April 19, 2024   2:54:05 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > TASCOกำไรนิวไฮ6ปีซ้อน
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 17/11/2015 @ 08:26:17
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

"ทิปโก้แอสฟัลท์" ส่งซิกกำไรทำนิวไฮต่อเนื่องในปี 59-61 ส่งผลทำนิวไฮ 6 ปีติดต่อกัน หากนับตั้งแต่ปี 56 หลังดีมานด์ยางมะตอยเพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ ตั้งงบลงทุน 5 ปี 8.5 พันลบ. เพิ่มกำลังการผลิต-ซื้อกิจการ ยันเงินสดพร้อม ไม่ต้องเพิ่มทุน วางเป้ายอดขายแตะ 6 ล้านตันในปี 63 ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในระดับสากล จากปีนี้ที่ยอดขายโต 15% แตะ 2.3 ล้านตัน ด้านโบรกฯแนะซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 42 บาท

*** กำไรทำนิวไฮ 6 ปีซ้อน
นายชัยวัฒน์ ศรีวรรณวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO มั่นใจว่ายอดขายปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 2.3 ล้านตัน หรือเติบโต 15% จากปีก่อน ซึ่ง 9 เดือนที่ผ่านมาสามารถทำยอดขายได้แล้วถึง 1.68 ล้านตัน และคาดว่าไตรมาส 4 ยอดขายจะทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องมากกว่า 6 แสนตัน ซึ่งจะทำให้กำไรสุทธิปีนี้ทำจุดสูงสุดใหม่ ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ?โดยในปีหน้าบริษัทฯตั้งเป้าปริมาณยอดขายไม่ต่ำกว่า 2.5 ล้านตัน หรือเติบโตราว 15% ได้ปัจจัยหนุนจากนโยบายการลงทุนในประเทศ ทำให้ยอดขายในประเทศจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนประมาณ 20%
ขณะเดียวกันคาดว่ากำไรสุทธิจะทำนิวไฮได้ต่อเนื่องอีกอย่างน้อย 3 ปี (59-61) ซึ่งจะมาจากการเติบโตของยอดขายทั้งในและต่างประเทศที่ยังมีความต้องการใช้ยางมะตอยสำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอีก 3 ปี ขณะที่ฝั่งผู้ประกอบการยางมะตอยในโลกยังมีอยู่น้อยราย ทำให้เกิดความสมดุลในฝั่งดีมานด์และซัพพลาย
"เราได้ประเมินอุตสาหกรรมและดีมานด์ของยางมะตอยทั่วโลกในอีก 3 ปีข้างหน้าจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลดีต่อยอดขายโดยตรง ขณะเดียวกันเราได้มีการพัฒนาสินค้าเกรดพรีเมี่ยมมากยิ่งขึ้น ซึ่งมีมาร์จิ้นสูง พร้อมทั้งราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ต้นทุนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งมั่นใจว่าจะทำให้อัตรากำไรสุทธิอยู่ในตัวเลขสองหลักไปได้อย่างต่อเนื่อง และน่าจะทำให้กำไรสุทธิทำนิวไฮอย่างน้อยอีก 3 ปี"นายชัยวัฒน์ กล่าว??
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ถ้าหากผลประกอบการของ TASCO ยังคงทำนิวไฮต่อเนื่องในอีก 3 ปีข้างหน้า(59-61)ตามที่ผู้บริหารให้สัมภาษณ์ ก็จะทำให้ผลประกอบการของ TASCO ทำสถิติสูงสุดต่อเนื่อง 6 ปีซ้อน นับตั้งแต่ปี 56 ที่มีกำไร 831.45 ล้านบาท ปี 57 มีกำไร 1,200.43 ล้านบาท และปี 58 ที่มีกำไรไม่ต่ำกว่า 4 พันล้านบาท หลัง 9 เดือนแรกปีนี้ทำได้แล้ว 3,896 ล้านบาท

*** ตั้งเป้า 5 ปีขึ้นชั้นผู้นำ-วางงบลงทุน 8.5 พันลบ.
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า บริษัทฯตั้งเป้าหมาย 5 ปีข้างหน้า (59-63) จะเป็นผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ยางมะตอยและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมชั้นนำในระดับสากล ตั้งเป้าหมายจะขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศยุโรปและอเมริกา จากปัจจุบันซึ่งมีการส่งออกไปในทวีปเอเซีย ออสเตรเลีย และแอฟริกา โดยตั้งงบลงทุน 8,500 ล้านบาท สำหรับการขยายกำลังการผลิต รวมถึงซื้อกิจการ โดยบริษัทฯมีเป้าหมายจะมียอดขายแตะ 6 ล้านตันในปี 2563
ขณะที่บริษัทฯ เตรียมเงินลงทุนประมาณ 100 ล้านเหรียญเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตโรงกลั่นยางมะตอยในประเทศมาเลเซียอีกเท่าตัว แตะ 50,000 บาร์เรลต่อวัน โดยจะเริ่มลงทุนตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป คาดแล้วเสร็จภายในปี 2562
สำหรับ Mission ในปี 2563 บริษัทตั้งเป้า “เป็นบริษัทที่เน้นสินค้าและบริการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ยางมะตอยและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับปิโตรเลียมอย่างครบวงจร และเป็นตัวเลือกหลักของคู่ค้าต่างๆจากทั่วโลก”

*** ยันกระแสเงินสดปึ้ก-ไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน
นายชัยวัฒน์ ยืนยันว่า บริษัทฯมีความพร้อมด้านการเงินสูง ไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนแม้จะต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากในอีก 5 ปี เพราะปัจจุบันกระแสเงินสดจากการดำเนินงานทำได้เฉลี่ยมากกว่า 5,000 ล้านบาทต่อปี ขณะที่มีหนี้สินต่อทุน (D/E) เพียง 0.71 เท่า??สำหรับการซื้อกิจการบริษัทฯ จะชะลอไปก่อนอย่างน้อย 2-3 ปี เพราะล่าสุดซื้อโรงงานในประเทศอินโดนีเซียและเวียดนาม โดยใช้เงินลงทุนไปถึง 2,200 ล้านบาท ซึ่งจะเน้นพัฒนาศักยภาพของโรงงานดังกล่าวไปก่อน อย่างไรก็ตามระหว่างนี้ก็จะมีการศึกษาโรงงานในต่างประเทศที่มีศักยภาพ โดยเมื่อถึงเวลาที่จะขยายกำลังการผลิตอีกครั้งก็จะสามารถเข้าไปซื้อได้เลย โดยไม่จำกัดขนาดและวงเงินลงทุน

*** โชว์งบ Q3/58 มีกำไร 1.45 พันลบ. ส่วนงวด 9 เดือนกำไร 3.89 พันลบ.
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 3/58 มีกำไรสุทธิ 1,453 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,028 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 242% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 425 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากยอดขายยางมะตอยในทั้งในประเทศและต่างประเทศโดยเฉพาะเวียดนามและอินโดนีเซียที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวในระดับต่ำ และต้นทุนการผลิตต่อหน่วยที่ถูกลง??
ขณะที่ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกมียอดขายเพิ่ม 10% มาอยู่ที่ 1,686,295 ตัน ขณะที่รายได้รวม 28,041 ล้านบาท ลดลง 24 % เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่มีกำไรสุทธิ 3,896 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,216 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 473% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีที่กำไรสุทธิ 680 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่ตั้งแต่จัดตั้งบริษัท
“ยอดขายที่เพิ่มขึ้นใน 9 เดือนแรกสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการใช้ยางมะตอยที่แข็งแกร่ง แต่จากการที่ราคาขายยางมะตอยตลาดโลกนั้นลดลงต่อเนื่องเป็นสาเหตุทำให้รายได้ตกลง อย่างไรก็ตามจากการที่บริษัทมีต้นทุนการผลิตต่อหน่วยและต้นทุนน้ำมันดิบที่ต่ำ ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรในช่วง 9 เดือนแรกเฉียด 4,000 ล้านบาท” นายชัยวัฒน์กล่าว

*** ปันผลระหว่างกาล 0.20 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้ จากผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง คณะกรรมการบริษัทจึงมีมติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับงวดผลการดำเนินงานในเดือนมกราคม-กันยายน 2558 ในอัตรา 0.20 บาท/หุ้น โดยจะปิดสมุดกำหนดรายชื่อคนที่ได้รับเงินปันผลในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2558 และจ่ายปันผลในวันที่ 9 ธันวาคม 2558 ซึ่งนับเป็นปันผลระหว่างกาลครั้งที่ 2 ในปีนี้
“ผมยังคงมั่นใจยอดขายในช่วงไตรมาส 4/58 ยังคงสดใส จากความต้องการยางมะตอยในประเทศและต่างประเทศโดยเฉพาะอินโดนีเซียและเวียดนามจะยังปรับตัวสูงขึ้น โดยบริษัทได้ปรับเพิ่มเป้าหมายปริมาณการขายยางมะตอยปีนี้เป็น 15% จากปีก่อนที่มีปริมาณการขาย 2.03 ล้านตัน ซึ่งมีปัจจัยจากหลายประเทศประกาศเดินหน้าลงทุนด้านโลจิสติกส์ เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หลังเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปลายปี 58 รวมไปถึงการที่รัฐบาลของประเทศไทยได้มีการเร่งเบิกจ่ายงบลงทุน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เชื่อว่าจะส่งผลให้ปริมาณความต้องการยางจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก”นายชัยวัฒน์กล่าว??

*** ดีบีเอสวิคเคอร์ส แนะซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 42 บาท
บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ดีบีเอสวิคเคอร์ส ระบุว่า กำไร 3Q58 ของ TASCO ทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้งที่ 1.45 พันล้านบาท เพิ่ม 10% q-o-q และ 242% y-o-y ถือว่าออกมาดีสอดคล้องกับที่คาดไว้ก่อนหน้า ได้รับผลพวงที่ดีจากอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 22.1% โดยไตรมาสนี้มีบันทึกกำไรจากการทำ hedging ในสินค้าที่ไม่ใช่ยางมะตอยถึง 824 ล้านบาท มีการประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลอีก 0.20 บาทต่อหุ้น ซึ่งถือเป็นครั้งที่สองของปีนี้ และขึ้น XD 26 พ.ย.58
นอกจากนี้ได้มีการประกาศซื้อบริษัทใหม่ 5 แห่ง ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับยางมะตอยและเรือขนส่ง ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 2.2 พันล้านบาท ทางบริษัทคาดว่าจะใช้เงินภายในบริษัทและ/หรือการกู้เงินเพิ่มเติม คงคำแนะนำ ซื้อ และกำหนดราคาพื้นฐานไว้ที่ 42 บาท ซึ่งประเมินด้วย P/E ปี 59 ที่ 13 เท่า ข้อดีคือ คาดว่ากำไรในงวด 4Q58 และปี 59 จะยังมีแนวโน้มที่สดใส ตามอุปสงค์ยางมะตอยที่แข็งแกร่งและได้ประโยชน์จาก synergy จากการเข้าซื้อกิจการ Chanpen

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com