April 24, 2024   11:39:37 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > SAMARTงานทะลัก1.5หมื่นลบ.
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 14/05/2015 @ 08:27:12
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

"สามารถคอร์ปอเรชั่น" มั่นใจปีนี้ได้งานโครงการใหม่ มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท สูงสุดในรอบ 5 ปี หลังรัฐเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน รองรับเศรษฐกิจดิจิทัล เผยสิ้นปีสรุปราคาขายไฟฟ้าถ่านหินให้ กฟผ.กำลังผลิต 2,000 MW คาดช่วยดันรายได้ 5 ปี ทะลุ 1 แสนล้านบาท ระบุรัฐประมูล 4G เปิดโอกาสธุรกิจ เล็งจับมือพาร์ทเนอร์ทำ MVNO หนุนยอดขายมือถือ ด้านงบ Q1/58 มีกำไร 273 ล้านบาท ต่ำสุดของปี เชื่อ Q2/58 กลับมาดีขึ้น

*** จ่อคว้างานใหม่ 1.5 หมื่นลบ.สูงสุดในรอบ 5 ปี
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)หรือ SAMART เปิดเผยว่า ความพยายามของภาครัฐในการเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ส่งผลให้กลุ่มบริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน)หรือ SAMTEL ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ SAMART มีโอกาสได้งานโครงการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในครึ่งปีแรกมั่นใจว่าจะได้สัญญาโครงการใหม่มูลค่ารวม 7,000 ล้านบาท และในครึ่งปีหลังอีก 8,500 ล้านบาท สรุปแล้วในปี 58 จะเป็นปีที่ SAMTEL จะได้งานใหม่กว่า 1.5 หมื่นล้านบาท ทุบสถิติสร้างมูลค่าสัญญาที่เซ็นได้สูงสุดได้รอบ 5 ปี ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) แล้ว 6,100 ล้านบาท โดยตั้งเป้า Backlog ปีนี้จะไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท


*** ตั้งเป้า 5 ปีรายได้แตะ 1 แสนลบ.
นายวัฒน์ชัย กล่าวว่า บริษัทฯ มีเป้าหมายในการสร้างธุรกิจให้เติบโตยั่งยืนด้วยรายได้ประจำ จึงวางเป้าหมายยาวให้ภายใน 5 ปี กลุ่มสามารถ จะมีรายได้แตะ 1 แสนล้านบาท จากเป้าหมายที่ท้าทายทำให้ทุกสายธุรกิจ ต้องเร่งปรับกลยุทธ์และเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน ซึ่งก็เริ่มเห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเฉพาะในธุรกิจพลังงาน อย่างไรก็ตาม การที่ภาคธุรกิจจะขยายตัวได้มากน้อยแค่ไหนนั้น ต้องอาศัยการขับเคลื่อนจากภาครัฐ โดยเชื่อว่าจากนโยบายภาครัฐที่มุ่งให้ประเทศเข้าสู่ยุค “ดิจิตอล อิโคโนมี” การให้ความสำคัญกับพลังงานทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งและคมนาคม จะเป็นตัวผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งรวมถึงธุรกิจของกลุ่มสามารถด้วย

*** ทุ่มแสนลบ.ผุดโรงไฟฟ้าถ่านหินในกัมพูชา 2,000 MW
นายวงศ์กฤษณ์ เจียมศรีพงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ SAMART เปิดเผยว่า บริษัทฯคาดว่าจะสรุปราคารับซื้อไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ประเทศกัมพูชาขนาด 2,000 เมกวัตต์ กับทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ได้ภายในปีนี้ โดยเบื้องต้นจะขายไฟให้กับ กฟผ. 90% และอีก 10% ขายในกัมพูชา ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าดังกล่าวจะใช้เงินลงทุน 1 แสนล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากการนำบริษัท ยูทรานส์ จำกัด ซึ่ง SAMART ถือหุ้น 100% และจะนำเข้าจดทะเบียนใน SET ในอีก 3-4 ปีข้างหน้า และเงินที่ได้จากการเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิ (วอร์แรนต์) รวมถึงเงินที่ได้จากพันธมิตรที่เข้ามาร่วมลงทุนในโรงไฟฟ้าดังกล่าว
นอกจากนี้ บริษัทฯคาดว่าจะใช้เงินลงทุนโรงไฟฟ้าขยะปีนี้ 3 พันล้านบาท จำนวน 24 เมกะวัตต์ โดยแบ่งเป็น โรงไฟฟ้าขยะที่เชียงใหม่ขนาด 8 เมกะวัตต์ ซึ่งจะใช้เงินลงทุนเมกะวัตต์ 150 ล้านบาท และโรงไฟฟ้าอีก 2 แห่งอยู่ระหว่างการเจรจา จะมีกำลังการผลิตโรงละ 8 เมกะวัตต์

*** 4G เปิดโอกาสทางธุรกิจ-จับมือพาร์ทเนอร์ทำ MVNO
นายวัฒน์ชัย กล่าวว่า การประมูล 4G ที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ ก็ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจ แต่บริษัทฯจะไม่เข้าไปร่วมประมูลเอง อาจจะเป็นลักษณะการเป็นพันธมิตรกับผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาต เพื่อนำโทรศัพท์มือถือที่รองรับ 4G ไปจำหน่ายแทน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นยอดขายสมาร์ทโฟนได้เป็นอย่างดี กลยุทธ์หลักของไอ-โมบาย จึงมุ่งเน้นทั้งการนำเสนอมือถือคุณภาพสูงและการให้บริการหลังการขายที่ดี เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค และสร้างความแตกต่างจากแบรนด์จีนที่กำลังทะลักเข้ามาแข่งขันในตลาดบ้านเรา นอกจากนี้กลุ่มสามารถอาจเข้าไปให้บริการในลักษณะ Mobile Virtual Network Operator หรือ MVNO

*** ไตรมาส 1/58 มีกำไร 273 ลบ.
นายวัฒน์ชัย กล่าวว่า สำหรับภาพรวมผลประกอบการของกลุ่มบริษัทสามารถ ในไตรมาสแรกของปี 2558 มีรายได้รวม 4,801 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 273 ล้านบาท โดย สายธุรกิจ ICT Solutions มีรายได้ 1,375 ล้านบาท กำไรสุทธิ 120 ล้านบาท มูลค่างานที่ได้เซ็นสัญญาในไตรมาสแรกรวม 533 ล้านบาท อาทิ โครงการพัฒนาศักยภาพด้านความปลอดภัยกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี โครงการขยายระบบห้องประชุมทางไกลของกระทรวงสาธารณสุข โครงการติดตั้งอุปกรณ์ DWDM ให้กับ บมจ.กสท โทรคมนาคม เป็นต้น ส่วนโครงการที่มีโอกาสสูงที่คาดว่าจะได้เซ็นสัญญาในไตรมาสสองนั้น มีมูลค่ารวมถึง 6,400 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการที่เป็นส่วนต่อขยาย ได้แก่ โครงการกรมที่ดิน รวมถึงโครงการใหม่อื่นๆ จากลูกค้าสำคัญๆ อาทิ บมจ.ท่าอากาศยานไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร กระทรวงมหาดไทย และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เป็นต้น
สายธุรกิจ Mobile-Multimedia ไตรมาสแรกมีรายได้รวม 2,341 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 101 ล้านบาท แม้ต้องเผชิญกับภาวะกำลังซื้อหดตัว รวมทั้งการแข่งขันที่สูงขึ้น แต่ ไอ-โมบายก็ยังคงมียอดขายที่น่าพอใจ ครึ่งปีคาดจะขายได้มากกว่า 2 ล้านเครื่อง ยิ่งไปกว่านั้น การประมูล 4G ก็ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นยอดขายสมาร์ทโฟนได้เป็นอย่างดี กลยุทธ์หลักของไอ-โมบาย จึงมุ่งเน้นทั้งการนำเสนอมือถือคุณภาพสูงและการให้บริการหลังการขายที่ดี เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค และสร้างความแตกต่างจากแบรนด์จีนที่กำลังทะลักเข้ามาแข่งขันในตลาดบ้านเรา
ด้านสายธุรกิจ Related Businesses โดยบมจ.วันทูวัน คอนแทคส์ , วิชั่น แอน ซิเคียวริตี้ ซิสเต็ม และ สามารถวิศวกรรม มีรายได้รวม 510 ล้านบาท โดย “วันทูวันฯ” มีโอกาสเติบโตทางด้านรายได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์จากฐานลูกค้าเดิม และด้วยแนวโน้มความต้องการใช้บริการคอลเซ็นเตอร์ขององค์กรต่างๆที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 60 เปอร์เซ็นต์ย่อมส่งผลโอกาสในการสร้างฐานลูกค้าใหม่ ล่าสุดคว้างานโครงการศูนย์บริการลูกค้าทางโทรศัพท์ ของบมจ.การบินไทย และเป็นที่ปรึกษาโครงการพัฒนาระบบ Knowledge Base ของกรมการท่องเที่ยว ส่วน “สามารถวิศวรรม” ก็มีโอกาสขยับยอดขายกล่องและเสารับสัญญานดิจิตอลทีวีเพิ่มขึ้น จากการแจกคูปองล็อตสุดท้ายอีก 5.8 ล้านใบกลางเดือนพ.ค.นี้
ส่วนสายธุรกิจ U-Trans มีรายได้ไตรมาสแรกรวม 600 ล้านบาท นอกจากความเสถียรของรายได้ประจำจาก CATs และโรงไฟฟ้ากัมปอต ที่ประเทศกัมพูชาแล้ว ยังมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากบริษัทลูกคือ เทด้า ซึ่งล่าสุด ได้งานการปรับปรุงสถานีไฟฟ้าสุราษฎร์ธานีของกฟผ. มูลค่าประมาณ 484 ล้านบาท และงานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าเชิงเนิน ขนาด 230 กิโลวัตต์ จ.ระยอง ของบริษัท ไออาร์พีซี คลีน พาวเวอร์ จำกัด มูลค่ากว่า 265 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีความคืบหน้าในการรุกธุรกิจด้านพลังงานของกลุ่มสามารถที่เห็นชัด คือ การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในนาม บริษัท เชียงใหม่ เวสทูเพาเวอร์ จำกัด เพื่อบริหารจัดการขยะมูลฝอยในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อนำไปเป็นเชื้อเพลงในการผลิตไฟฟ้า ซึ่งในระหว่างนี้ ก็กำลังพิจารณาการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานขยะในอีก 2-3 จังหวัดใหญ่ สำหรับการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานอื่นๆ อาทิ ถ่านหิน, น้ำและแสงอาทิตย์ ก็ยัง อยู่ในระหว่างการศึกษาและพัฒนาโครงการร่วมกับพันธมิตรมากมาย ทั้งในและต่างประเทศ

*** คาดงบ Q2/58 ดีกว่า Q1/58
นายวัฒน์ชัย กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/58 คาดว่าจะปรับตัวดีกว่าผลประกอบการไตรมาส 1/58 เนื่องจากบริษัทย่อย SAMTEL จะมีการเซ็นสัญญาใหม่ 6.5 พันล้านบาท ขณะที่บริษัทฯอยู่ระหว่างการปรับกลยุทธ์การขายมือถือของบริษัท สามารถไอโมบาย โดยจะมีการจัดโปรโมชั่นต่างๆ และมีการขายมือถือไปต่างประเทศมากขึ้น เช่น ประเทศในตะวันออกกลาง และภูมิภาคอาเซียน เช่น พม่า ซึ่งขณะนี้ยังคงเป้ายอดขายมือถือปีนี้อยู่ที่ 5.5 ล้านเครื่อง แม้ไตรมาส 1 จะขายได้ประมาณ 9 แสนเครื่อง
"ผลประกอบการไตรมาส 1 จะเป็นไตรมาสที่ต่ำสุดของบริษัทฯ เพราะไตรมาส 2 บริษัทฯจะมีการปรับกลยุทธ์การขายมือถือให้มากขึ้น ทั้งการจัดโปรโมชั่นและการขายต่างประเทศมากขึ้น ทำให้ยังคงเป้ายอดขายมือถือปีนี้ 5.5 ล้านเครื่อง แบ่งเป็นต่างประเทศ 1 ล้านเครื่อง และที่เหลือขายในไทย ขณะที่ SAMTEL มีงานในมือที่มากขึ้น" นายวัฒน์ชัย กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงเป้ารายได้ปีนี้อยู่ที่ 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งยังรอดูสถานการณ์และผลกระทบ รวมถึงธุรกิจอื่นที่จะเข้ามาชดเชยรายได้ของไอโมบายที่จะปรับตัวลดลง เพราะราคาขายเครื่องมีการปรับตัวลดลงจากปีที่แล้ว

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com