thaihoon สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 14,583 | วันที่: 15/05/2015 @ 08:29:16 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต ตลท.คาด บจ.โกยกำไร Q1/58 เกิน 2 แสนลบ. ดีกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน อานิสงส์ราคาน้ำมันลง - ท่องเที่ยวดีขึ้น ระบุปัจจุบันแจ้งงบแล้ว 306 บริษัท มีกำไร 1.19 แสนลบ. พร้อมมองต่างชาติมีแนวโน้มกลับมาซื้อหุ้นไทย หลัง P/E ลดเหลือ 15 เท่า ขณะที่ ศก.เริ่มฟื้น เผยเดือน เม.ย. ฝรั่งซื้อต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 โบรกฯ เชื่อหากทะลุ 2 แสนล้านจริง จะช่วยดัน EPS Growth ปี 58 จะอยู่ที่ 35% แต่ยังหวั่น Q2/58 กำไรอาจชะลอ เหตุมีหลายบริษัทกำไรไม่โตต่อเนื่อง และยังมีความเสี่ยงเรื่องหนี้กรีซ -เฟดขึ้นดบ.กดดัน
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประเมินกำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย(บจ.) ไตรมาส 1/2558 จะออกมาสดใส ดีกว่าช่วงเดียวกันปี 2557 ที่ทำได้ 202,047 ล้านบาท จากปัจัจยบวกเรื่องราคาน้ำมันที่ปรับลดลง ส่งผลดีต่อธุรกิจขนส่ง ขณะทีภาคการท่องเที่ยวและส่งออกไปประเทศอเมริกาและยุโรปปรับตัวดีขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับประมาณการของนักวิเคราะห์ว่าหากกำไร บจ.ในไตรมาสนี้มากกว่า 2 แสนล้าน จะส่งผลให้ EPS Growth ปี 2558 น่าจะอยู่ที่ระดับ35% แต่ในไตรมาส 2/2558 ประเมินว่าผลประกอบการอาจจะออกมาไม่ดีมากนัก เนื่องจากหลาย บจ.มีกำไรพิเศษแบบ one time gain ไม่ใช่กำไรต่อเนื่อง
โดยวานนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,497.40 จุด เพิ่มขึ้น 1.45 จุด หรือ 0.1%มีมูลค่าการซื้อขาย 34,712.44 ล้านบาท โดยนักลงทุนสถาบัน ขายสุทธิ 746.57 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 329.78 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ 753.52 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไป ซื้อสุทธิ 1,170.30 ล้านบาท
*** กำไร บจ.Q1/58 ทะลุ 2 แสนลบ.รับต้นทุนพลังงานลด
ดร.เกียรติพงศ์ อริยปรัชญา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ประเมินว่า กำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไตรมาส 1/2558 จะสูงกว่าไตรมาส 1/2557 ที่มีกำไรสุทธิ 202,047 ล้านบาท เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ลดลง ทำให้บริษัทที่ประกอบธุรกิจขนส่งได้รับผลดี ขณะที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีการเติบโตส่งผลให้ภาคบริการมีรายได้ที่ดีขึ้น และภาคการส่งออกไปประเทศอเมริกาและยุโรปปรับตัวดีขึ้น
โดยขณะนี้บจ. ทั้งใน SET และ mai แจ้งงบการเงินมาแล้ว 306 แห่ง คิดเป็น 77% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) มีกำไรสุทธิ 1.99 แสนล้านบาท ??ทั้งนี้ คาดว่ากำไรของบจ.ในไตรมาส 2 และ 3 มีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้นหากราคาน้ำมันไม่ปรับตัวลดลงไปอยู่ที่ระดับ 40 เหรียญต่อบาร์เรลเหมือนในช่วงไตรมาส 4 ที่ผ่านมา และไม่มีปัจจัยลบอื่นๆ เข้ามากระทบ เพราะปัจจุบันเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น รัฐบาลมีการจัดเก็บภาษีที่ดิน
"หากราคาน้ำมันไม่ปรับตัวลดลงไปอยู่ที่ระดับ 40 เหรียญอีก ก็เชื่อว่ากำไรบจ. ในไตรมาส 1/58 ก็ถือว่าเป็นจุดต่ำแล้วปีนี้ เพราะหากดูภาพรวมเศรษฐกิจต่างๆ ก็มีแนวโน้มค่อยๆ ฟื้นตัวดีอย่างต่อเนื่อง สำหรับทิศทางการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติจากนี้มีแนวโน้มที่จะกลับเข้ามาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย เพราะปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติถือครองหุ้นไทยอยู่ที่ระดับ 31.32% ซึ่งถือว่าต่ำสุดในรอบ 10 ปี ขณะที่ P/E ฟอร์เวิร์ด ได้มีการปรับลดลงเหลือ 15 เท่า ขณะที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวและค่าเงินบาทก็มีการอ่อนค่าลง ซึ่งจะส่งผลดีต่อการส่งออก อย่างไรก็ตามแม้การถือครองหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติจะลดลงต่ำสุดในรอบ 10 ปี แต่ทางด้านเม็ดเงินการถือครองก็ถือว่ายังปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 270% นับจากปี 2547"ดร.เกียรติพงศ์ กล่าว
*** โบรกฯ มองจะดัน EPS Growth ปี 58 พุ่ง 35%
บทวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส (ASP) เปิดเผยว่า EPS Growth ปี 2558 น่าจะอยู่ที่ระดับ35 % YoY แต่จะขึ้นอยู่กับผลประกอบการ 1Q58 ซึ่งหากจะวิ่งไปถึงจุดหมายของปี 2558 ได้ จะต้องมีฐานกำไรสูงกว่า 2 แสนล้านบาท ค่าเฉลี่ยกำไรรายไตรมาสปี 2557-2556 ไม่รวม 4Q57 อยู่ที่ 1.99 แสนล้านบาท และกรณีรวม 4Q57 อยู่ที่ 1.83 แสนล้านบาท ซึ่งมีความเป็นไปได้สูง มาก โดยประเมินว่า 4 กลุ่มอุตสาหกรรมหลักคือธนาคารพาณิชย์ พลังงาน สื่อสาร และวัสดุก่อสร้าง จะมีฐานกำไรรวมกว่า 1.5 แสนล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีการบันทึกรายการพิเศษเข้ามาบางส่วน เช่น กำไรจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนโครงสร้างพื้นฐานของ JAS, การประเมินมูลค่าสินทรัพย์ของ TRUEIFที่ส่งผ่านมาทาง TRUE , การขายเงินลงทุนของ SCC และ การบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนของบางบริษัท อย่างไรก็ตามยังต้องรอดูว่าหลังประกาศงบ 1Q58 แล้วจะมีปฎิกริยาเรื่องการปรับลดประมาณการกำไรลงหรือไม่
โดยบล.เอเซียพลัส ได้ปรับลด GDP Growth ปี 2558 ลง 1% เหลือ 2.5% (จากเดิมคาดโต 3.5%) โดยเป็นการปรับลดตัวแปรหลัก ๆ เกือบทุกตัว ยกเว้น การใช้จ่ายภาครัฐ การลงทุนภาคเอกชน และการส่งออก-นำเข้าบริการ คงเดิม เนื่องจากภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจโลกต่ำกว่าที่คาด สะท้อนจาก IMF ปรับลด GDP Growth ปี 2558 เหลือ 3.5% (จากเดิม 3.8%) และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจในงวด 1Q58 ยังไม่มีสัญญานฟื้นตัวที่ดีนัก ขณะที่ในปี 2559 คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ 3.5%
ทั้งนี้ กำหนดอัตราเงินเฟ้อสิ้นปีที่ 1% ภายใต้สมมติฐาน ราคาน้ำมันดิบไปจะขึ้นไปแตะที่ 70 เหรียญฯต่อบาร์เรล ขณะที่คาดว่า ดอกเบี้ยนโยบายสุทธิปัจจุบัน (ดอกเบี้ยนโยบาย ลบ เงินเฟ้อ) ยังมีแนวโน้มบวกเพิ่มขึ้นเกิน 2% ทำให้มีโอกาสสูงที่ กนง. อาจจะลดดอกเบี้ยฯ ลงเพิ่มเติม โดยอาจอยู่ที่จุด ต่ำสุดเดิมบริเวณ1.25 % ในช่วงสิ้น ปี 2558
โดยภาพรวมเดือน พ.ค 2558.คาด SET Index อยู่ในกรอบ PER 17-18 เท่า หรือ 1,493 1,581 จุด โดยหุ้นเด่นที่น่าลงทุนของเดือนนี้คือ Stock Selection : AAV (ราคาเป้าหมาย 6), BEAUTY (ราคาเป้าหมาย 50), BJCHI (ราคาเป้าหมาย 47 ก่อน XD), ICHI(ราคาเป้าหมาย 47), SYNTEC (ราคาเป้าหมาย 3.85), THCOM (ราคาเป้าหมาย 51) และ WORK (ราคาเป้าหมาย 50)
*** แต่หวั่นงบ Q2/58 เริ่มชะลอ เหตุบางบจ.กำไรไม่โตต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม บล.เอเซียพลัสยัง มองว่า แม้กำไรของบริษัทจดทะเบียนใน Q1/2558 จะมากกว่า 2 แสนล้านบาท แต่หากไปดูในรายละเอียด จะพบว่า คุณภาพของกำไรไม่ดีมากนัก กล่าวคือ มีหลายบริษัทที่มีกำไรแบบ one time gain คือเป็นการบันทึกกำไรพิเศษเฉพาะไตรมาส ซึ่งไม่ใช่กำไรที่ต่อเนื่อง ดังนั้น จึงอาจจะมีความเสี่ยงแนวโน้มใน Q2/2558 กำไรของบริษัทจดทะเบียนน่าจะปรับลงเมื่อเทียบกับ Q1/2558
ขณะที่ในไตรมาสนี้ตลาดยังมีความเสี่ยงจากปัจจัยต่างประเทศ โดยเฉพาะแรงกดดันจากปัญหาหนี้กรีซ แม้กรีซจะสามารถชำระหนี้รอบล่าสุดให้แก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ แต่ยังมีหนี้ที่จะต้องชำระในเดือนต่อไปอีก นอกจากนี้ยังมีท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ ต่อการส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมรอบที่จะถึงนี้ ว่าจะปรับขึ้นช่วงใดของปีนี้ ซึ่งยังเป็นประเด็นที่สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี
*** คาด SET50 Futures ไม่ตอบรับข่าว เหตุงบพลังงาน - แบงก์- สื่อสารไม่น่าประทับใจ
นางสาวชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ ผู้ช่วยผู้จัดการแผนกวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ PST เปิดเผยว่าแม้ภาพรวมของงบ บจ.ในช่วง Q1/58 จะมีแนวโน้มออกมาดีเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน จากงบภาคขนส่งที่ได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันลดลง และการท่องเที่ยวเติบโตส่งผลให้ภาคบริการมีรายได้ที่ดีขึ้น แต่บรรยากาศโดยรวมของ SET50 Futures ยังไม่สามารถปรับตัวดีขึ้นให้เห็นได้ เนื่องจากหุ้นกลุ่มหลักๆ ที่เป็นตัวนำในดัชนีฯ SET50 มาจากกลุ่มพลังงาน ธนาคารพาณิชย์ และกลุ่มสื่อสาร ซึ่งในไตรมาสที่ผ่านมามีผลประกอบการออกมาไม่ดีมากนัก ขณะที่ตลาดเองก็ยังมีความเสี่ยงของเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปียังน่ากังวล เห็นได้จากการประชุมของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในแต่ละครั้ง ที่ยังคงปรับลดประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจลง
*** 4 เดือนแรกของปี SET บวก 1.9% - ต่างชาติยังขายสุทธิ9.3 พันลบ.
สำหรับภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทย ในเดือนเมษายน 2558 ตลท. เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET Index) ปิดที่ 1,526.74 จุด เพิ่มขึ้น 1.4% จากเดือนก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 1.9% จากสิ้นปี 2557
Market capitalization รวมของ SET และ mai ณ สิ้นเดือนเมษายน 2558 ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือนมีนาคม 2558 โดย market capitalization ของ SET อยู่ที่ 14.32 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.42% จากเดือนก่อน และเพิ่มขึ้น 3.33% จากสิ้นปี 2557 ขณะที่ mai อยู่ที่ 411,127 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.33% จากเดือนก่อน และเพิ่มขึ้น 7.32% จากสิ้นปี 2557
Forward P/E ของ SET อยู่ที่ 15.20 เท่า และ mai อยู่ที่ 22.32 เท่า??อัตราเงินปันผลตอบแทนของ SET อยู่ที่ 2.93% และ mai อยู่ที่ 0.96%ในเดือนเมษายน 2558 มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมของ SET และ mai อยู่ที่ 42,442 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 12% จากเดือน มี.ค.
ผู้ลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ในตลาดหลักทรัพย์ไทยที่ 210 ล้านบาท แต่ภาพรวม 4 เดือนยังขายสุทธิ 9,347 ล้านบาท ??บริษัทจดทะเบียนใน SET และ mai มีมูลค่าระดมทุนรวม 3,268 ล้านบาท โดยทั้งหมดเป็นการระดมทุนในตลาดรอง ทั้งนี้ ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2558 มีมูลค่าการระดมทุนรวมทั้งสิ้น 132,270 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 3.2 เท่า จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่มาจากการขายหุ้น IPO
ด้านภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ในเดือนเมษายน 2558 ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) มีปริมาณสัญญาซื้อขายเฉลี่ยต่อวันลดลง โดยอยู่ที่ 156,821 สัญญาจากเดือนมี.ค.อยู่ที่ 233,000 สัญญา สาเหตุสำคัญมาจากการซื้อขายที่ลดลงของ single stock futures และ SET50 index futures
|