April 20, 2024   6:58:57 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > PTTEPจ่อโชว์งบQ1กำไรวูบ58%
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 21/04/2015 @ 08:26:29
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

โบรกฯ ประสานเสียง คาดงบ PTTEP ไตรมาส 1/58 มีกำไร 5.2-7.3 พันล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 16- 58% เหตุปริมาณและราคาขายปิโตรเลียมลดลง แถมมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ด้าน บล.ทรีนีตี้ชี้ราคาหุ้นซึมซับข่าวร้ายและผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว รอผลงานฟื้นตัวครึ่งปีหลัง ตามทิศทางราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ขณะที่หลายโบรกเกอร์แนะนำซื้อ ให้ราคาเหมะสมระหว่าง 129-137 บาท *** บล.กรุงศรี คาด PTTEP โชว์กำไร Q1/58 ลดลง 55% บริษัทหลักทรัพย์(บล.)กรุงศรี คาดการณ์งบไตรมาส 1/58 ของ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)หรือ PTTEP มีกำไรสุทธิเท่ากับ 5.60 พันล้านบาท พลิกจากขาดทุนสุทธิ 2.44 หมื่นล้านบาท ใน 4Q57 แต่ลดลง 55% YoY แต่หากไม่รวมผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการที่ค่าเงินดอลลาร์แคนาดาและค่าเงินเรียลบราซิลอ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ คาดมีกำไรจากการดำเนินงาน 6.44 พันล้านบาท (+17% QoQ, -49% YoY) ทั้งนี้ เป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายตัดจำหน่ายหลุมแห้งลดลง หนุนกำไรจากการดำเนินงาน??แม้เราคาดว่าปริมาณขายปิโตรเลียม 1Q58 ลดลงเหลือ 324,721 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ/วัน (-6% QoQ, +9% YoY) เนื่องจากปริมาณขายลดลงของแหล่งมอนทาราและการปิดซ่อมบำรุงของแหล่งไพลินเป็นเวลารวม 16 วัน พร้อมด้วยราคาขายเฉลี่ยลดเหลือ US$48.8/บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ (-14% QoQ, -25% YoY) ตามการลดลงของราคาน้ำมันดิบทั่วโลก (ดูไบ US$52.4/บาร์เรล, -30% QoQ, -50% YoY) อีกทั้งต้นทุนการผลิตต่อหน่วยลดลงเพียงเล็กน้อยเหลือ US$42/บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ (4Q57 เท่ากับ US$46.9 และ 1Q57 เท่ากับ US$37.4) เนื่องจากมีการบันทึกค่ารื้อถอนอุปกรณ์การผลิต (Decommissioning Cost) ของโครงการต่างๆ เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ผลประกอบการขยายตัว QoQ ได้แรงหนุนจากการบันทึกค่าใช้จ่ายตัดจำหน่ายหลุมแห้งลดเหลือเพียง 98 ล้านบาท หรือ US$3 ล้าน เทียบกับ 4Q57 ที่มีค่าใช้จ่ายสูงถึง 3.63 พันล้านบาท หรือ US$102.7 ล้านคงประมาณการกำไรสุทธิปี 58 ขณะที่ประมาณการกำไรสุทธิปี 58 เท่ากับ 3.06 หมื่นล้านบาท (+42% YoY) หากไม่รวมผลขาดทุนจากการด้อยค่าของโครงการมอนทาราและโครงการออยแซนด์รวม 3.28 หมื่นล้านบาท (US$997 ล้าน) ในปี 57 คาดว่ากำไรสุทธิปี 58 จะหดตัว -40% YoY ซึ่งเป็นผลจากราคาขายปิโตรเลียมลดเหลือ US$49.6/บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ (-22% YoY) ตามสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบของเราที่ US$60/บาร์เรล (-38% YoY) และราคาขายก๊าซธรรมชาติเท่ากับ US$7.7/ล้านบีทียู (-4% YoY) ขณะที่ประเมินว่าปริมาณขายปิโตรเลียมขยายตัวเล็กน้อยเป็น 325,850 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ/วัน (+3% YoY) จากการผลิตเต็มปีของโครงการซอติก้าและการเริ่มผลิตของโครงการอัลจีเรีย อย่างไรก็ดี คาดว่าผลประกอบการรายไตรมาสมีโอกาสทยอยฟื้นตัวใน 2H58 ด้วยแรงหนุนของการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบ จากความเป็นไปได้ในการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศ OPEC และ Non-OPEC รวมถึงความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาลและการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก จึงยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" เพราะความเสี่ยงขาลงราคาหุ้นจำกัด??ประเมินมูลค่าพื้นฐานเท่ากับ 131.0 บาท (DCF, WACC 11.6%, Terminal growth rate 2%) ทั้งนี้ จากการทำ Sensitivity Analyst พบว่าราคาน้ำมันดิบที่เปลี่ยนแปลง US$10/บาร์เรล จะมีผลกระทบต่อประมาณการผลประกอบการของเรา 17% และมูลค่าพื้นฐาน 11% *** บล.เคเคเทรด เล็งหั่นกำไรปีนี้ หลังปริมาณ-ราคาขายปิโตรเลียมลดลง ด้านบล.เคเคเทรด ระบุว่า PTTEP จะมีผลการดำเนินงานที่พลิกกลับมาเป็นกำไรในช่วง 1Q58 เนื่องจากไม่มีการตั้งค่าใช้จ่ายด้อยค่าสินทรัพย์จำนวนมากเหมือน 4Q57 ที่ผ่านมา แต่การฟื้นตัวยังถูกจำกัดด้วยราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ยังคงลดลง 29%QoQ กระทบราคาขายเฉลี่ยผลิตภัณฑ์ของบริษัท ทำให้เราคาดว่าบริษัทจะมีผลการดำเนินงานพลิกกลับมาเป็นกำไรสุทธิที่ 5.2 พันล้านบาท แต่ลดลง 58%YoY โดยคาดว่าบริษัทจะมียอดขายอยู่ที่ 325 พันบาร์เรลต่อวัน (KBD) ลดลง 6.5%QoQ เนื่องจากยอดขายจากโครงการมอนทาราที่ลดลง รวมทั้งการหยุดซ่อมโครงการไพลิน ส่วนราคาขายเฉลี่ยผลิตภัณฑ์อยู่ที่ 47.6 เหรียญต่อบาร์เรล ลดลง 16%QoQ เป็นไปตามทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ลดลง โดยราคาขายก๊าซฯ ยังคงทรงตัวใกล้เคียงระดับ 8 เหรียญต่อล้านบีทียู (MMBTU) อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบที่ลดลงกว่า 37% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา จะทำให้การประกาศราคาก๊าซฯ ในรอบเดือน เม.ย. นี้ ลดลง เพิ่มโอกาสที่จะเห็นกำไรสุทธิ 2Q58 อ่อนตัว QoQ จากราคาขายเฉลี่ยผลิตภัณฑ์ที่คาดว่าจะลดลงจาก 47.6 เหรียญต่อบาร์เรลที่เราคาดหมายไว้ใน 1Q58 โดยสัดส่วนยอดขายผลิตภัณฑ์ก๊าซฯ คิดเป็น 70% ของยอดขายทั้งหมด ด้านยอดขายเรามองว่าจะทรงตัว QoQ จากแหล่งก๊าซฯ ในพม่า ที่จะหยุดซ่อมตามฤดูกาล หากเป็นไปตามคาดมีโอกาสที่เราจะปรับลดประมาณการในอนาคต เนื่องจากกำไรสุทธิ 1H58 จะคิดเป็นเพียง 35% - 40% ของประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี 2558 ที่เราคาดหมายไว้ที่ 3.4 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ ราคาหุ้น PTTEP ในเดือน เม.ย. ปรับเพิ่มกว่า 13% ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัว แต่เรามองเป็นเพียงการฟื้นตัวระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงเดิม (อุปทานส่วนเกิน) ที่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบยังไม่คลี่คลาย ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเริ่มอ่อนตัว ทำให้เราคาดว่าราคาหุ้นมีโอกาสถูกขายทำกำไรระยะสั้น แม้คำแนะนำเชิงพื้นฐานเรายังคง “เก็งกำไร” จาก upside ที่ยังมีกว่า 11% ก็ตาม*** โกลเบล็ก แนะนำซื้อ ให้ราคาเหมาะสม 137 บาท บล.โกลเบล็ก คาดว่า PTTEP จะรายงานผลประกอบการ 1Q58 ราว 6.3 พันล้านบาท -49%YoY และ +126% QoQ จากปริมาณการผลิตที่ลดลงประมาณ 20 พันบาร์เรลต่อวัน (KBD) หรือลดลงราว 6%QoQ และราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงราว 14%QoQ กดดันให้รายได้ปรับตัวลง ในขณะที่ทางฝั่งต้นทุนปรับตัวลง 6% จากค่าภาคหลวงและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลง นอกจากนี้ยังมีขาดทุนจากการแปลงค่าเงิน 55.35 ล้านบาท อย่างไรก็ตามที่กำไร 1Q58 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 126%QoQ เนื่องจากไม่มีค่าการด้อยค่าในแหล่งมอนทาราและ Oil Sands ที่เกิดขึ้นใน 4Q57 จึงส่งผลให้กำไรเติบโตสูง รายได้ปรับตัวลง 20% QoQ จากปริมาณการผลิตที่ลดลงประมาณ 20 KBD จากแหล่งมอนทาราที่ทำการผลิตลดลงประมาณ 10 KBD และแหล่งเอราวัณที่มีการปิด Gas Station เป็นเวลารวม 16 วันส่งผลให้กำลังการผลิตลดลงประมาณ 10 KBD จึงส่งผลให้ใน 1Q58 PTTEP มีกำลังผลิตเหลือเพียง 326 KBD ลดลง 6% QoQ ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยใน 1Q58 อยู่ที่ 51.8 $/bbl ลดลง 14% จากใน 4Q58 กดดันให้รายได้ปรับตัวลงสู่ 46,969 ล้านบาทลดลง 20% QoQ ต้นทุนการผลิตปรับตัวลง 6%QoQ ต้นทุนในการผลิตส่วนใหญ่ยังทรงตัวในระดับเดียวกับใน 4Q57 มีเพียงค่าภาคหลวงที่ปรับตัวลงตามรายได้ และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลงตามภาวะฤดูกาลช่วยให้ต้นทุนการผลิตลดลง 2.6 $/bbl สู่ระดับ 38.88 $/bbl ซึ่งลดลง 6% QoQ อีกทั้งมีการตัดจำหน่ายหลุมแห้งอีก 3 หลุมซึ่งเป็นหลุมในประเทศไทยมูลค่ารวม 97.68 ล้านบาท ขาดทุนจากการแปลงค่าเงิน 55.35 ล้านบาท ใน 1Q/58 มีกำไรจากการที่เงินบาทแข็งค่าประมาณ 781.44 ล้านบาท แต่มีการขาดทุนจากการแปลงงบการเงินของสินทรัพย์ที่อยู่ในประเทศบราซิลจำนวน 413.51 ล้านบาท และมีขาดทุนจากแปลงหนี้สินในสกุลเงินแคนาดาเป็นเงินกู้ที่มีลักษณะคล้ายทุน (Hybrid Bond) มีผลขาดทุนอีก 423.28 ล้านบาทส่งผผลให้ในอนาคตจะไม่ต้องรับผลกระทบจากค่าเงินแคนาดา แนะนำ "ซื้อ"โดยมีราคาเป้าหมายปี 58 ที่ 137 บาท มองว่า Down Side Risk ค่อนข้างต่ำหลังราคาน้ำมันเริ่มพักฐานในกรอบ 45-55 $/bbl ได้ แนวโน้มในปี 58 ต่อจากนี้ยังมองกำไรน่าจะทรงตัวเนื่องจากราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับต่ำคอยกดดันแม้ว่าปริมาณการผลิตจะเพิ่มขึ้นก็ตาม นอกจากนี้ยังมีการปรับประมาณการกำไรทั้งปี 58 เพิ่มขึ้น 1,542 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 7.5% เป็น 22,057 ล้านบาทเติบโต 2.6%YoY จากการควบคุมต้นทุนที่ทำได้ดีขึ้น โดยฝ่ายวิจัยประเมินราคาเหมาะสมด้วยวิธี PBV อิง Prospective PBV ที่ 1.4 เท่าจะได้ราคาเหมาะสมปี 58 ที่ 137 บาท ซึ่งยังสูงกว่าราคาปิดล่าสุด *** ทรีนีตี้ ชี้ราคาหุ้นผ่านจุดต่ำสุดแล้ว บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า ผลการดำเนินงานหลัก 1Q58 ของ PTTEP ยังอ่อนตัว แต่เชื่อราคาหุ้นผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว?แนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมาย 129 บาท ด้วยปัจจัยดังนี้ (1) PBV อยู่ในระดับต่ำเพียง 1 เท่า (2) เชื่อราคาหุ้นผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว แม้ทิศทางราคาน้ำมันดิบยังถูกกดดันจากอุปทานส่วนเกิน (3) คาดราคาน้ำมันดิบจะเริ่มฟื้นตัวในช่วง 2H58 หลังอัตราการใช้ Rig และการสำรวจและขุดเจาะปรับตัวลดลง (4) ความคืบหน้าการเจรจาปัญหานิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านกับชาติมหาอำนาจ ยังไม่ส่งผลกดดันราคาน้ำมันดิบในระยะสั้น ซึ่งเรามองว่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3-6 เดือน กว่าน้ำมันดิบจากอิหร่านจะออกสู่ตลาด สำหรับผลประกอบการ 1Q58 คาดกำไรสุทธิที่ 7,360 ล้านบาท โดยในไตรมาสนี้คาดว่าจะไม่มีการบันทึกรายการด้อยค่า ประเมินปริมาณและราคาขายผลิตภัณฑ์ลดลง 6% และ 14% QoQ1Q58 คาดกำไรสุทธิ 7,360 ล้านบาท พลิกเป็นกำไรจากไตรมาสก่อนหน้า?ในไตรมาสนี้ คาดว่าจะไม่มีการบันทึกด้อยค่าสินทรัพย์ (4Q57 บันทึกด้อยค่า ราว 3.9 หมื่นล้านบาท) แม้แนวโน้มราคาน้ำมันดิบยังปรับตัวลดลงต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เราประเมินกำไรปกติที่ 8,197 ล้านบาท -9.7%QoQ -16.2%YoY เป็นผลมาจาก (1) ปริมาณการผลิตลดลง 6% QoQ (2) ราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยปรับตัวลดลง ราว 14% QoQ (3) ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนบนสกุลเงิน CAD/USD และสินทรัพย์ที่ประเทศบราซิล ราว 837 ล้านบาท?ด้านผลประกอบการหลัก คาดปริมาณขายที่ 326KBOED -6%QoQ +8.9%YoY เนื่องจากแหล่งมอนทารามีการผลิตลดลง ขณะที่แหล่งไพลิน หยุดซ่อมบำรุงตามแผนเป็นระยะเวลา 16 วัน อย่างไรก็ตาม ราคาขายก๊าซจากแหล่งซอติก้าคาดว่าตั้งแต่ 1Q58 เป็นต้นไป จะกลับมาอยู่ที่ 11 เหรียญฯต่อล้านบีทียู จากระดับ 8.2 เหรียญฯต่อล้านบีทียู หลังจากถูกปรับจากความล่าช้าของโครงการในช่วงปลายปี 57 โดยภาพรวม คาดราคาขายเฉลี่ยปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันดิบ ประเมินที่ 48.62 เหรียญฯต่อบาร์เรล -14%QoQ -24.6 %YoY (คาดราคาก๊าซเฉลี่ยที่ 8.1 เหรียญฯ +0.5%QoQ +6%YoY)คาดผลการดำเนินงานทรงตัวในช่วงที่เหลือของปี แม้จะได้ปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นจากแหล่ง Algeria (20KBD) ในช่วง 2H58 แต่เรามองว่าแนวโน้มผลประกอบการน่าจะยังคงทรงตัว หลังสถานการณ์ตลาดน้ำมันดิบยังถูกกดดันจากอุปทานส่วนเกินและสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเรามองว่าราคาน่าจะฟื้นตัวได้ในช่วง 2H58 หลังการสำรวจและขุดเจาะส่งสัญญาณชะลอตัวมาระยะหนึ่งแล้ว ประกอบการอัตราการใช้ Rig ยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องแม้ปรับลดประมาณการ แต่ราคาสะท้อนปัจจัยลบไปแล้ว แนะนำ "ซื้อ" ทั้งนี้ เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 58-59 เหลือ 28,291 ล้านบาท (-45%) และ 31,024 ล้านบาท (-52%) โดยเราใช้สมมติฐานราคาขายเฉลี่ยทั้งปีที่ 50 เหรียญฯต่อบาร์เรล และ 53 เหรียญฯต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าราคาหุ้นได้ทำจุดต่ำสุดไปแล้ว แม้แนวโน้มราคาน้ำมันดิบยังถูกกดดันการอุปทานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประเมินราคาเป้าหมายที่ 129 บาท แนะนำหาจังหวะ "ซื้อ" รอการฟื้นตัวราคาน้ำมันดิบช่วง 2H58


เรียบเรียง โดย ประน้อม บุญร่วม อีเมล์. reporter@efinancethai.com




 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com