างๆ ที่กดดันราคาหุ้น อาทิ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศที่ล่าช้า แนวโน้มการหั่นประมาณกำไรปี 2015 ลงต่อเนื่อง การเสนอแผนปฏิรูปเศรษฐกิจของกรีซที่ยืดเยื้อ และโอกาสเกิดการปรับฐานของตลาดสหรัฐฯ จากความกังวลเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ ในปีนี้ และการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ฯ ที่อาจกระทบต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ เป็นต้น น่าจะซึมซับในราคาหุ้นไทย ณ ระดับปัจจุบันพอสมควรแล้วในระยะสั้น
โดยนับตั้งแต่ต้นเดือน มี.ค.ถึงวันที่ 26 มี.ค.(MTD)SET Index ลดลงอย่างรวดเร็ว -5.7% จากระดับ 1590 จุดในช่วงสิ้นเดือน ก.พ. มาแถวระดับ 1500 จุดในปัจจุบัน เทียบกับหุ้นในต่างประเทศที่ -1.6% สำหรับ MSCI Developed Market Index และ -0.5% สำหรับ MSCI FE ex. Japan Index
นอกจากนี้ จากการศึกษาข้อมูลในอดีต SET Index สัปดาห์นี้ร่วงเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกันแล้ว โอกาสที่ SET Index จะร่วงต่อในสัปดาห์นี้มีโอกาสเกิดขึ้นเพียง 1.9%
2. เม็ดเงินทริกเกอร์ฟันด์หลายกองจะทยอยไหลเข้าตั้งแต่ช่วงปลายสัปดาห์นี้ ต่อเนื่องจนถึงปลายสัปดาห์หน้า
โดยจากการรวบรวม มีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.)กว่า 5 แห่งอยู่ระหว่างการเสนอขายทริกเกอร์ฟันด์ รวมมีขนาดมูลค่ากว่า 8.3 พันล้านบาท อิงจากการเสนอขายทริกเกอร์ฟันด์สำเร็จในสัดส่วนราว 40-60% ที่เกิดขึ้นล่าสุดในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ คาดจะมีเม็ดเงินไหลเข้าจริงราว 3.3-5.0 พันล้านบาท
3. ผลกระทบ Window Dressing จากการศึกษาข้อมูลการซื้อขายรายไตรมาสนับตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา หากช่วงนี้ SET Index ยังยืนแถวระดับ 1500 จุดได้ จะมีโอกาสราว 71% ที่จะเกิดผลกระทบ Window Dressing ในไตรมาส 1 นี้ ซึ่งวัดจากราคาปิดก่อนวันที่ 25 ของเดือนที่สิ้นไตรมาส เทียบกับราคาปิด ณ สิ้นไตรมาส ที่มักจะมีความเคลื่อนไหวสอดคล้องกับผลตอบแทนของแต่ละไตรมาส
4. ราคาน้ำมันขึ้นช่วยหนุนหุ้นพลังงาน-โภคภัณฑ์ – วิกฤติเยเมน ซึ่งมีพื้นที่ติดกับซาอุดิอาระเบีย สร้างความกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันในแถบตะวันออกกลาง ส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกเริ่มขยับขึ้นมาอีกครั้ง เรามองจะช่วยหนุนราคาหุ้นพลังงาน-โภคภัณฑ์ ซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมราว 30% ของ SET เป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการดีดกลับระยะสั้น
5. โอกาสการยกเลิกใช้กฎอัยการศึก หลังจากที่นายกฯ ประยุทธ์ มีโอกาสพบเลขาธิการสหประชาชาติในสัปดาห์นี้ มีการหารือถึงความเป็นไปได้ในการยกเลิกใช้กฎอัยการศึก และหากฎหมายอื่นมาดูแลความมั่นคงแทน ซึ่งท่าทีล่าสุดของนายกฯ หลังกลับจากต่างประเทศ เล็งพิจารณาการยกเลิกใช้กฎอัยการศึก โดยอาจใช้มาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญชั่วคราวมาใช้แทน

*** แนะสะสมอย่างจริงจังเมื่อ SETต่ำกว่า1480จุด


บล.ทิสโก้ ระบุว่า เพื่อหวังการรีบาวด์ทางเทคนิคในสัปดาห์นี้(30 มี.ค.–3 เม.ย.) คือ (1) หุ้นเข้าข่ายการทำ Windows Dressing – แนะนำ BJC, ECF, EGCO, PS
(2) หุ้นที่ราคาร่วงลงเร็วโดยปัจจัยพื้นฐานไม่ได้เปลี่ยนแปลงมาก เปิดโอกาสการเทรดดิ้งระยะสั้น – แนะนำ SIM, SAMART, ITD, LPN (3) หุ้น 3 สูง (สภาพคล่อง, Beta และ upside) น่าจะเป็นเป้าหมายเข้าลงทุนของเม็ดเงินทริกเกอร์ฟันด์ – แนะนำ CK, PTTEP, STEC, TPIPL, TRUE (4) หุ้นพื้นฐานที่มัก Outperform ในช่วงก่อนสงกรานต์ แนะนำ MALEE, SST, TFD

อย่างไรก็ตาม ภาพการลงทุนโดยรวมในช่วงไตรมาส 2/15 เรายังคงมอง SET Index มีโอกาสหลุด 1500 จุดสูง จากแนวโน้มประมาณการเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ยังถูกหั่นลงอยู่ ส่งผลให้การประเมินมูลค่าหุ้นไทยในระยะถัดไปยังคงตึงตัวอยู่
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนหลัก เรายังแนะนำถือเงินสดในสัดส่วนที่มากกว่าการถือครองหุ้น โดยจะเริ่มหาจังหวะทยอยสะสมอย่างจริงจังเมื่อ SET Index ต่ำกว่าระดับ 1480 ลงมาก่อน


*** บลจ.วรรณ คาดเห็น 1450จุดก่อนสงกรานต์ หลังจากนั้นเจอกันที่ 1600


ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า สภาวะตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ อาจมีโอกาสที่จะเกิด Window Dressing ได้ แต่จะไม่สามารถผลักดันดัชนีฯ ได้อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากสัดส่วนการซื้อขายของนักลงทุนสถาบันมีไม่มาก ขณะที่กองทุนทริกเกอร์ ฟันด์ ที่มีการเปิด ในสัปดาห์ก่อนมีเม็ดเงินรวมกันเพียง 3 พันล้านบาท ซึ่งไม่น่าจะมีนัยต่อดัชนีฯ มากนัก
ดร.วิน ประเมินว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทย มีโอกาสลงไปทดสอบแนวรับที่ระดับ 1,450 จุด เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ชะลอการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงในช่วงเทศกาลสงกรานต์ซึ่งเป็นวันหยุดยาว อีกทั้งยังได้รับผลกระทบจากการซึมตัวของตลาดหุ้นทั่วโลก ส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่เคยอยู่ 5 หมื่นล้านบาท มาอยู่ที่ 3 หมื่นล้านบาทในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องจับตาทิศทางการลงทุนช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์ที่คาดว่าจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากได้สะท้อนปัจจัยลบจากการปรับตัวลงของตัวเลขเศรษฐกิจไปพอสมควรแล้ว และยังเชื่อว่าจะมีปัจจัยบวกจากการประกาศตัวเลขผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส1/58 ที่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนบรรยากาศการลงทุนให้กลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง
โดยคาดว่าดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสแตะที่ 1,600 จุด ได้ในช่วงหลังสงกรานต์ ส่วนสิ้นปีเชื่อว่าดัชนีมีโอกาสทดสอบ 1,700 จุด ภายใต้อัตราส่วนกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ที่ 101-121บาทต่อหุ้น
สำหรับกลยุทธ์ในการลงทุน แนะนักลงทุนทยอยซื้อในช่วงตลาดปรับฐานที่ระดับ1,450-1,470 จุด แนะนำ กลุ่มสื่อสารที่มีปันผลสูงและจะได้รับผลบวกจากเรื่อง 4G , กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ,กลุ่มก่อสร้าง และ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์


*** บลจ.กสิกรไทย อาศัยจังหวะหุ้นร่วง เล็งออกกองทริกเกอร์ฯ สัปดาห์นี้

นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า หลังจากดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง จนหลุดแนวรับที่ 1,500 จุด โดย ณ วันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา ดัชนีลดลง 1.08% ปิดที่ระดับ 1,496.41 จุด ซึ่งถือว่าลงมาต่ำที่สุดในรอบเกือบ 3 เดือน โดยสาเหตุหลักๆ คาดว่าจะมาจากปัจจัยภายในประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังคงมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ล่าช้ากว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ทั้งในภาคการลงทุนและการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ รวมถึงภาคการส่งออกที่ยังคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีสาเหตุมาจากเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าของไทยที่มีการขยายตัวต่ำกว่าที่คาด ประกอบกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีการปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก
อย่างไรก็ตาม บลจ.กสิกรไทยยังคงมีมุมมองในเชิงบวกต่อการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นไทยในช่วงปลายปี โดยยังคงเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปลายปี 2558 ที่ระดับ 1,700 จุด ด้วยอัตราส่วน P/E ที่ระดับ 16.5 เท่า และมองแนวโน้มอัตราการเติบโตของผลกำไรปกติของบริษัทจดทะเบียนที่ 12% เพราะเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ที่จะได้รับปัจจัยบวกหลายด้านทั้งภายในและภายนอกประเทศ อาทิ ความเชื่อมั่นต่อภาครัฐในการเร่งกระตุ้นการใช้จ่ายงบประมาณต่างๆ และการเร่งดำเนินโครงการโครงสร้างพื้นฐานให้มีความคืบหน้าและเห็นชัดเจนเป็นรูปธรรมมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะส่งผลบวกต่อความเชื่อมั่นทั้งการลงทุน และการบริโภคของภาคเอกชนต่อไป
โดย บลจ.กสิกรไทยมองว่า กลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าจะได้รับประโยชน์ อาทิ หุ้นในกลุ่มสื่อสาร ที่จะได้รับประโยชน์จากความชัดเจนของการประมูล 4G หุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวยังคงเข้ามาในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงหุ้นในกลุ่มก่อสร้าง ที่จะได้รับประโยชน์จากโครงการโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐฯ
นอกจากนี้ ปัจจัยภายนอกประเทศ ยังได้รับอานิสงส์มาจากสภาพคล่องในตลาดโลก ที่ยังอยู่ในระดับสูง ทั้งจากธนาคารกลางยุโรปและธนาคารกลางญี่ปุ่น ที่ได้ดำเนินมาตรการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบผ่านการเข้าซื้อสินทรัพย์ หรือจากธนาคารกลางในหลายๆ ประเทศ อาทิ จีน อินเดีย เกาหลีใต้ และอินโดนีเซีย ที่ยังคงดำเนินมาตรการการเงินแบบผ่อนคลาย รวมถึงโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา มีแนวโน้มที่อาจจะชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยออกไป
ทั้งนี้ จากปัจจัยที่กล่าวมา บลจ.กสิกรไทย อาศัยจังหวะที่น่าสนใจนี้ เตรียมเปิดเสนอขายกองทุนทริกเกอร์หุ้นไทย ซึ่งคาดว่าจะเปิดขายได้ในช่วงสัปดาห์หน้า เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจจากการปรับตัวของตลาดหุ้นไทยในระยะต่อไปได้

*** เอเซียพลัส ให้เน้นลงทุนหุ้นที่กำไรเด่น แถมปันผลสูง

บล.เอเซียพลัส ระบุว่า นักลงทุนควรทยอยเข้าซื้อหุ้นรอบใหม่ที่ระดับ SET Index ช่วง 1442 - 1485จุด จึงจะได้ผลตอบแทนที่คุ้มกับความเสี่ยง ทั้งนี้ ประเมินจากแนวคิด 2 ประการภายใต้สมมุติฐานว่า EPS ของบริษัทจดทะเบียนงวดปี 2558 น่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 103 บาท/หุ้น
แนวคิดแรก มาจากความเชื่อที่ว่าระดับค่า PER ที่เหมาะสมสำหรับตลาดหุ้นไทยน่าจะอยู่ที่ 16 เท่า ซึ่งบนสมมติฐานดังกล่าว จะให้ค่า SET Index เป้าหมาย ณ สิ้นปี 2558 ที่ราว 1650 จุด หากนักลงทุนต้องการผลตอบแทนการลงทุนจากปัจจุบันจนถึงสิ้นปี 2558 ที่ประมาณ 10% ระดับ SET Index ที่เข้าซื้อก็ควรมีส่วนลดจากเป้าหมาย 1650 จุด 10% เช่นกัน ซึ่งก็จะได้เป้าหมายการเข้าซื้อที่บริเวณ 1485 จุด

แนวคิดที่ 2 หากกำหนดให้ SET Index ถูกกดดันอย่างหนัก จนระดับค่า PER ลงไปเหลือระดับต่ำเพียง 14 เท่า ภายใต้สมมุติฐานว่า EPS บริษัทจดทะเบียนที่ราว 103 บาท ก็จะได้ระดับดัชนีเหมาะสมที่ราว 1442 จุด ซึ่งก็น่าจะถือเป็นจุดที่จำกัดความเสี่ยงในการลงทุนได้ระดับหนึ่ง
สำหรับตัวเลือกการลงทุนจะเน้นหุ้นที่มีอัตราการเติบโตของผลประกอบการที่โดดเด่น และควรให้ Dividend Yield ระดับสูงควบคู่ไปด้วย อย่างเช่น SPALI (FV@B 31.96) เป็นต้น ซึ่งเหมาะสมสำหรับการลงทุนระยะยาว ส่วนการเก็งกำไรระยะสั้นอาจเลือกหุ้นชุดที่มักจะสร้างผลตอบแทนการลงทุนสูงในช่วงเดือน เมษายน ของแต่ละปี เช่น GUNKUL (FV@B 38.75) และ RCL (FV@B 13.10)


*** นายกฯ เตรียมออกคำสั่งฉบับใหม่ใช้ ม.44 แทนกฎอัยการศึก


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษา สงบแห่งชาติ(คสช.) เปิดเผย ภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)สัญจร ที่หัวหิน เมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า เตรียมจะใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราวปี 57 ออกคำสั่งมาใช้ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย แทนกฎอัยการศึก
"ผมเตรียมจะใช้อำนาจตามมาตรา 44 แทนกฎอัยการศึก โดยจะเป็น คำสั่งฉบับใหม่มาดูแลสถานการณ์ให้ทำงานได้ ส่วนจะมีผลเมื่อไหร่ ก็ต่อเมื่อทรง มีพระปรมาภิไธย...ตอนนี้ยังไม่ได้ ผมขอรอดูสถานการณ์ก่อน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ทั้งนี้ ถ้าคำสั่งของ คสช.ดังกล่าวออกมาแล้ว ก็พร้อมจะรับผิดชอบทุกอย่าง เพราะเป็นผู้ดูแลสถานการณ์
อนึ่ง ตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 57 มาตรา 44 ได้ให้อำนาจ คสช.ใน การดำเนินการต่างๆ ทั้งการออกคำสั่งหรือประกาศ หากเกิดเหตุจำเป็นฉุกเฉิน เพื่อ เป็นการป้องกัน ระงับหรือปราบปรามการกระทำที่เป็นการบ่อนทำลายความสงบ เรียบร้อย หรือความมั่นคงของชาติ สถาบัน เศรษฐกิจ รวมถึงเพื่อประโยชน์ในการ ปฏิรูปด้านต่างๆ และการส่งเสริมความสามัคคี และความสมานฉันท์ของคนในชาติด้วย


-----------------------------------------------------------
ทริกเกอร์ฟันด์ที่กำลังเสนอขายอยู่ในขณะนี้*

บลจ. ชื่อกองทุน ขนาด(ลบ.) ช่วงเวลาเสนอขาย ช่วงเวลาทริกเกอร์ NAVเป้าหมาย
T-FUND T-Challenge23 2,000 16-24 มี.ค. ภายใน 1 ปี 10.7100
KTAM TRIG5-5 1,000 20-26 มี.ค. ภายใน 6 เดือน 10.5555
UOBAM T3P3(11) 3,300 25-27 มี.ค. ภายใน 1 ปี 10.6000
SCBAM SCBTG3P3D 1,000 26-30 มี.ค. ภายใน 7 เดือน 10.8508
LHFUND LHPROUD6% 1,000 23 มี.ค.-1เม.ย. ภายใน 10 เดือน 10.7200
รวม 8,300

* รวบรวมโดย บล.ทิสโก้



 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com