April 25, 2024   10:51:18 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > TNPลงสนามmai-ลุ้นวิ่งทะลุ2.50บ.
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 18/11/2015 @ 08:23:04
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

“ธนพิริยะ”(TNP) ลงกระดาน mai วันนี้(18 พ.ย.) ผู้บริหารลั่นยืนเหนือราคาจองที่ 1.75 บาท หลังนักลงทุนสนใจล้น ราคาขายมีส่วนลด 30% ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานแกร่ง โอกาสเติบโตสูง เร่งเดินหน้าขยายสาขาห้างค้าปลีกในเชียงราย ด้านโบรกเกอร์มอง กำไรปี 59 โตก้าวกระโดด 62.9% ส่วนอัตรากำไรสุทธิ 3 ปีสูงเฉลี่ยถึง 26% ให้ราคาเพื้นฐาน 2.20-2.50 บาท

**TNP ได้ฤกษ์ลงกระดาน mai
ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เพิ่มสินค้า (TNP) เริ่มซื้อขายวันที่ 18 พฤศจิกายน 2558 มีจำนวนหุ้นจดทะเบียนกับตลท.และชำระแล้ว 800 ล้านหุ้น ราคา Par 0.25 บาทต่อหุ้น มีทุนชำระแล้ว 200 ล้านบาท จำนวนหุ้น IPO 200 ล้านหุ้น ราคา IPO 1.75 บาท
โดยประกอบธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่รวมอาหารสดภายใต้ชื่อ ธนพิริยะ ปัจจุบันมีสาขารวมทั้งสิ้น 12 สาขา แบ่งออกเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ต 11 สาขา และศูนย์ค้าส่ง 1 สาขาซึ่งทุกสาขามีที่ตั้งในจังหวัดเชียงราย

**ผู้บริหารลั่นยืนเหนือจอง
นายธวัชชัย พุฒิพิริยะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) (TNP) มั่นใจว่า ในการซื้อขายวันแรกนี้จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน ทำให้สามารถยืนเหนือราคาจองที่ 1.75 บาทต่อหุ้นได้ เนื่องจาก TNP เป็นธุรกิจที่มีศักยภาพแข็งกร่ง ในฐานะผู้นำร้านค้าปลีกท้องถิ่นของคนไทยในจังหวัดเชียงราย ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ปัจจุบัน บริษัทฯ มีสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำหน่ายกว่า 15,000 รายการ ทั้งปลีกและส่ง มีกลยุทธ์ทางการตลาดสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน นอกจากนี้ บริษัทฯ สามารถพัฒนาระบบการบริหารคลังสินค้าด้วยการใช้ระบบเติมเต็ม เพื่อรักษายอดขายและลดต้นทุนการบริหารสินค้าคงคลังของสาขาได้อย่าง มีประสิทธิภาพ จึงมั่นใจว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ครั้งนี้ จะยิ่งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ TNP แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

**ใช้เงินระดมทุนสร้างศูนย์กระจายสินค้ารับ AEC
โดยเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ ส่วนใหญ่จะนำไปใช้เป็นเงินทุนก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3/2559 สนับสนุนให้บริษัทฯ ลดค่าใช้จ่ายด้านโลจิสติกส์ และสามารถรองรับการขยายสาขาได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต  
ทั้งนี้ ปัจจุบัน สาขาครอบคลุมพื้นที่ในจังหวัดเชียงรายเพียง 5 อำเภอ จากทั้งหมด 18 อำเภอ โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายจะขยายสาขาในปี 2559 จำนวน 3 สาขา และจะขยายสาขาให้ครอบคลุมพื้นที่ในจังหวัดเชียงรายที่มีศักยภาพก่อนที่จะ ขยายไปยังพื้นที่รอบนอกในจังหวัดใกล้เคียง นอกจากนี้ จังหวัดเชียงราย ยังเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ เนื่องจากจังหวัดเชียงรายเชื่อมต่อได้ถึง 3 ประเทศ ได้แก่ เมียนมา ลาว และจีนตอนใต้ จึงได้รับประโยชน์จากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)

**พร้อมเป็นทั้งหุ้น Growth stock และ Dividend Stock
ด้านเภสัชกรหญิงอมร พุฒิพิริยะ รองกรรมการผู้จัดการ TNP กล่าวว่า นอกเหนือจากการเติบโตของรายได้ในปัจจุบัน บริษัทฯ มีแผนในระยะยาวให้ธนพิริยะเติบโตเคียงคู่ประเทศไทย การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทฯ เข้าถึงแหล่งเงินทุนในการรองรับโอกาสต่างๆ ทั้งจากการขยายสาขา และกลยุทธ์ทางธุรกิจ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของบริษัทฯ ให้มากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ TNP หวังเป็นหุ้นที่มีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง และเป็นหุ้นที่จ่ายปันผลให้กับนักลงทุนสม่ำเสมอ ควบคู่ไปกับการขยายตัวของธุรกิจซึ่งบริษัทฯ มีแผนขยายตัวให้ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดเชียงรายและพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง โดยบริษัทฯ มีนโยบายการจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนในผลตอบแทนระยะยาว มั่นใจ หลังเข้าทำการซื้อขาย TNP จะไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง 
“จากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญทางธุรกิจกว่า 25 ปี ทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่า ด้วยโมเดลธุรกิจค้าปลีกของบริษัทฯ สามารถแข่งขันได้ในสภาวะที่ธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทยมีการแข่งขันที่ค่อน ข้างรุนแรง การก้าวเข้าสู่การเป็นบริษัทจดทะเบียนในครั้งนี้ จะยิ่งเป็นส่วนสนับสนุนให้บริษัทฯ มีระบบการบริหารจัดการภายในที่มีประสิทธิภาพรองรับการขยายสาขาได้มากยิ่ง ขึ้น สนับสนุนให้บริษัทฯ มีการเติบโตต่อไปอย่างแข็งแกร่ง ทั้งรายได้และกำไรสุทธิ เป็นทั้งหุ้น Growth stock และ Dividend Stock สร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าให้กับนักลงทุนในระยะยาว” เภสัชกรหญิงอมร กล่าว

**ราคาขายมีส่วนลด 30%
นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำการจัดจำหน่ายหุ้นไอพีโอ เปิดเผยว่า TNP พร้อมเดินหน้าเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ และมั่นใจจะสามารถยืนเหนือราคาจองที่ 1.75 บาทได้อย่างแน่นอน เนื่องจากการกำหนดราคาไอพีโอมีส่วนลดให้นักลงทุนในระดับที่เหมาะสม คิดเป็น P/E ที่ 21 เท่า มีส่วนลดประมาณ 30% เมื่อเปรียบเทียบกับราคาเหมาะสมที่บทวิเคราะห์ประเมินไว้ที่ ช่วงราคา 2.20 – 2.50 บาท ซึ่งคิดเป็น P/E เฉลี่ยที่ 28 เท่า ในขณะที่บริษัทจดทะเบียนที่ประกอบธุรกิจใกล้เคียงเทรดอยู่ที่ P/E เฉลี่ย 32 เท่า ประกอบกับ TNP เป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งและมีศักยภาพพร้อมที่จะขยายสาขาต่อไป อย่างมั่นคงในอนาคต
“TNP เป็นหุ้นน้องใหม่ที่ยังมีศักยภาพในการเติบโตสูง จากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันที่บริษัทฯ มีเพียง 12 สาขาในจังหวัดเชียงรายเท่านั้น รวมทั้งความสามารถในการบริหารจัดการและประสบการณ์ของผู้บริหาร จนสามารถสร้างโมเดลธุรกิจค้าปลีกของคนไทย เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันธนพิริยะเติบโตในระดับที่ดีและน่าพอใจ และพิสูจน์ให้นักลงทุนมีความมั่นใจในบริษัทฯ จนสามารถขายหุ้นTNP จำนวน 200 ล้านหุ้นได้หมดเกลี้ยงในช่วงเปิดให้จองซื้อ 3 วันที่ผ่านมา และทำให้ผมมั่นใจว่า หุ้น TNP จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง และสามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้แก่นักลงทุนได้” นายรัฐชัย กล่าว

**เปิดงบ Q3/58กำไรลดเหลือ 7.6 ลบ.
ด้านผลประกอบการงวดไตรมาส 3/58 มีกำไรสุทธิ 7.6 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 12.3 ล้านบาท และงวด 9 เดือนแรกของปีนี้มีกำไรสุทธิ 22.44 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 32.95 ล้านบาท แม้ว่างวด 9 เดือนรายได้จากการขายจะมีจำนวน 957 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.6% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้ 890 ล้านบาท แต่ต้นทุนขายเพิ่มขึ้นในอัตรา 7.13% เช่นเดียวกัน รวมถึงค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นถึง 42%

**โบรกฯมองปี 59กำไรก้าวกระโดด
บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุถึง TNP ว่า ปี 59 กำไรจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 62.9% y-y ที่ 66 ล้านบาท เป็นผลมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น 21.8% y-y ที่ 1,589 ล้านบาท ทั้งจาก SSSG ที่ทางฝ่ายคาดบวกอยู่ที่ 2%และอานิสงส์จากการขยายสาขาใหม่ 3 สาขาในปี 59 เหตุจากการขยายสาขามากขึ้นทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทสูงขึ้นมาที่ 12.1% นอกจากนี้ทางฝ่ายประเมินสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายจะลดลงจากปี 58 มาที่ 7.3% เนื่องจากการไม่ปรากฏค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงระบบหลังร้านและค่าใช้จ่ายในการระดมหุ้นเพิ่มทุนเสนอขายต่อประชาชนครั้งแรกเช่นเดียวกับปี 58
อีกทั้งมีมุมมองบวกต่อผลการดำเนินงานในช่วง 5 ปีนับจากนี้ จากช่องว่างที่ยังมีอยู่สำหรับการขยายสาขาในเชียงราย, จุดเด่นการขายทั้งค้าปลีกและค้าส่งในที่แห่งเดียวและการคาดการณ์อัตรากำไรสุทธิเฉลี่ย 3 ปี (ปี 58 – ปี60) สูงถึง 26%

**ส่องกล้องราคาเหมาะสมปี 59
บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) ให้ราคาพื้นฐานที่ 2.50 บาท
บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ให้ราคาพื้นฐานที่ 2.34 บาท
บล.ทรีนีตี้ ให้ราคาพื้นฐานที่ 2.3 บาท
บล.เอเชีย พลัส ให้ราคาพื้นฐานที่ 2.2 บาท
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ให้ราคาพื้นฐานที่ 2.2 บาท



 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com