*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยยามนี้มีอะไรหลายอย่างที่ “ต้องคิด ต้องทำ” เยอะแยะไปหมด แต่ไปๆ มาๆ กลับไม่ได้คิด ไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง มันสะท้อนให้เห็นว่า โลกของการลงทุนไม่มีอะไรแน่นอน! ขนาดปอบผีฟ้าที่ร้ายๆ กลับกลายเป็นพระเอกขี่ม้าขาว หลังจากสวมหัวใจสิงห์ ด้วยการเข้าซื้อหุ้นไปทั้งสิ้น 1.80 พันล้านบาท ขณะที่คนอื่นเทขายหุ้นกันอุตลุด อึ้งกิมกี่เหมือนกันเจ้าค่ะ


*เนื่องจากเหตุการณ์ลักษณะนี้เห็นได้ไม่บ่อยครั้ง “โมนิก้า” ถึงสนใจสถานการณ์ของตลาดหุ้นวานนี้มากเป็นพิเศษ เพราะเมื่อมองดูดัชนีดิ่งลงไปที่ 1,512.76 จุด แต่สุดท้ายตีกลับขึ้นมาปิดที่ 1,519.47 จุด บวกไป 1.21 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.18 หมื่นล้านบาท มันเป็นจุดที่ชวนให้สงสัยว่า ดัชนีจะวิ่งขึ้นไปพลิกแนวต้าน 1,530 จุด ให้กลายเป็นแนวรับได้หรือเปล่า?


*ประเด็นที่ทำให้ฉุกคิดเช่นนั้นมาจากพฤติกรรมการลงทุนในอดีตถนัดแต่เรื่องเล่นสั้นๆ วันนี้อาจซื้อเข้ามาเยอะมาก วันถัดไปก็ทิ้งหนักมาก “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับโฟกัสไปที่หุ้นรายตัว และอย่าหลงตามเรื่อง window dressingให้มากเกินไป เพราะประเด็นดังกล่าวไม่ใช่สาระสำคัญในการสร้างกำไรให้กับพอร์ตของตัวเอง..จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกันเจ้าค่ะ


*เหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ PTTหากมองรูปแบบการลงทุนแค่สั้นๆ ถือเป็นจังหวะที่ต้องเข้าทำอย่างรวดเร็ว แต่ถ้ามองยาวๆ ถือเป็นจังหวะที่ลงทุนได้เลย “โมนิก้า” จึงสรุปได้ทันทีว่า เรื่องนี้อยู่ที่ความต้องการส่วน บุคคล และด้วยความต้องการที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ถึงทำให้หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 367 บาท บวกไป 5 บาท และทำให้รอบนี้มีลุ้นขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 380 บาทอีกครั้ง..หากผ่านไปได้มีลุ้นถึง 400 บาท หากผ่านไม่ได้ คงต้อง เก็บคอ งอเข่า พร้อมกับม้วนหางลงไปที่ 330 บาทไงล่ะค่ะ


*เช่นเดียวกับในรายของ CPFหากมองตามท้องเรื่องที่เกิดขึ้นให้เห็นบ่อยครั้ง การขึ้นครั้งนี้อาจไม่แตกต่างจาก ครั้งก่อนๆ ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณเทคนิค ( w-shape) วอลุ่มที่ผลุบๆ โผล่ๆ บวกกับข่าวสารที่เกิดขึ้นรอบวัน “โมนิก้า” ถึงมองเป้าของหุ้นได้แค่ 26 บาท อีกทั้งเหตุการณ์ 2 ครั้งที่ผ่านมา ก็จบลงแถวบริเวณนี้อย่างรวดเร็ว จึงไม่แน่ใจว่า การขึ้นมาปิดที่ 24.40บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 4.20% มันมีนัยแค่ไหน? ถ้าใครอยากรู้ ก็ต้องตามไปดูนะค่ะ


*เหมือนกับในรายของ MTLSเผลอแค่แป๊บเดียว มีแรงซื้อเข้ามาไล่หุ้นอย่างคึกคัก จนหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 19.50บาท บวกไป 0.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 600 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นอีกหนึ่งทีเด็ดที่นักเล่นต้องตามเกมให้ทัน เพราะการกลับขึ้นมาติดในกระดาน most activeย่อมต้องมีอะไรเป็นพิเศษอย่างแน่นอน บวกกับหลายสำนักให้ราคาเป้าหมาย 25 บาท คุณๆ ท่านๆ ถึงต้องไปคิดกันเอาเองว่า เอาอย่างไรดี?


*อีกหนึ่งรายที่น่าคิดหนักเช่นกันคือ APCSถ้ามองในมุมของการปรับเปลี่ยนผู้ถือหุ้นใหญ่ แต่ไม่มีการปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ อาการขาดทุนเรื้อรังก็น่าจะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ และเกมราคาหุ้นก็คงจะปิดฉากแบบเจ็บตัวกันอย่างถ้วนหน้า งานนี้ไม่ต้องการห้ามปรามอะไรทั้งสิ้น แค่อยากบอกให้รู้ว่า 6.30บาท บวกไป 1.30บาท หรือขึ้นไป 26% ทั้งที่ช่วงพีคสุดของการทำธุรกิจอยู่ที่ 6 บาท โอเว่อร์รีแอ๊คหรือไม่?


*เช่นเดียวกับในรายของเป๋ห้าว PAEเข้าตำราตัดกระบอกไม้ไผ่ ทั้งที่ยังไม่เห็นน้ำสักหยด “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องราวที่ผู้เล่นมีสิทธิ์กระเป๋าฉีกได้ทุกเมื่อ ของมันเห็นเต็ม 2 ลูกตาว่า การเพิ่มทุนเที่ยวนี้เพื่อแก้ปัญหาส่วนทุนติดลบ กิมมิคที่จะทำให้บริษัทกลับมาทำกำไรอย่างยั่งยืนยังไม่มีอะไรเป็นรูปธรรม การที่หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 0.37บาท บวกไป 0.06บาท หรือขึ้นไป 19% ถึงไม่ต่างอะไรกับจุดไฟล่อแมงเม่านะคะ


*ก่อนจากกัน “โมนิก้า” ก่อนปิดจ๊อบด้วยการเม้าท์ถึง WEHเพื่อให้ผู้คนทั่วไปเตรียมตัวรับมือกับเรื่อง “ใส่ตระกร้าล้างน้ำ แล้วนำมาขายใหม่” ซึ่งแมงลือต่างร้องยี้กันดังระงมไปทั่วห้องค้า เพราะของมันเห็นกันอยู่เต็มสองลูกตาว่า ดีลนี้ไม่ธรรมดา! ยิ่งเห็นพ่อหุ้นหน้าละอ่อน “ณพ ณรงค์เดช” เปิดหน้าเล่นกับของร้อน มันทำให้ทีมงานของเดี๊ยนต้องสืบเสาะข้อมูลลับๆ ล่อๆ ออกมาแฉเพิ่มเติมเจ้าค่ะ


*เนื่องจากทุกคนทราบกันเป็นอย่างดีว่า แผนของก๊วนเดิมต้องการนำบริษัทเข้าตลาดหุ้น และกลุ่มทุนใหม่ที่เข้ามาสวมบทผู้ถือหุ้นใหญ่ น่าจะมีแนวทางไปในลักษณะเดียวกัน “โมนิก้า” ถึงรู้สึกขนพองสยองเกล้าขึ้นมาในทันที และหนึ่งในคำพูดที่จะได้ยินกรอกหูทุกวันหลังจากนี้คือ เขากับผมไม่เกี่ยวกัน?งานนี้ใครจะเชื่อตามคำบอกเล่า ก็เชื่อกันไป ส่วนตัวเดี๊ยนขอยกมือไม่ไว้วางใจ! แล้วจันทร์หน้าจะมาเฉลยว่า มีเรื่องอะไรบ้างที่หนุ่มหน้าละอ่อนต้องตอบชาวหุ้นให้ได้นะค่ะ


ที่มา..ข่าวหุ้นออนไลน์