April 26, 2024   12:45:14 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > BJCเพิ่มทุน8.4หมื่นล.ใช้หนี้กู้ซื้อบิ๊กซี
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 27/05/2016 @ 08:32:49
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

"เบอร์ลี่ ยุคเกอร์"ประกาศเพิ่มทุน 2.4 พันล้านหุ้น ขายให้ผู้ถือหุ้นเดิม-PP ราคาหุ้นละ 35 บาท ระดมเงิน 8.4 หมื่นล้านบาท นำไปชำระหนี้ระยะสั้นที่กู้มาซื้อ BIGC รวมกว่า 2.04 แสนล้านบาท พร้อมเตรียมออกหุ้นวงเงิน 1.3 แสนล้านบาท นำไปรีไฟแนนซ์หนี้ที่เหลือ ด้านผู้ถือหุ้นเดิมช็อกจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นกว่า 150% ฉุด EPS วูบ เหตุกำไร BIGC ช่วยหนุนงบ BJC ไม่มาก เพราะมีภาระดอกเบี้ยหุ้นกู้ที่ต้องจ่ายสูงถึงปีละ 6 พันล้านบาท

*** เพิ่มทุน 2.4 พันล้านหุ้น ระดมเงิน 8.4 หมื่นลบ.
บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทฯมีมติอนุมัติเพิ่มทุน 2.4 พันล้านหุ้น เสนอขายให้ผู้ถือหุ้นเดิม(RO) 1.6 พันล้านหุ้น สัดส่วน 1 ต่อ 1 ราคาหุ้นละ 35 บาท และเสนอขายให้นักลงทุนเฉพาะเจาะจง(PP)จำนวน 800 ล้านหุ้น ในราคาไม่ต่ำกว่าหุ้นละ 35 บาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน (XR) วันที่ 7 มิ.ย. นี้ กำหนดวันประชุมผู้ถือหุ้น 29 มิ.ย.นี้ และกำหนดวันจองซื้อและชำระค่าหุ้น 13 - 21 ก.ค. 59 โดยภายหลังการเพิ่มทุนจำนวนหุ้นของบริษัทจะเพิ่มเป็น 4.05 พันล้านหุ้น จากเดิม 1.59 พันล้านหุ้น
ทั้งนี้ บริษัท ทีซีซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ BJC สัดส่วน 73.83% ได้แสดงความจำนงที่จะจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นของตน และใช้สิทธิจองซื้อหุ้นส่วนเกิน ในกรณีที่มีหุ้นเหลือจากการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน ภายใต้เงื่อนไขว่า ทีซีซีฯ ได้รับคำผ่อนผันการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์(เทนเดอร์ ออฟเฟอร์) จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หากการใช้สิทธิส่วนเกินทำให้ก้าวข้ามจุดที่ต้องทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์
สำหรับวัตถุประสงค์การใช้เงินเพิ่มทุน เพื่อปรับโครงสร้างเงินลงทุนและชำระคืนหนี้เงินกู้จากสถาบันการเงิน ที่ใช้ในการเข้าซื้อกิจการของกลุ่มบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BIGC ในสัดส่วน 97.94% ของหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมด ซึ่งได้มีการกู้ยืมเงินระยะสั้น จากสถาบันการเงิน รวมประมาณ 204,330 ล้านบาท (ไม่รวมดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายต่างๆ จากการเข้าทำรายการ)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หาก BJC เสนอขายหุ้นเพิ่มทุน 2.4 พันล้านหุ้นได้ทั้งจำนวน ในราคาหุ้นละ 35 บาท จะทำให้บริษัทได้เงินไปชำระหนี้รวม 8.4 หมื่นล้านบาท

*** เล็งออกหุ้นกู้ 1.3 แสนลบ. รีไฟแนนซ์เงินกู้ระยะสั้น
นอกจากนี้ คณะกรรมการ BJC ยังได้อนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้น พิจารณาอนุมัติการออกหุ้นกู้ ในวงเงินไม่เกิน 130,000 ล้านบาท หรือในสกุลเงินอื่นในจำนวนที่เทียบเท่า รวมทั้งอนุมัติให้บริษัท และ/หรือ บริษัทย่อยขอรับสินเชื่อโดยการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน และ/หรือกู้ยืมเงินโดยการออกตั๋วแลกเงิน (B/E) ให้แก่บุคคลอื่นใดเพื่อเป็นแหล่งเงินทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 24 เดือน) ในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 130,000 บาท หรือในสกุลเงินอื่นในจำนวนที่เทียบเท่า โดยจะมีอัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามสภาวะตลาด
ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้รับจากการออกและเสนอขายหุ้นกู้ไปชำระคืนหนี้เงินกู้ ซึ่งมีอยู่ในปัจจุบัน และ/หรือ ใช้ในการดำเนินงาน และ/หรือ ขยายธุรกิจ และ/หรือ เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท หรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ ตามที่คณะกรรมการบริษัทเห็นสมควร

*** จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นกว่า 150% จับตากำไรโตตามหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเพิ่มทุนครั้งนี้อาจทำให้ผู้ถือหุ้นเดิมที่ไม่ใช้สิทธิเพิ่มทุนเกิดไดลูทกว่า 150% คิดจากจำนวนหุ้นเพิ่มทุนใหม่ 2,400 ล้านหุ้น และหุ้นเดิม 1,590 ล้านหุ้น ส่วนการออกหุ้นกู้ 1.3 แสนล้านบาท หากคิดอัตราดอกเบี้ยใกล้เคียงกับที่บริษัท ซีพีออลล์(CPALL) ออกหุ้นกู้มาชำระหนี้ซื้อ MAKRO ที่ 4.5% จะทำให้ BJC มีภาระดอกเบี้ยสูงถึงปีละเกือบ 6,000 ล้านบาท
ขณะที่ BIGC มีกำไรต่อปีราว 6,900 ล้านบาท หักดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายปีละ 6,000 ล้านบาทออกไป เท่ากับว่า BJC จะได้กำไรส่วนเพิ่มจาก BIGC เพียง 900-1,000 ล้านบาท และหากเทียบกับกำไรของ BJC ปี 58 ที่ราว 2,800 ล้านบาท เท่ากับว่ากำไรส่วนที่เพิ่มคิดเป็น 35% ของกำไรเดิม แต่ก็ต้องแลกมาด้วยจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นมหาศาลจากการเพิ่มทุน
ทั้งนี้ ในปี 2558 ที่ผ่านมา BJC มีกำไรต่อหุ้น (EPS) ที่ 1.75 บาท และจ่ายปันผล 0.84 บาทต่อหุ้น ตามนโยบายการจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเป็นหุ้นที่จ่ายปันผลต่อเนื่อง

*** นักวิเคราะห์มองกระทบ EPS
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.)ยูโอบี เคย์เฮียน ประเมินว่า ในระยะสั้นราคาหุ้น BJC น่าจะเคลื่อนไหวใกล้เคียง 35 บาท เพื่อจูงใจให้ผู้ถือหุ้นใช้สิทธิเพิ่มทุน แต่การเพิ่มทุนครั้งนี้จะกระทบกับกำไรต่อหุ้น หรือ EPS แน่นอน หากไม่สามารถทำกำไรให้เติบโตทันกับจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นกว่า 150%
"ประกาศขาย RO ที่ 35 บาท และยังบอกว่า PP จะไม่ต่ำกว่า 35 บาท อีก ถ้าเป็นไปตามนี้ก็ถือว่า ยุติธรรมกับรายย่อย ราคาบนกระดานก็น่าจะยังไม่กระทบอะไรมาก ซึ่งหากสมมุติฐานว่าราคาหุ้นบนกระดานยังอยู่ที่ 35 บาทต่อไปรายย่อยจะใช้สิทธิหรือจะเก็บเพิ่มบนกระดานก็มีค่าเท่ากัน" นักวิเคราะห์ กล่าว
ส่วนในเชิงกลยุทธ์ลงทุน การที่มีประเด็นเพิ่มทุนกดดันอยู่ทำให้ราคาหุ้นอาจยังเคลื่อนไหวเพียงกรอบแนวรับสำคัญที่ 35 บาท ซึ่งไม่ควรหลุดจุดนี้เด็ดขาด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 38 บาท

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com