หุ้นกลุ่มนิคมฯ-โรงงาน ปรับกลยุทธ์รับมือเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้า หันลุยพัฒนาพื้นที่ในแถบอาเซียนให้เช่าแทน นำโดย TICON ตั้งบริษัทร่วมทุน รุกธุรกิจคลังสินค้าและโรงงานในอินโดนีเซีย ตั้งเป้ามีพื้นที่ให้เช่า 1.46 แสนตร.ม. พร้อมปูทางบุกพม่า-เวียดนาม ด้าน WHA วางเป้าขยายพื้นที่คลังสินค้าในกลุ่มประเทศอาเซียนไม่น้อยกว่า 1 แสน ตรม. ภายในปี 60 ขณะที่ "อมตะ วีเอ็น" ใช้เงิน 250 ล้านบาทเข้าร่วมทุน 70% ใน "อมตะ ซิตี้ ฮาลอง"เพื่อทำนิคมฯในเวียดนาม

**TICON ตั้งบ.ร่วมทุน รุกธุรกิจคลังสินค้าและโรงงานในอินโดฯ
   นายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเนคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TICON เปิดเผยว่า บริษัทฯได้เซ็นสัญญาร่วมทุน ระหว่าง บริษัท พีที เซอร์ยา ซีเมสตา อินเตอร์นูซ่ ทีบีเค (PT Surya Semesta Intermusa Tbk-SSIA) และบริษัท มิตซุย แอนด์ คัมปนี ในการจัดตั้งบริษัทใหม่ในประเทศอินโดนีเซีย ภายใต้ชื่อว่า "PT SLP SURYA TICON INTERNUSA" หรือ SLP ด้วยทุนจดทะเบียนขั้นต้น 46.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1,500 ล้านบาทโดย SSIA ถือหุ้น 50%ขณะที่มิตซุย และ TICON ถือหุ้นรายละ 25%
   ทั้งนี้ SLP มีเป้าหมายในการเป็นผู้พัฒนาและบริหารจัดการคลังสินค้าและโรงงานเพื่อให้เช่าระดับสากลในประเทศอินโดนีเซีย โดยโครงการนำร่องในเฟสแรก ครอบคลุมคลังสินค้า 16 ยูนิต ขนาดพื้นที่อาคาร 2,160 ตารางเมตร รวมพื้นที่ให้เช่าทั้งสิ้น 34,560 ตารางเมตร ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินการแล้วเสร็จและมีผู้เช่าคลังสินค้าแล้วกว่า 81% โดย SLP วางแผนพัฒนาโครงการในระยะต่อไปในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ซึ่งเมื่อพัฒนาโครงการแล้วเสร็จ จะทำให้ SLP มีพื้นที่คลังสินค้าและโรงงานให้เช่าภายในโครงการเทคโนปาร์ค (Technopark) รวมทั้งสิ้น 146,195 ตารางเมตร 
   "การลงทุนครั้งนี้ นับเป็นการรุกขยายธุรกิจของไทคอนในประเทศอินโดนีเซียเป็นครั้งแรก โดยร่วมมือกับพันธมิตรที่มีศักยภาพสูงอย่าง SSIA ซึ่งเป็นผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของอินโดนีเซีย รวมถึงบริษัท มิตซุย ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านการค้า การลงทุน และบริการที่หลากหลายและครบวงจรที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยความร่วมมือในครั้งนี้นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับไทคอน เพราะสะท้อนให้เห็นว่าคู่พันธมิตรมีความมั่นใจในศักยภาพและความเป็นผู้นำด้านการพัฒนาโรงงานและคลังสินค้าคุณภาพสูงพร้อมใช้เพื่อให้เช่าของไทคอนที่สั่งสมประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจมายาวนานกว่า 25 ปี ซึ่งไทคอนเชื่อมั่นว่า ด้วยสัมพันธภาพทางการค้าที่แข็งแกร่งระหว่างไทคอนกับกลุ่มลูกค้าที่ส่วนใหญ่เป็นบริษัทข้ามชาติจากทั่วโลก ตั้งแต่กลุ่มผู้ผลิตไปจนถึงกลุ่มผู้ให้บริการโลจิสติกส์ บริษัทฯ จะสามารถนำข้อได้เปรียบนี้มาต่อยอดและสร้างความเข้มแข็งให้กับบริษัทร่วมทุนนี้ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้า และความสามารถในการตอบสนองได้เป็นอย่างดี อีกทั้งประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในด้านการออกแบบและวิศวกรรมการก่อสร้างและพัฒนาโครงการให้ได้มาตรฐานระดับสากล" นายวีรพันธ์ กล่าว 
   ทั้งนี้ คาดว่า TICON จะเริ่มรับรู้รายได้จากบริษัทร่วมทุน SLP ในประเทศอินโดนีเซีย ในไตรมาส 3/58 ตามสัดส่วนการถือหุ้น 25% นอกจากนี้ บริษัทฯศึกษาแผนการลงทุนในประเทศพม่า และเวียดนาม โดยมีโอกาสที่จะเข้าลงทุนในพม่าก่อน แต่ยังไม่มีข้อสรุป โดย TICON ตั้งเป้าหมายสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มเป็น 25% ของรายได้รวมใน 5 ปีข้างหน้า

**หั่นเป้ารายได้ปีนี้เหลือโต 5% จาก 10% หลัง ศก.ชะลอ
   กรรมการผู้จัดการ TICON ระบุอีกว่า ต้องปรับลดเป้าหมายรายได้บริษัทปีนี้ เหลือเติบโต 5% จากเดิมคาดโต 10% จากปีก่อนที่มีรายได้ราว 6.16 พันล้านบาท เนื่องจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลให้ยอดการขายและให้เช่าในไตรมาสแรกปรับตัวลดลง แต่เชื่อว่าจะปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 2 โดยเริ่มมีสัญญาณการเช่าพื้นที่จากนักลงทุนรายใหญ่ๆมากขึ้น  

**WHA วางเป้าขยายพื้นที่คลังสินค้าในกลุ่มประเทศอาเซียนไม่น้อยกว่า 1 แสน ตร.เมตร
   นายแพทย์สมยศ อนันตประยูร ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมขยายธุรกิจออกไปในประเทศแถบอาเซียนมากขึ้น จากเดิมที่มีการเข้าไปลงทุนก่อสร้าง คลังสินค้าในประเทศอินโดนีเซีย โดยมีพื้นที่ให้เช่าประมาณ 20,000 ตารางเมตร และอยู่ระหว่างการเจรจาเข้าไปลงทุนในประเทศกัมพูชาคาดว่าจะมีความชัดเจนในเร็วๆ นี้   
   ขณะที่ในประเทศลาว พม่า เวียดนาม คาดว่าจะเห็นความชัดเจนมากขึ้น โดยบริษัทวางเป้าขยายพื้นที่คลังสินค้า ในกลุ่มประเทศอาเซียนไม่น้อยกว่า 100,000 ตารางเมตร ภายใน 3 ปี 2558-2560 พร้อมกันนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมขายสินทรัพย์เพิ่ม เข้ากองทรัสต์ WHART ซึ่งเป็นคลังสินค้าให้เช่าราว 180,000 ตารางเมตร รวมกับการขายทรัพย์สินประมาณ 14,000 ตารางเมตรให้แก่กองทุนอสังหาริมทรัพย์ WHAPF คาดว่ามูลค่าราว 4,800 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 4/2558

**AMATA จัดตั้งบริษัท อมตะ ซิตี้ ฮาลอง ทำนิคมฯ ในเวียดนาม ก.ค.นี้
   บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ AMATA เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทฯ ประชุมวานนี้ มีมติให้สัตยาบันการเข้าทำสัญญาร่วมลงทุนของบริษัท อมตะวีเอ็น จำกัด (มหาชน)(บริษัทย่อยซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมคิดเป็นสัดส่วน 88.33% )เพื่อจัดตั้งบริษัท อมตะ ซิตี้ ฮาลอง จำกัด (มหาชน)(Amata City Halong JSC)    โดย อมตะวีเอ็น จะถือหุ้น 70% เท่ากับประมาณ VND 161,418,930,000 (ประมาณ 250,913,220.52 บาท),Tuan Chau Investment Hitech Infrasstructure Development JSC สัดส่วน 29%และ MRS.DOU THI DOAN TRANG สัดส่วน 1% โดยคาดจะจดทะเบียนตั้งบริษัทฯ ประมาณเดือนกรกฎาคม 2558
   บริษัท อมตะ ซิตี้ ฮาลอง จำกัด (มหาชน)จะพัฒนาโครงการเมืองอุตสาหกรรม ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่อุตสาหกรรม พื้นที่พาณิชยกรรม พื้นที่อยู่อาศัย พื้นที่การบริการทางการแพทย์ และพื้นที่สันทนาการ ตั้งอยู่ในจังหวัด กวางหนิง ประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยระยะที่หนึ่งมีพื้นที่ 561 เฮกแตร์ ทุนจดทะเบียน ประมาณ VND 230,598,467,000 (ประมาณ 358,447,457.89 บาท)โดยยังมิได้เรียกชำระ เนื่องจากอยู่ระหว่างการขอรับใบอนุญาตการลงทุน ราคาต่อหุ้น (Par)VND 10,000(ประมาณ 15.54 บาท)
   แหล่งเงินทุน ที่ อมตะวีเอ็น จะใช้ลงทุนมาจาก 3 แหล่ง ได้แก่ 1.การเสนอขายหุ้นใหม่ให้แก่ประชาชนทั่วไปของบริษัท อมตะ วีเอ็น จำกัด (มหาชน)2.เงินลงทุนของผู้ถือหุ้นร่วมของบริษัทใหม่ และ 3.การกู้ยืม