April 20, 2024   4:44:30 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > "สมคิด"เร่งประมูลรถไฟฟ้า
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 19/11/2015 @ 08:32:56
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

"สมคิด" อัดงบลงทุนปลุกเศรษฐกิจปีหน้า ลั่นรถไฟฟ้าทุกสายต้องเปิดประมูลภายในครึ่งแรกปี 59 พร้อมดึงเอกชนร่วมลงทุน หวังดันจีดีพีกลับไปโตระดับ 5-6% ด้านคมนาคมเร่งผลักดัน 20 โครงการ 1.79 ล้านล้านบาท ให้เกิดเป็นรูปธรรมภายในปีหน้า ประเดิมวันนี้เปิดประมูลรถไฟทางคู่ เส้นฉะเชิงเทรา-คลอง 19 - แก่งคอย ด้าน CK-ITD-UNIQ เข้าร่วมชิงเค้กคึกคัก โบรกฯ คาด CK-ITD คว้างาน

*** `สมคิด`ลั่นปี 59 เป็นปีแห่งการลงทุน-บี้ประมูลรถไฟฟ้าทุกสาย
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในงานสัมมนา “ Thailand Economic Outlook 2016 : อนาคตเศรษฐกิจไทย เติบโตอย่างไรในบริบทใหม่” ว่า ในปีหน้าจะเร่งผลักดันให้เป็นปีแห่งการลงทุนโดยในเร็วๆ นี้จะตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนการลงทุน เพื่อเร่งส่งเสริมการลงทุนให้แข็งแกร่งและทำให้การลงทุนในรูปแบบของคลัสเตอร์ออกมาอย่างสมบูรณ์ ซึ่งยืนยันว่า เมื่อมีการลงทุนเศรษฐกิจจะขยายตัวได้เอง
" วันนี้ให้ความมั่นใจนักธุรกิจไทย ทำให้มีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจมีการตรวจตราดูแล ซึ่งเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไปจะฟื้นตัวแน่นอน แต่จะมากหรือน้อยอยู่ที่หลายหน่วยงานจะต้องร่วมมือกัน" นายสมคิด กล่าว
นายสมคิด กล่าวว่า ในต้นปีหน้าประมาณ ไตรมาส 1-2/2559 จะเป็นปีแห่งการลงทุนของรัฐบาล โดยโครงการลงทุนต่างๆ รวมไปถึงรถไฟฟ้าทุกสายจะต้องพร้อมที่จะประกวดราคา โดยทุกอย่างที่รัฐบาลทำนั้น เพื่อต้องวางโครงสร้างของประเทศก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง โดยรัฐบาลมีการวางแผนเรื่องการลงทุน และการเดินสายโรดโชว์ไปยังต่างประเทศ
ในเรื่องของการส่งออกนั้น จะกระโดดขึ้นไป 10% แบบอดีตไม่ได้ อยู่ที่เอกชนจะพัฒนาตัวเองหรือไม่ จะต้องรู้จักการใช้ประโยชน์จากโครงการความร่วมมือ 6 ประเทศ (จีเอ็มเอส) รู้จักพัฒนาตัวเอง ตอนนี้หลายหน่วยงานกำลังอยู่ระหว่างหามาตรการในการช่วยเหลือ แต่สิ่งสำคัญคือการผลักดันเอสเอ็มอีเริ่มต้น

*** มองจีดีพีไทยปี58 อาจโตเกิน 3%
นายสมคิด กล่าวว่า GDP ของไทยในปีนี้ มีโอกาสขยายตัวได้เกินกว่า 3% หลังจากเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3/2558 ขยายตัวได้ 2.9% และหากไม่มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเศรษฐกิจจะเติบโตได้มากกว่าที่คาดไวัแน่นอน โดยแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ผ่านโครงการต่างๆ ที่ออกมา 3 ชุด ซึ่งประกอบด้วย
ชุดที่ 1. การช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้น้อย ผ่านกองทุนหมูบ้าน การเร่งรัดโครงการลงทุนต่ำกว่า 1 ล้านบาท ชุดที่ 2.มาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอี และชุดที่ 3 มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ที่ยืนยันว่าไม่ได้เป็นนโยบายประชานิยมอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ มีกระแสออกมาก่อนหน้านี้ว่า มาตรการที่ออกมานั้น เป็นนโยบายประชานิยม และอาจส่งผล ให้ภาครัฐสูญเสียรายได้ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะเมื่อดูในรายละเอียด พบว่า โครงการกองทุนหมู่บ้าน ใช้เงินงบประมาณการคลังและมีชดเชยภาษี 2-3 พันล้านบาท โครงการช่วยเหลือเอสเอ็มอีเงินชดเชยดอกเบี้ย 3,000 กว่าล้านบาท และบวกกับที่ยกเว้นภาษีให้คิดเป็นมูลค่า 5 พันล้านบาท
ด้านมาตรการอสังหาริมทรัพย์ที่สูญเสียไปคือ ภาษีการโอนและจดจำนองรวม 10,000 กว่าล้านบาท รวมทั้งสิ้นเงินที่ต้องชดเชยและสูญเสียไป 60,000 ล้านบาท แต่วงเงินที่ใช้ไปทั้งหมด 500,000 ล้านบาท แต่เม็ดเงินที่ลงสู่รัฐฯ มากมายมหาศาลซึ่งผลที่ได้คือเศรษฐกิจที่เคยซึมลง เริ่มมีความมั่นใจเกิดขึ้น
" เมืองไทยต้องดีขึ้นแน่นอน จะดีมากน้อยเพียงให้ ไม่ได้จู่ๆ เกิดขึ้นมา ไม่ได้มารอลุ้นว่าปีหน้าจะส่งออก ลงทุนเท่าไหร่ อยู่ที่คนไทยต้องขับเคลื่อนพร้อมๆ กัน พลังจึงจะเกิดนี่เป็นขัอเท็จจริง ที่ผ่านมาเศรษฐกิจค่อยๆ ลง เพราะเราปล่อยละเลย ปล่อยให้โครงสร้างเศรษฐกิจเสื่อมโทรม เหมือนคนป่วยที่ยืนอยู่ท่ามกลางลมหนาว เมื่อเศรษฐกิจไม่แข็งแรง หากไม่มีอะไรเหนือบ่ากว่าแรง เชื่อว่าปีนี้ไม่ต้องห่วง ดีไม่ดีทะลุ 3% จีดีพีเป็นผลลัพธ์จากการกระทำ ถ้าเราอยู่เฉยๆ รอส่งออกกระดิกขึ้น มันเป็นเรื่องเหลวไหล ณ จุดนี้สถานการณ์เริ่มดีขึ้น แต่เราจะไม่วางใจ ทำอย่างไรให้การลงทุนถึงจะเกิดขึ้นจริง"นายสมคิด กล่าว

*** ลั่น GDP จะโต 5-6% การลงทุนต้องขยายตัวอย่างน้อย 10%
นายสมคิด กล่าวว่า หากไทยต้องการให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) กลับไปขยายตัวได้ในระดับ 5-6% นั้น ไทยจะต้องมีการลงทุนเติบโตเฉลี่ยอย่างน้อยปีละ 10% ซึ่งเอกชนควรลงทุนตอนนี้ เพราะขณะนี้รัฐบาลได้ออกมาตรการจูงใจในการลงทุนออกมาหมดแล้ว
" อยากให้กำลังใจ ไม่อยากให้กังวล เราผ่านวิกฤติต้มยำกุ้งเมื่อปี 40 มาได้ แต่ตอนนี้เศรษฐกิจไทยมันแค่สโลว์ เฉื่อยแฉะ ข้าราชการก็ทำงานแล้ว หัวซ้าย หางก็ต้องกระดิก ก็อยากให้กำลังใจมากกว่า ฉะนั้นเวลาลงข่าว ไม่ใช่จะลงข่าวแต่เรื่องไม่ดี รัฐบาลก็ตั้งใจ"นายสมคิด กล่าว
นายสมคิด กล่าวต่อว่า จะมีการขอนำเม็ดเงินจากการประมูลคลื่น 4G บางส่วนนำมาใช้ในการยกระดับฐานราก ด้านการเกษตรและสร้างที่อยู่อาศัยให้กับคนจนทั่วประเทศ และหากการประมูลคลื่น 900 ได้เงินอีกประมาณ 5 หมื่นล้าน ก็มั่นใจว่าจะมีเงินมากพอที่จะไปออกมาตรการใหม่ๆได้อีก
" ไม่มีอะไรต้องกังวล รัฐบาลจะดูแลให้ เราจะไม่ประมาท เรามีก๊อกสองหากประมูลอีก 2 ใบได้มาซัก 5 หมื่นล้านก็ดี" นายสมคิด กล่าว
นอกจากนี้ นายสมคิด ยังได้กล่าวในงานมอบประกาศเกียรติคุณ คณะกรรมการแห่งปี 2558 ว่า เศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นเมื่อทุกคนมั่นใจลงทุน และไม่ควรรอให้รัฐบาลลงทุนฝ่ายเดียว โดยปกติการลงทุนของประเทศจะต้องอยู่ที่ระดับ 10% แต่ที่ผ่านมามีเพียง 2-3% เท่านั้น หากยังเป็นแบบนี้ประเทศจะไม่พัฒนาและไม่สามารถยกระดับขึ้นมาได้
ทั้งนี้ ส่วนตัวเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/58 จะปรับตัวดีขึ้นว่าไตรมาสที่ผ่านมาแน่นอน ดังนั้น ในปี 2559 ถึงเวลาที่บริษัทต่างๆ จะต้องเริ่มมีการลงทุน ขยายธุรกิจ พัฒนาสินค้าและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
โดยคณะกรรมการบริษัทจะต้องมองหาโอกาสและมีการผลักดันเรื่องดังกล่าว ซึ่งทางกระทรวงการคลังและทาง BOI ได้ออกมาตรการจูงใจในการลงทุน และหากบอร์ดไม่ดำเนินการจะถือว่าสอบตกในเรื่องการมีธรรมาภิบาลที่ดี
" ล่าสุด ADVANCE และ TRUE มีการลงทุน เป็นผู้ชนะการประมูลคลื่นความถี่1800 MHz สร้างรายได้ให้รัฐบาล รวม 8 หมื่นล้านบาท และในเดือนหน้าก็หวังจะได้อีก 8 หมื่นล้านบาท เมื่อรัฐบาลได้เงินแล้วก็จะนำมาพัฒนายกระดับประเทศไทยให้ดีขึ้น " นายสมคิด กล่าว

*** คมนาคม ดัน 20 โครงการลงทุนภาครัฐ เข้าครม.ทั้งหมดในปี 58-59 หวังดันเศรษฐกิจไทยฟื้น
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยในการปาฐกถาพิเศษ เมกะโปรเจกต์ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ว่า ยืนยันว่า โครงการเมกะโปรเจกต์ ถือเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป นอกเหนือจากภาคการท่องเที่ยว
โดยปัจจุบันภาครัฐมีอยู่ 20 โครงการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม วงเงินรวม 1.79 ล้านล้านบาท เพื่อขับเคลื่อนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ โดยจะเร่งให้มีการอนุมัติให้แล้วเสร็จภายในปี 58-59 เพื่อให้เกิดการลงทุนและเพิ่มขีดความสามารถของการแข่งขันในระยะต่อไป
" มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น เป็นเพียงมาตรการระยะสั้นที่ออกมา เพื่อพยุงไม่ให้เศรษฐกิจชะลอ ขณะที่ด้านของการลงทุนในโครงการต่างๆนั้น เพื่อเป็นการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งเราจะต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้น และเชื่อมั่นว่าหากโครงสร้างพื้นฐานเราดี นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศจะเข้ามา"นายอาคม กล่าว
นายอาคม กล่าวว่า ในส่วนของคมนาคมนั้นได้มีแผนการทำงานระยะ 8 ปี คือตั้งแต่ปี 2558-2565 ที่จะต้องเร่งพัฒนาทั้งระบบ ทั้งทางบก น้ำ อากาศ และระบบราง โดยประกอบด้วย 5 แผนงาน คือ
แผนงานที่ 1.การพัฒนาโครงข่ายรถไฟฟ้าระหว่างเมือง ซึ่งเป็นเป็นระยะเร่งด่วน 6 สาย คือฉะเชิงเทรา-คลอง 19-แก่งคอย / จิระ-ขอนแก่น / ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร / ลพบุรี-ปากน้ำโพ / มาบกะเบา-จิระ / นครปฐม-หัวหิน

แผนงานที่ 2.การพัฒนาโครงข่ายขนส่งสาธารณะ เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรใน กทม.และปริมณฑล ประกอบด้วยรถไฟฟ้า 10 เส้นทาง ระยะทาง 464 กิโลเมตร
แผนงานที่ 3.การพัฒนาถนน เส้นทางมอเตอร์เวย์ มี 3 เส้นทาง คือเส้นบางปะอิน-นครราชสีมา เส้นพัทยา-มาบตาพุด อยู่ระหว่างการประกวดราคา และเส้นบางใหญ่-กาญจนบุรี
แผนงานที่ 4.การพัฒนาโครงข่ายการขนส่งทางน้ำ เน้นการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งได้มีการช่องทางจราจรจาก 4 ช่องทางเป็น 7 ช่องทาง
แผนงานที่ 5.การเพิ่มขีดความสามารถการให้บริการขนส่งทางอากาศ ซึ่งจะมีการขยายอาคารเพื่อรองรับผู้โดยสารเพิ่มมากขึ้น ทั้งอาคารแซตเทิลไลท์ที่จะรองรับผู้โดยสารได้ 25 ล้านคนต่อปี อาคารเทอมินอล 2 รองรับผู้โดยสารได้ 15 ล้านคน โดยอยู่ระหว่างการประกวดราคาในเดือนธันวาคมนี้ พร้อมทั้งจะมีการขยายสนามบินดอนเมือง ด้วยการเปิดเทอมินอล 2 ในช่วงต้นปี 2559
สำหรับแหล่งเงินลงทุนโครงการด้านคมนาคมขนส่ง 20 โครงการ เป็นงบประมาณ 84,065.19 ล้านบาท แผนบริหารหนี้สาธารณะ 1.265 ล้านล้านบาท การร่วมลงทุนภาครัฐและเอกชน หรือ พีพีพี 376 แสนล้านบาท เงินรายได้ 55,502 ล้านบาท และเงินกองทุนค่าธรรมเนียมผ่านทาง 14,200 ล้านบาท

*** วันนี้ CK-ITD-UNIQ ชิงงานรถไฟทางคู่ ฉะเชิงเทรา-คลอง 19 - แก่งคอย
บล.เอเซียพลัส ระบุว่า การประมูล e-Auction งานก่อสร้างรถไฟทางคู่เส้นฉะเชิงเทรา-คลอง 19 - แก่งคอย ในวันนี้น่าจะเป็นประเด็นหนุนในกลุ่มรับเหมาฯ ได้ดีพอสมควร ฝ่ายวิจัยยังคงชอบ CK ( FV@B33 )ที่มีความพร้อมทั้งด้านประสบการณ์ทำงานและฐานะการเงินที่แข็งแกร่งมากสุด หลังจากมีการเซ็นสัญญางานติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณรถไฟสายสีน้ำเงินช่วงเตาปูน-บางซื่อ และมีรอเซ็นงาน Improve Communication System รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และงาน Maintenance Service รถไฟฟ้าสายสีม่วงและสีน้ำเงิน ซึ่งทั้ง 3 งานนี้ มีมูลค่ารวม 3,846 ล้านบาท
นอกจากนี้ CK ยังมีประเด็นสนับสนุนจากบริษัทลูก คือ BEM ซึ่งเกิดจากการควบรวมระหว่าง BECL และ BMCL ที่พร้อมเข้าร่วมลงทุนในลักษณะ PPP กับภาครัฐ เป็นแรงหนุนสำคัญต่อธุรกิจของ CK

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง กล่าวว่า การประมูล E- auction โครงการรถไฟฟ้ารางคู่ คลองสิบเก้า -แก่งคอยในวันนี้ แบ่งเป็น 2 สัญญา ได้แก่
* สัญญาที่ 1 มูลค่า 9.9 พันล้านบาท โดยมีบริษัทที่เข้าประมูล ได้แก่ ITD, STEC, UNIQ, CK, กลุ่ม A.S. Engineering และกลุ่ม TC Joint Venture
* สัญญาที่ 2 มูลค่า 600 ล้านบาท โดยมีบริษัทที่เข้าร่วมประมูล ได้แก่ ITD, NWR, TC joint Venture และ Right Tunneling
เชื่อว่า ITD มีโอกาสสูงที่จะได้งานดังกล่าว เนื่องจากมีโรงงานไม้หมอนของตนเอง จึงมีข้อได้เปรียบเรื่องต้นทุน และเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญงานสร้างทางรถไฟมี Momentum บวกจากผลประกอบการ 3Q58 ที่พลิกกลับเป็นกำไรสุทธิ 190 ล้านบาท และ Gross Margin เพิ่มขึ้นสู่ 10.4% และมี Backlog สิ้นสุด 3Q58 สูงถึง 2.7 แสนล้านบาท ช่วยหนุนการเติบโตของธุรกิจก่อสร้างได้ต่อเนื่องใน 4-5 ปีข้างหน้า
คาดกำไรจากการดำเนินงานปกติปี 2559 เติบโตสูงถึง 57% yoy เป็น 964 ล้านบาท และมี Upside 55% จากราคาเหมาะสม ให้เป็น Top pick ของกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง

*** CK-UNIQ น่าสนใจในระยะกลาง-ยาว จากโอกาสได้งานเพิ่ม
บล.ไอร่า มองว่าในระยะกลาง - ยาว CK ยังมีความน่าสนใจจากโอกาสได้รับงานเพิ่มจากแผนการเปิดประมูลโครงการต่างๆ ของภาครัฐ ที่คาดช่วยชดเชย Backlog เดิมที่ลดลงตามความคืบหน้างานก่อสร้าง ขณะที่แผนการปรับโครงสร้างเงินลงทุนของ CK ทั้งการขายไซยะบุรี รวมถึงการควบรวม BECL และ BMCL คาดส่งผลดีต่อ CK ในระยะยาว โดยเฉพาะช่วยลดการสนับสนุนทางการเงิน ทั้งเงินลงทุนและเงินกู้ยืม และคาดอาจมีแรงเก็งกำไรในระยะสั้นจากการเปิดเสนอราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ เส้นทางฉะเชิงเทรา - คลอง 19 - แก่งคอย ในวันที่ 19/11/58 (พฤ.นี้) ซึ่ง CK เข้าร่วมประมูล ในสัญญา ที่ 1 มูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท
คงราคาเป้าหมายปี'58 ที่ 32.20 บาท อิง PBV ที่ 2.5X เท่า ณ ระดับราคาปัจจุบันมี Upside และ Div Yield ประมาณ 25% และ 2.3% ตามลำดับ คงคำแนะนำ "ซื้อ"
เช่นเดียวกับ UNIQ ในระยะสั้นคาดมีแรงเก็งกำไรตามภาพรวมงานก่อสร้าง โดยเฉพาะการเปิดเสนอราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ เส้นทางฉะเชิงเทรา - คลอง 19 - แก่งคอย ในวันพฤ. นี้ (19/11/58)
ในระยะกลาง - ยาว คาด UNIQ มีโอกาสได้รับงานเพิ่มต่อเนื่องในอนาคต โดยเฉพาะงานภาครัฐ (กลุ่มลูกค้าหลักของ UNIQ) ซึ่ง UNIQ ชนะประมูลอย่างน้อย 1 สัญญาต่อโครงการเปิดประมูลในช่วง 5 - 6 ปีที่ผ่านมา
แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายปี'59 ที่ 24.40 บาท อิง PE25X อย่างไรก็ตาม อาจมีความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนการเปิดประมูลโครงการของภาครัฐ รวมถึงความผันผวนของราคาน้ำมัน โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาปรับเพิ่มขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนก่อสร้าง และอาจทำให้ผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามที่ประมาณการไว้



 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com