*อาการแกว่งตัวไปมาของดัชนีในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา บอกให้ “โมนิก้า” รู้ว่า มีการประลองกำลังซื้อกำลังขาย เพื่อชี้ชะตาดัชนีควรจะเดินหน้าไปทดสอบแนวต้านด้านบน หรือ อ่อนตัวลงทดสอบแนวรับด้านล่าง ซึ่งทั้งสองกรณีส่งผลโดยตรงกับพลพรรคแมงเม่าเต็มๆ เพราะนาทีนี้กองทุนแทงฝั่งขาขึ้นสุดตัว ขณะที่ฝรั่งตาน้ำข้าวแทงฝั่งขาลงสุดตัว ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร..ต้องติดตามดูกันเอาเองนะค่ะ


*ด้วยเหตุนี้ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา หลายคนเม้าท์เรื่องการลงทุนในตลาดหุ้นไทยว่า หุ้นใหญ่ คือ ทางเลือกอันดับแรก หุ้นขนาดกลาง คือ ทางเลือกรองลงมา และหุ้นขนาดเล็ก คือ ทางเลือกสุดท้าย??.. เรื่องเหล่านี้อาจมีน้ำหนักขึ้นมาในทันที ถ้าวิเคราะห์แบบฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา แต่ตัวที่ตัดสินเรื่องดังกล่าวได้ดีสุดก็คือ “จังหวะเวลา” เพราะไซเคิลของตลาดหุ้นไทยไม่ได้ออกแบบมาเพื่อนักลงทุนต่างชาติ หรือ นักลงทุนสถาบันเป็นการเฉพาะ แต่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองทุกความต้องการเจ้าค่ะ


*เมื่อคนส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่า สถานการณ์เศรษฐกิจน่าจะขมุกขมัวต่อไปเรื่อยๆ หุ้นขนาดใหญ่เลยผลุบๆโผล่ๆ เป็นบางตัว พร้อมกับเปิดทางให้หุ้นขนาดเล็กสลับกันขึ้นมาเป็นทางเลือกของ นักลงทุนอย่างรวดเร็ว วานนี้ถึงเห็นดัชนีแกว่งตัวผันผวน ก่อนจะอ่อนตัวลงมาปิดที่ 1,520.11 จุด ลบไป 5.85 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.46 หมื่นล้านบาท มันเป็นสถานการณ์ที่ตรงกับคอมเม้นท์ไว้ไหมล่ะค่ะ


*ตัวที่คัมแบ็กอย่างรวดเร็ว และทำท่าจะไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ ก็หนีไม่พ้นCPFแถมยังเป็นการเด้งกลับที่ไม่ธรรมดาเสียด้วย เพราะมีการส่งเสียงเชียร์เจื้อยแจ้วให้ ลุย..ลุย..ลุย จนวันก่อนขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 25.50 บาท แต่สุดท้ายอ่อนตัวลงเล็กน้อยมาปิดที่ 25 บาท ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่หุ้นตัวนี้ช่างเหมาะสำหรับพวกมองการณ์ไกลเสียจริงๆ พะยะค่ะ


*เหมือนกับในรายของ JASซึ่งเป็นหุ้นทีเด็ดที่ “โมนิก้า” แนะนำทุกครั้งเมื่อสบโอกาสดีๆ และยังต้องการให้นักลงทุนจับจ้องมองดูหุ้นตัวนี้กันให้ดีๆ เพราะราคาล่าสุดที่เห็นงึกๆ งักๆ ก็เป็นราคาที่สามารถลงทุนได้อยู่แล้ว..โดยจุดเปลี่ยนที่น่าสนใจมากสุดก็คือ สตอรี่ดีๆ ทยอยถูกส่งออกมาเรื่อยๆ เดี๊ยนถึงไม่เคยหวาดหวั่นว่า หุ้นจะเจอกับอาการ “น็อกกลางอากาศ” ล่าสุดราคาหุ้นปิดที่ 5.70บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 3.64% เทียบกับก่อนหน้านี้ที่หุ้นอยู่ในระดับ 7 บาท มันคือโอกาสของการเล่นตามน้ำนะจ๊ะ


*เหมือนกับหุ้นขนาดกลางอย่าง TASCO ล้วนเป็นหุ้นที่ “โมนิก้า” เคยแนะนำให้นักลงทุนชำเลืองตามองเป็นระยะๆ เพราะสเต็ปการเคลื่อนตัวของหุ้นค่อนข้างโดนใจ และราคาหุ้นก็ปรับตัวขึ้นให้เห็นเป็นระยะ แถมเดี๊ยนถึงไม่เคยลืมเลือนหุ้นขายยางมะตอย จึงขอเม้าท์ถึงหุ้นตัวนี้สักหน่อย..ส่วนสูตรสำเร็จการลงทุนยังยึดหลัก “ขึ้นก็ตาม ลงก็ถอย” ขณะที่ราคาล่าสุดปิดที่ 16.80บาท บวกไป 1.30 บาท หรือขึ้นไป 8.39% วอลุ่มแน่นเสียด้วย จึงต้องตามไปดูไงล่ะ


*เช่นเดียวกันหุ้น BTSราคาหุ้นพุ่งขึ้นอย่างช้าๆ แต่ว่ามั่นคง และทำท่าจะไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ เข้าสูตรสำเร็จของดีราคาย่อมเยาเพราะได้รับแรงหนุนจากวอลุ่มการซื้อขายที่หนาแน่น ในช่วงระยะสั้นๆ “โมนิก้า” ถือเป็นกิมมิคที่นักลงทุนจะต้องรับรู้ให้เต็มคราบ เพราะข้อมูลทางสถิติยืนยันออกมาอย่างเป็นทางการว่า “ฐานแนวรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง” ล่าสุดหุ้นปิดที่ 9.30บาท บวกไป 0.15 บาท หรือขึ้นไป 1.64% วันวานยังหวานอยู่เป็นอย่างไร วันนี้หวานยิ่งกว่าวันวานเสียอีกนะค่ะ


*ส่วนหุ้นที่ตั้งป้อมทำท่าจะไปแรงๆ แต่สุดท้ายก็แรงไม่จริงอย่าง TRUE “โม นิก้า” ถือเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงมากๆ เพราะเมื่อดูรูปแบบการเคลื่อนตัวของหุ้นแบบตัวต่อตัว กราฟเทียบกราฟ ค่อนข้างน่าเป็นห่วงเหลือเกิน เนื่องจากหุ้นเหวี่ยงตัวขึ้นแรงลงแรง คนเล่นต้องเกาะติดหุ้นทุกฝีก้าว..มิเช่นนั้นมีสิทธิ์ติดดอยแบบไม่ทันตั้งตัว จึงอยากเตือนขาลุยให้เผื่อใจไว้บางสักเล็กน้อย ขณะที่วานนี้ปิดที่ 12 บาท ลบไป 0.30 บาท มันหวังอะไรได้ไม่เยอะจริงๆ จ๊ะ


*เหมือนกับในรายของ KC เพราะรายนี้กว่าจะปรากฏให้เห็นเป็นรูปธรรมคงอีกนานหลายปี แต่ในเมื่อกระแสมันพาไป เลยเกิดเหตุการณ์ “เออ ออ ห่อ หมก” อย่างที่เห็นกันอยู่..งานนี้ไม่ได้ทักท้วง แต่ขอพูดในเรื่องที่เป็น fact เพื่อให้แฟนคลับได้คิด และลองวิเคราะห์กันดูว่า ราคาปิดที่ 3.88 บาท ลบไป 0.80 บาท หรือลงไป 17.09% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 141.94 ล้านบาท มันใช่เรื่องที่ผู้เล่นต้องเอาตัวเข้าไปเสี่ยงจริงเหรอ!


ที่มา..ข่าวหุ้นออนไลน์