April 20, 2024   2:56:47 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > CK ลั่นปีนี้โกยรายได้4หมื่นลบ.-Backlog2แสนลบ.
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 29/04/2016 @ 08:26:22
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

CK มั่นใจรายได้รวมปีนี้แตะ 4 หมื่นลบ. ทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ 8.35 หมื่นลบ. ขณะที่ดอกเบี้ยจ่ายปีนี้ต่ำลงจากการออกหุ้นกู้ พร้อมเดินหน้าประมูลงานก้อนใหญ่ 4.8 แสนลบ. ทั้งรถไฟทางคู่-รถไฟฟ้าหลากสี หวังคว้า 20-25% ของมูลค่างานที่เข้าประมูล เพื่อตุน Backlogเพิ่ม ดันสิ้นปีแตะ 2 แสนลบ. วงการคาด จะพลิกมีกำไร Q1/59 รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนใน BEM เต็มไตรมาส แนะซื้อ ประเมินราคาพื้นฐาน 33 บาท ชูเป็นTop Pick กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง

*** CK มั่นใจรายได้ปีนี้แตะ 4 หมื่นลบ. ลั่น Backlog สิ้นปี 2 แสนล้านบาท
นางสาวสุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK กล่าวว่า บริษัทฯ คาดรายได้รวมปีนี้จะอยู่ที่ 3.8-4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีรายได้ 3.8 หมื่นล้านบาท เนื่องจากปีนี้จะรับรู้รายได้ประมาณ 3.4-3.5 หมื่นล้านบาท จาก Backlog ที่มี 8.35 หมื่นล้านบาท และบริษัทฯ มีแผนที่จะประมูลงานเพิ่ม ซึ่งหวังได้งาน 20-25% จากมูลค่างานที่ประมูลปีนี้ 4.8 แสนล้านบาท ซึ่งจะผลักดันให้มูลค่างานในมือสิ้นปีนี้พุ่งขึ้นแตะระดับ 2 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯ มีงานรอเตรียมเซ็นสัญญาอีก 2 โครงการ คือ โครงการสถานีไฟฟ้าย่อยนาบง ที่สปป.ลาว มูลค่า 2,200 ล้านบาท และโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี ที่ได้งานก่อสร้างเพิ่มอีก 19,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเซ็นสัญญาได้ภายในครึ่งปีแรก และจะรับรู้รายได้ช่วงครึ่งปีหลัง
สำหรับโครงการลงทุนของภาครัฐที่จะมีการประกวดในปี 2559 รวม 4.8 แสนล้านบาท ดังกล่าว แบ่งเป็นครึ่งปีแรก 2.25 แสนล้านบาท คือ รถไฟทางคู่ เส้นทาง ประจวบคีรีขันธ์ -ชุมพร และเส้นทาง มาบกระเบา-ชุมทางถนนจิระ สุวรรณภูมิเฟส2 มอเตอร์เวย์ 3โครงการ คือ เส้นพัทยา-มาบตาพุด บางปะอิน-นครราชสีมา บางใหญ่-กาญจนบุรี และในครึ่งปีหลังอีก 2.56 แสนล้านบาท คือ รถไฟฟ้าสายสีส้ม สีชมพู สีเหลือง สายสีม่วงส่วนต่อขยาย และรถไฟทางคู่ 2 สาย ประกอบด้วย นครปฐม-หัวหิน และลพบุรี -ปากน้ำโพ
บริษัทฯ จะเข้าประมูลทุกโครงการ เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญ มีความชำนาญและมีศักยภาพที่รับงานได้ และหากโครงการไหนภาครัฐเปิดให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน (PPP) กลุ่ม CK ก็มีศักยภาพในการร่วมลงทุนและรับเหมา และมีความพร้อมทางด้านการเงินเนื่องจากมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง
บริษัทฯ จะรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin)ให้อยู่ที่ 8-10% ซึ่งเป็นนโยบายของบริษัทฯ โดยปีที่ผ่านมาบริษัทฯ มี Gross Profit Margin เฉลี่ยอยู่ที่ 8.22% ถือว่าเป็นระดับน่าพอใจ
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการศึกษาเข้ารับงานในประเทศเมียนมา เพราะประเทศดังกล่าวอยู่ระหว่างการพัฒนาประเทศทำให้มีจำนวนงานก่อสร้างมาก ซึ่งยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะเริ่มเข้าไปรับงานได้ปีไหน เพราะต้องศึกษากฎระเบียบให้ดีก่อน
ปัจจุบัน มีต่างชาติหลายรายสนใจที่จะเข้ามาร่วมกับบริษัทฯในการเข้ารับงานของภาครัฐ ซึ่งบริษัทฯ อยู่ระหว่างการพิจารณา แต่บริษัทฯ ก็มีศักยภาพที่จะรับงานเดี่ยวได้ หรือร่วมกับบริษัทในเครือในการรับงาน ดังนั้น จะพิจารณาอย่างรอบคอบ
ล่าสุด ผู้ถือหุ้นอนุมัติได้จ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลัง 2558 ในอัตราหุ้นละ 0.40บาท และขยายวงเงินการออกและเสนอขายหุ้นกู้เป็นจำนวนคงค้างไม่เกิน 35,000 ล้านบาท จากวงเงินเดิมไม่เกิน 25,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายธุรกิจของบริษัทฯ และเป็นแหล่งเงินทุน เพื่อการดำเนินกิจการของบริษัทฯ หรือเพื่อชำระคืนหนี้ บริษัทจะพิจารณาจังหวะในออกที่เหมาะสม เพื่อนำไปขยายธุรกิจและชำระคืนหนี้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีD/E ที่ 1.6เท่า ซึ่งต่ำกว่านโยบายของบริษัทที่จะไม่เกิน 2 เท่า

*** โบรกฯ คาด CK จะพลิกมีกำไร Q1/59 รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนใน BEM เต็มไตรมาส
บล.คันทรี่ กรุ๊ป คาดว่าผลประกอบการของ CK ในงวด 1Q59 จะกลับมามีกำไรสุทธิได้อีกครั้งหลังจากขาดทุนไปกว่า 180 ล้านบาทในงวด 4Q58 ที่ผ่านมาโดยในแง่รายได้คาดว่าจะออกมาใกล้เคียงกับงวด 4Q58 หลังจาก Backlog ยังอยู่ในระดับสูงและเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการรถไฟทางคู่เส้นทางชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่นเข้ามาบางส่วนแล้ว และเพิ่มขึ้น 5%YoY
ด้านกำไรขั้นต้นคาดว่าจะใกล้เคียงกับช่วง 1Q58 ที่ระดับ 8.3% ขณะที่สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเทียบกับรายได้อยู่ที่ 4.5% ใกล้เคียงกับ 1Q58 แต่ลดลงจาก 6.3% ใน 4Q58 เนื่องจากในงวดดังกล่าวมีการบันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษด้านพนักงานเข้ามาค่อนข้างมาก (เป็นการบันทึกเพียงครั้งเดียว)
นอกจากนี้ ในงวด 1Q59 จะเป็นไตรมาสแรกที่ CK รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนใน BEM เข้ามาเต็มไตรมาสเป็นครั้งแรกเบื้องต้นคาดว่าจะรับรู้เข้ามาประมาณ 160 ล้านบาท จากเดิมที่ต้องรับรู้ผลขาดทุนใน BMCL และรับรู้ BECL ผ่านเงินปันผล เมื่อรวมกับภาระดอกเบี้ยจ่ายที่อยู่ที่ 386 ล้านบาท ทำให้รวมแล้วเราจึงคาดกำไรสุทธิของ CK อยู่ที่ 167 ล้านบาทพลิกจากที่ขาดทุน 182 ล้านบาทใน 4Q58 แต่ลดลงจาก 437 ล้านบาทใน 1Q58 เนื่องจากในงวดดังกล่าวมีการรับรู้เงินปันผลของ TTW เข้ามา (คาดว่าจะบันทึกเข้ามาในงวด 2Q59 นี้) และมีกำไรจากการขายเงินลงทุนเข้ามา 315 ล้านบาท

*** เข้าสู่ช่วงเทศกาลประมูล
จากการที่งานประมูลภาครัฐเตรียมจะถูกผลักดันออกมามากขึ้นตั้งแต่ช่วง 2Q59 เป็นต้นไป ซึ่ง CK เป็น 1 ในผู้ประกอบการที่มีความพร้อมในการเข้าประมูลทุกๆโครงการ อีกทั้งยังมีโอกาสได้งานเพิ่มจากโครงการเขื่อนไซยะบุรีอีก เราจึงยังคงคำแนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" เช่นเดิมโดยประเมินมูลค่าเหมาะสมอยู่ที่ 31 บาท (PBV 2.5X)
ทั้งนี้ CK ประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการช่วง 2H58 จำนวน 0.40 บาท/หุ้น (รวมทั้งปีจ่าย 0.65 บาท/หุ้น) โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 4 พ.ค. และจ่ายเงินปันผลวันที่ 27 พ.ค.

*** ชู CK เป็น Top Pick กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส ระบุว่า CK แข็งแกร่งมากขึ้น โดยล่าสุดได้รับงานเพิ่มจากเขื่อนไซยะบุรี 20 พันล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามคำร้องขอของรัฐบาลลาว เพื่อวัตถุประสงค์ในการดูแลสภาพแวดล้อมมากขึ้น ทางด้านอัตรากำไรขั้นต้นยังคงเท่ากับงานเดิมที่ประมาณ 8% แต่วิธีการจัดหาเงินสำหรับโครงการนี้ยังไม่ได้มีข้อสรุปสุดท้ายออกมา
ทั้งนี้ รัฐบาลลาวจะให้สนับสนุน CK ในการรับงานเพิ่มส่วนนี้ เช่น การลดภาษี ลดส่วนแบ่งรายได้ และขยายเวลาสัมปทาน เป็นต้น ส่วนอัตราผลตอบแทน IRR คาดว่าจะมีผลกระทบน้อย อยู่ที่ประมาณ 13% แม้จะมีงานเพิ่ม แต่กำหนดการเริ่มใช้งานเขื่อนคงเดิมคือปี 62 โดย ก.พ.59 มีความคืบหน้าแล้ว 60.82% ด้านความเสี่ยงที่จะล่าช้า ทางผู้จัดการโครงการเห็นว่าต่ำ
คาดว่ารายได้งวดปีนี้มีการเติบโตดีกว่าคาด เพราะงานรถไฟทางคู่จิระ-ขอนแก่น มูลค่า 15 พันล้านบาท ให้รายได้ปีนี้และปีหน้าเพิ่มขึ้นในอัตรา 7% และ 9% ตามลำดับ แต่อัตรากำไรขั้นต้นแคบลงปีนี้เป็น 8.3% และปี 60 เป็น 8.8% จากเดิมที่ 9.7% ทั้งสองปี ตามลำดับ เนื่องจากงานรถไฟทางคู่ช่วงแรกจะให้อัตรากำไรไม่สูง รวมทั้งงานรถไฟฟ้าสายสีม่วง น้ำเงินและเขียวอยู่ในช่วงเฟสท้ายๆจะมีอัตรากำไรไม่สูง
ด้านรายการอื่นๆที่ปรับดีขึ้นคือ ดอกเบี้ยจ่ายต่ำลงจากการออกหุ้นกู้ และกำไรตามส่วนได้เสียมากขึ้นหลังจากมีการถือหุ้นใน BEM สัดส่วนเป็น 27.47% มีโอกาสสูงที่ CK จะไม่ทำงานเขื่อนน้ำบากซึ่งมีมูลค่าประมาณ 17 พันล้านบาท เพราะข้อเสนอผลตอบแทนจากรัฐบาลลาวไม่ดึงดูดใจ และมีความเป็นไปได้ (feasible) ของโครงการค่อนข้างน้อย แนะนำซื้อ โดยให้ราคาพื้นฐาน 33 บาท ประเมินด้วยวิธี SOTP เราชอบปัจจัยพื้นฐาน CK ในเรื่องผู้บริหารมีประสบการณ์และความชำนาญในงานก่อสร้างมาเป็นระยะเวลายาวนาน งานก่อสร้างในมือ (Backlog) แข็งแกร่ง มีโอกาสได้งานเมกะโปรเจ็กต์ในอนาคต และได้ประโยชน์จากการปรับโครงสร้างบริษัทในกลุ่ม ดังนั้น จึงจัดลำดับให้ CK เป็น Top Pick ในหลักทรัพย์กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com