Hot News - KBANK หืดจับคุม NPL









KBANK หืดจับคุม NPL



"บัณฑูร" ยอมรับปีนี้ KBANK ต้องตั้งสำรองสูงกว่าปีก่อนที่ 2.6 หมื่นล้านบาท หลังเศรษฐกิจไทยยังอ่อนแอ ขณะที่ยังคงเป้าหมายสินเชื่อโต 6-7% และคุม NPL ที่ 2.8% พร้อมทุ่มงบ 5 พันล้านบาทพัฒนาไอที หวังเป็นอันดับหนึ่งดิจิทัล แบงกิ้ง ด้านโบรกฯหั่นประมาณการปีนี้ลง รับการตั้งสำรองเพิ่ม - NIM ถูกกดดันจากการลดดอกเบี้ยขากู้

**ยอมรับปีนี้ตั้งสำรองสูงกว่าปีก่อน
นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า ปีนี้ธนาคารจะมีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วซึ่งธนาคารตั้งสำรองไปทั้งสิ้น 2.6 หมื่นล้านบาท เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว โดยไตรมาส 1/59 ธนาคารได้ตั้งสำรองเพิ่มขึ้น และไตรมาส 2 และ 3 จะมีการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นต่อไป
"สำรองปีนี้เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วแน่นอน หลังเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นจากที่คาดไว้ ถึงแม้ว่าตัวเลขการส่งออกในเดือนมี.ค. จะขยายตัวเป็นบวกเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน แต่ปัญหาใหญ่ คือ ประมงของไทยยังไม่ได้ฟื้นตัว โดยยังติดปัญหาจากทีอียูที่ให้ใบเหลืองเราอยู่ แต่โดยส่วนตัวเชื่อมั่นว่าจีดีพีปีนี้จะขยายตัวได้ 2.8-3%"นายบัณฑูร กล่าว
ก่อนหน้านี้ธนาคารปรับลดดอกเบี้ยลงนั้น เป็นการต่อลมหายใจให้กับลูกค้า หรือเป็นการลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้ประกอบระดับล่าง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น แต่มองว่าการลดดอกเบี้ยเป็นนโยบายด้านการเงินที่ธนาคารจะสามารถทำได้
"เราลดดอกเบี้ยเพื่อช่วยลูกค้า ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้ช่วยเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวได้มากนัก ประกอบกับการลดดอกเบี้ยครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับ NPLที่เพิ่มขึ้น เพราะ NPL เป็นไปตามวัฐจักรเศรษฐกิจ ซึ่งตอนนี้เศรษฐกิจทรุด NPL เพิ่มมากขึ้นเป็นเรื่องปกติ"นายบัณฑูร กล่าวทิ้งท้าย

**คงเป้าสินเชื่อโต 6-7% คุม NPL ที่ 2.8%
นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ KBANK เปิดเผยว่าธนาคารยังคงเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อที่ 6-7% แม้ว่าไตรมาส 1 สินเชื่อของธนาคารจะขยายตัวที่ 0.5% ก็ตาม โดยธนาคารเชื่อมั่นว่าตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป การลงทุนจากภาครัฐและเอกชนจะเพิ่มมากขึ้น เช่น การประมูล 4G การเข้าซื้อกิจการดีลใหญ่ๆ ประกอบกับเศรษฐกิจไทยจะมีการขยายตัวที่ดี ทำให้ปีนี้ธนาคารยังคงประมาณการจีดีพีที่ 3%
"สินเชื่อปีนี้เรามั่นใจว่าจะทำได้ 6-7% ตามแผนเดิม เพราะเรามองว่าการลงทุนทั้งจากภาครัฐและเอกชนจะเกิดขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป บรรยากาศการลงทุนกลับมาดีขึ้น หลังภาครัฐกระตุ้นมาตรการต่าง ๆ เพิ่มเติมและได้แก้ไขกฎระเบียบที่เปินการปิดกั้นเอกชนทำให้สามารถเดินหน้าการลงทุนได้อย่างรวดเร็ว" นายปรีดี กล่าว ??-สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ปีนี้ธนาคารจะควบคุมไม่ให้เกิน 2.8% ซึ่งเป็นระดับเดียวกันกับไตรมาส 1/59 โดยธนาคารเชื่อมั่นว่าตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไปการเพิ่มขึ้นของ NPL จะลดลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น
กรณีธนาคารปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง ยอมรับว่ามีผลกระทบต่อกำไรของธนาคาร แต่ธนาคารต้องการช่วยเหลือลูกค้าเงินกู้ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว นอกจากนี้ธนาคารยังมีความสามารถหารายได้อย่างอื่นมาทดแทน เช่น รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย ประกอบด้วย ค่าธรรมเนียมจากการขายธุรกิจประกัน กองทุนรวม และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆของธนาคาร ประกอบกับธนาคารยังสามารถขยายสินเชื่อเพิ่มเติม โดยจากปัจจัยดังกล่าว ธนาคารเชื่อมั่นว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อกำไรของธนาคารมากนัก

** ทุ่มงบ 5 พันลบ. หวังขึ้นแทนผู้นำดิจิทัล แบงกิ้ง
นายบัณฑูร กล่าวอีกว่า ธนาคารได้จัดตั้ง KASIKORN Business - Technology Group (KBTG) ซึ่งธนาคารต้องการคิดค้นนวัตกรรมโดยร่วมกับพันธมิตรทางเทคโนโลยี และร่วมมือกับ FINTECH และ TECH Startup เพื่อสร้างนวัตกรรทางการเงินรองรับดิจิทัล แบงก์กิ้ง ที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยตั้งงบปีละ 5,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาไอทีซึ่งคาดใน 5 ปี จำนวนรายการผ่านดิจิทัล แบงก์กิ้ง เพิ่มเป็น 7,900 ล้านรายการต่อปี คิดเป็นมูลค่าธุรกรรม 30 ล้านล้านบาทต่อปี
"ธนาคารในฐานะผู้นำดิจิทัล แบงก์กิ้งมีส่วนแบ่งการตลาด 38% จึงรองรับการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีใหม่ๆ ด้วยการจัดตั้งบริษัท KBTG เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการงานและบริการด้านไอที และเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน โดยแต่ละปีธนาคารตั้งงบประมาณไอทีไว้ 10% ของกำไรสุทธิ หรือประมาณปีละ 4,000 ล้านบาท และเป็นงบเพื่อการพัฒนานวัตกรรมใหม่อีก 1-2% ของกำไรสุทธิ หรือ 1,000 ล้านบาท"นายบัณฑูร กล่าว
ทั้งนี้ บริษัท KBTG ซึ่งธนาคารกสิกรไทยถือหุ้น 100% ประกอบด้วย 5 บริษัท ได้แก่ บริษัท กสิกร เทคโนโลยี กรุ๊ป เซเครเทเรียต จำกัด , บริษัท กสิกร แล๊บส์ จำกัด , บริษัท กสิกร ซอฟต์ จำกัด , บริษัท กสิกร โปร จำกัด และ บริษัท กสิกร เซิร์ฟ จำกัด โดยมีนายธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการผู้จัดการ KBANK มาดำรงตำแหน่งเป็นประธานบริษัท KBTG

**โบรกฯหั่นประมาณการ
บล.กรุงศรี ออกบทวิเคราะห์ระบุว่า Gross NPL ของ KBANK เพิ่มขึ้น 7% QoQ ส่งผลให้สัดส่วน NPL ขยับสูงขึ้นเป็น 3.3% จาก 3.1% ใน 1Q15 เราคาดว่าสัดส่วน NPL จะเพิ่มขึ้นเป็น 3.7% ภายในสิ้นปี 2016 ทั้งนี้ สินเชื่อที่ผ่านการปรับโครงสร้างขยับเพิ่มขึ้นถึง 23% QoQ และคิดเป็นสัดส่วน 8.6% ของสินเชื่อรวมใน 1Q16 ซึ่งทำให้ KBANK ตั้งสำรองเพิ่มอีก 1.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งสูงกว่าที่เราคาดไว้ที่ 8.5 พันล้านบาท ในขณะที่ credit cost ก็พุ่งขึ้นเป็น 2.8% ใน 1Q16 ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับเป้าทั้งปีของธนาคารที่ ‘ไม่เกิน 1.7%’
สำหรับสัดส่วน NPL coverage ขยับดีขึ้นเล็กน้อยเป็น 135% จาก 130% ใน 4Q15ปรับลดประมาณการกำไรลง
โดยคงคำแนะนำถือ และปรับลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 150 บาท??เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี FY16-17F ลง 8% หลังจากปรับลดสมมติฐาน NIM ลง 6bps และปรับเพิ่ม credit cost อีก 30bps (ดูหน้า 2) เราเชื่อว่าธนาคารจะต้องปรับเป้าสำรองปีนี้เพิ่มขึ้นอีก จากภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งจะทำให้นักวิเคราะห์ในตลาดปรับลดประมาณการกำไรลงอีก ทั้งนี้ ประมาณการกำไรสุทธิปี FY16/17F ในปัจจุบันยังต่ำกว่าประมาณการเฉลี่ยอยู่ 8%/13% สำหรับในระยะต่อไป เราคาดว่าผลประกอบการใน 2Q15 จะถูกกดดันจากผลของการปรับลดอัตราดอกเบี้ย MLR