March 29, 2024   9:22:12 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > SET ใกล้ 1500 จุด - IPO ตบเท้าเข้าเทรด
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 12/07/2016 @ 08:30:40
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

หุ้นไทยบวกสดใส ดัชนีฯพุ่งทำนิวไฮรอบ 1 ปี ใกล้แตะ 1,500 จุด รับเงินต่างชาติไหลเข้า อานิสงส์จาก Brexit งานนี้หุ้นน้องใหม่มีเฮ ตั้งราคาได้สูงแถมภาวะเป็นใจ พบมี IPO ตบเท้าเข้าเทรดอีกเพียบ นำโดย EKH ที่เตรียมเซ็นอันเดอร์ไรท์และเคาะราคาวันที่ 13 ก.ค. นี้ ต่อด้วย BIZ เคาะราคาวันที่ 14 ก.ค. และยังมีอีก 16 บจ. ที่คาดเข้าซื้อขายภายในปีนี้

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นในวันทำการแรกของสัปดาห์ โดนขึ้นไปสูงสุดที่ 1470.57 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบราว 1 ปี พร้อมกับเม็ดเงินจากต่างชาติที่ไหลเข้า โดยนับจากต้นปีต่างชาติซื้อสุทธิ 42,841.09 ล้านบาท จากปี 2558 ทั้งปีที่ขายสุทธิ 154,345.53 ล้านบาท ส่งผลให้ดัชนีที่ 1500 จุด อาจไม่ใช่เป้าหมายที่ไกลเกินเอื้อมในปีนี้
ภาวะการซื้อขายที่สดใส ส่งผลในเชิงบวกต่อหุ้นน้องใหม่ที่พบว่ามีถึง 18 บริษัทที่เตรียมจ่อคิวเข้าซื้อขายภายในปีนี้ โดยเฉพาะ บริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) หรือ EKH และ บริษัท บิสซิเนสอะไลเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ BIZ ที่เตรียมเซ็นสัญญาแต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย หรือ อันเดอร์ไรท์ ภายในสัปดาห์นี้ ที่น่าจะสามารถตั้งราคาได้สูงกว่าในภาวะที่ตลาดซบเซา

**ความเชื่อมั่นนักลงทุนฟื้น
นายคเณศ วังส์ไพจิตร ผู้อำนวยการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนประจำเดือน ก.ค. 2559 พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ 104.46 เพิ่มขึ้น 11.75% จากการสำรวจครั้งก่อน เนื่องจากนักลงทุนบุคคลและต่างชาติมีความเชื่อมั่นมากขึ้น โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติที่มีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น 29% โดยปัจจัยมาจากการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้น
ส่วนปัจจัยที่กดดันความเชื่อมั่นจากสถานการณ์การเมืองในประเทศ และความผันผวนของเศรษฐกิจกลุ่มประเทศยูโรโซน โดยหมวดอุตสาหกรรมที่น่าสนใจลงทุนมากที่สุด คือ บริการรับเหมาก่อสร้าง ส่วนหมวดแฟชั่นเป็นอุตสาหกรรมที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด
จากผลการลงประชามติของสหราชอาณาจักรในการออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันที่ 23 มิ.ย. ที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อความมั่นคงเศรษฐกิจของสหภาพยุโรปและทั่วโลกอย่างมาก โดยเฉพาะการกระทบของค่าเงินที่ผันผวนสูงขึ้น และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศอื่นๆ ในสหภาพยุโรปที่เป็นคู่ค้าสำคัญของอังกฤษ ทำให้นักลงทุนเคลื่อนย้ายเงินลงทุนไปยังสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ
ด้วยปัจจัยดังกล่าวส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทย ทำให้มีเม็ดเงินต่างชาติเข้ามาลงทุน พบว่าในเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติมีปริมาณการซื้อและขาย กว่า 2.53 แสนล้านบาท และหากนับตั้งแต่ เม.ย.ถึงสิ้นเดือนมิ.ย. มีปริมาณการซื้อและขายอยู่ที่ 6.7 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนต่างชาติมีปริมาณการซื้อขายหุ้นไทยมากขึ้น แต่จากที่ไทยมีปัจจัยการเมืองในประเทศ โดยเฉพาะการลงประชามติในเดือนส.ค. นี้ จะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งปีหลัง และต้องระมัดระวังความผันผวนตลาดเงินโลก

**ลุ้น 7 ส.ค. หากประชามติร่าง รธน.ผ่าน โบรกฯปรับเป้าเกิน 1500 จุด
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร นายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน ให้สัมภาษณ์ ว่า หากผลการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญวันที่ 7 ส.ค.นี้ผ่าน เชื่อว่าโบรกเกอร์แห่ปรับเป้าดัชนีปีนี้ขึ้น จากปัจจุบันโบรกเกอร์ส่วนใหญ่คาดดัชนีปีนี้อยู่ที่ 1,500 จุด ประกอบกับ Brexit เชื่อจะมีเงินจากยุโรปไหลเข้ามาลงทุน ซึ่งไทยถือว่ามีความน่าสนใจมากที่สุดจากที่มีการปรับตัวดีที่สุดในเอเชีย รวมถึงจะมีเม็ดเงินไหลออกจากตลาดตราสารหนี้เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเช่นกัน เพราะปัจจุบันผลตอบแทนการลงทุนจากพันธบัตรปรับตัวลดลงโดยบางประเทศติดลบ
สำหรับเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย ซึ่งขณะนี้ซื้อสุทธิอยู่ที่ 4.22 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าสิ้นปีนี้เม็ดเงินต่างชาติจะเข้ามาซื้อสุทธิไม่ถึง 1 แสนล้านบาท เพราะที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมามากแล้วถึง 10% P/E ที่ 16 เท่าถือว่าสูง จึงทำให้ในช่วงแรกอาจจะไหลเข้ามาไม่มากนัก แต่หากมีการเลือกตั้งเชื่อว่าจะมีเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนตลาดหุ้นไทยมากขึ้น
"สภาพคล่องขณะนี้ในตลาดโลกมีมาก และจากกรณี Brexit จะทำให้มีเม็ดเงินไหลจากยุโรปเข้ามาลงทุนในเอเชียมากขึ้น และคาดว่าจะมีเงินจากตลาดตราสารหนี้ไหลเข้ามาลงทุนในหุ้นมากขึ้นเช่นกัน เพราะผลตอบแทนการลงทุนต่ำไม่ถึง 1% บางประเทศติดลบ ซึ่งตลาดหุ้นไทยถือว่ามีความโดดเด่นที่สุดในเอเชีย โดยเห็นได้จากดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นดีที่สุด แต่เม็ดเงินที่จะไหลเข้ามาลงทุนปีนี้เชื่อว่าจะไม่ถึง 1 แสนล้านบาท จากปัจจุบันที่ซื้อสุทธิแล้ว 4.2 หมื่นล้านบาท เพราะตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาแล้วถึง 10% และมี P/E ที่ 16 เท่าถือว่าไม่ถูกแล้ว"

** ผู้บริหารกองทุน มอง SET ครึ่งปีหลัง Sideway Up
นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา กรรมการผู้จัดการกลุ่ม จัดการลงทุน บลจ.บัวหลวง มองแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยช่วงครึ่งปีหลังจะแกว่ง ตัวในลักษณะ Sideway up โดยได้รับปัจจัยหนุนจากเงินทุนต่างชาติเริ่มไหลกลับเข้ามา หลังจากเกิดความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป และประเทศใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบจากกรณี อังกฤษจะออกจากการเป็นสมาชิกของ สหภาพยุโรป ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนในสหภาพยุโรปปรับตัว ลดลง นักลงทุนต่างชาติจึงปรับพอร์ตการลงทุนใหม่ และหันมาลงทุนในภูมิภาคเอเชียมากขึ้นไม่ว่าจะ เป็น สิงคโปร์ อินเดีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ รวมถึงไทย
ทั้งนี้ ตั้งแต่ช่วงต้นปีจนถึงปัจจุบันพบว่าเงินลงทุนของต่างชาติไหลกลับเข้ามาแล้ว 4.2 หมื่นล้านบาท และยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีกมาก เพราะหากเทียบกับในอดีตเงินทุนต่างชาติเคยไหลเข้ามาลงทุน ในประเทศไทยสูงกว่า 2 แสนล้านบาท
แต่อย่างไรก็ตาม คงต้องติดตามประเด็นเกี่ยวกับการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในวันที่ 7 ส.ค.นี้ รวมไปถึงแนวโน้มผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน และภาพรวมหนี้ในระบบ รวมถึงหนี้ที่ไม่ ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในระบบธนาคารที่อาจปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
"ในช่วงที่ผ่านมาเราก็ได้มีการพบปะนักลงทุน และกองทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่อง ทำให้เราเชื่อว่ายัง มีโอกาสที่เงินทุนต่างชาติจะไหลเข้ามาต่อ เพราะมีหลาย ๆ รายเข้ามาขอซื้อหุ้นแบบ BIG LOT และการพูดคุยกับบริษัทขนาดใหญ่ในต่างประเทศก็มองแนวโน้มในอนาคตที่จะเข้ามา เติบโตในภูมิภาค เอเชีย แต่อย่างไรก็ตาม ต่างชาติยังคงรอความชัดเจนเรื่องของการลงประชามติรัฐธรรมนูญฉบับปี 59 อยู่ว่าจะออกมาอย่างไร แต่ส่วนตัวเชื่อว่าจะผ่านหรือไม่ผ่านก็มีการเลือกตั้งแน่ ๆ แค่จะใช้รัฐ ธรรมนูญฉบับไหนเท่านั้นเอง"นายพีรพงศ์ กล่าว
ด้านนายสมิทธ์ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ บลจ.ไทยพาณิชย์ มองในทิศทางเดียวกันว่า SET Index ช่วงครึ่งปีหลังจะเคลื่อนไหวแบบ Sideway up จากเงินทุนต่างชาติจะไหลเข้ามาในตลาด หุ้นไทยมากขึ้น นอกจากนั้น ยังมีเงินทุนของไทยที่ออกไปลงทุนในตลาดตราสารหนี้ในต่างประเทศที่จะ ไหลกลับ เข้ามาด้วย โดยในช่วงที่ผ่านมาเงินทุนไทยไหลกลับมาแล้วถึง 6 แสนล้านบาท จากมูลค่า เงินทุนที่ออกไปถึง 2 ล้านล้านบาท
ทั้งนักลงทุนไทย และนักลงทุนต่างชาติ มีแนวโน้มไหลกลับมาอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นเข้าลงทุนใน สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง ไม่ว่าจะเป็น หุ้นกู้ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) ทรัสต์ เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) และในหุ้นที่มีการปันผลในอัตราที่สูงโดยเฉพาะหุ้นไซ ต์ขนาดใหญ่ ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่ต้องการผลตอบแทนต่อปีที่ 4-6%
นายสมิทธิ์ ยังมองว่า SET Index มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประเมินดัชนี ปลายปีนี้จะอยู่ที่ 1,550 จุด หรือครึ่งปีหลังจะแกว่งตัวในกรอบ 1,500-1,550 จุด โดยได้รับปัจจัย บวกจากแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ปรับตัวดี ขึ้นตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว และได้รับแรงหนุนจากเงินทุนไหลเข้าอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงเกี่ยวกับ ปริมาณหนี้ในระบบ และ NPL
"ส่วนตัวเราเองมองว่าการเมืองของประเทศไทยในปัจจุบันนั้นเป็นเรื่องปกติ ที่เกิดขึ้น แต่ในส่วน ของนักลงทุนต่างชาตินั้นเขากังวลในเรื่องนี้ค่อนข้างมาก แต่หากสามารถประชามติรัฐธรรมนูญฉบับปี 59 ผ่านได้ จะเป็นผลบวกที่ช่วยให้เงินทุนไหลเข้ามามากขึ้น ซึ่งต้องติดตามในวันที่ 7 ส.ค. ที่จะถึง นี้ แต่ส่วนตัวก็เชื่อว่าหากไม่ผ่านก็ยังจะมีการเลือกตั้งขึ้นตามแผน"นายสมิทธ์ กล่าว

** EKH-BIZ เซ็นอันเดอร์ไรท์สัปดาห์นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีหุ้นที่เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ทั้ง SET และ mai ที่จะเซ็นอันเดอร์ไรท์และเคาะราคา IPO ในสัปดาห์นี้ได้แก่
บริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) หรือ EKH โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำในจังหวัดสมุทรสาคร สถานพยาบาล ขนาด 100 เตียง ในชื่อ "โรงพยาบาลเอกชัย" ที่ได้รับอนุญาตให้ขายหลักทรัพย์จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา และได้กำหนดพิธีลงนามแต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย รวมถึงสรุปราคาในวันที่ 13 ก.ค.นี้ เพื่อพร้อมจะเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยช่วงปลายเดือน ก.ค.นี้
ซึ่งการประเมินราคาจะใช้อ้างอิงกับ P/E เฉลี่ยกลุ่มโรงพยาบาล ซึ่งปัจจุบัน P/E อยู่ที่ 43 เท่า แต่จะมีส่วนลดให้กับนักลงทุนอย่างเหมาะสม ทั้งนี้บริษัทเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 166.80 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 27.80% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยจะแบ่งขายให้แก่นักลงทุนทั่วไปจำนวสน 156.80 ล้านหุ้น และจัดสรรให้คณะกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานบริษัทจำนวน 10 ล้านหุ้น
โดยช่วงที่ผ่านมามีบทวิเคราะห์ประเมินราคาเหมาะสมของ EKH ออกมาแล้วในช่วงราคา 4-4.50 บาท หรือคิดเป็น P/E ประมาณ 40 เท่า
ด้านของบริษัท บิสซิเนสอะไลเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ BIZ เตรียมเซ็นสัญญาแต่งตั้ง บล.ฟิลิป เป็นอันเดอร์ไรท์ พร้อมเคาะราคาหุ้น IPO ในวันที่ 14 ก.ค. นี้ และคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ภายในไตรมาส 3/59
BIZ จะขาย IPO จำนวน 100,000,000 หุ้น มีบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
โดย BIZ ดำเนินธุรกิจนำเข้าและติดตั้งเครื่องมือ, อุปกรณ์ทางการแพทย์ และให้บริการซ่อมบำรุงชุดเครื่องมือแพทย์ ด้านการรักษาโรคมะเร็ง อาทิ เครื่องฉายรังสี ชุดระบบคอมพิวเตอร์วางแผนการรักษา ชุดทวนสอบคุณภาพและปริมาณรังสี เป็นต้น มีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นกลุ่มโรงพยาบาลขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชนภายในประเทศ

** 16 บจ. เตรียมเข้าเทรดปีนี้
นอกเหนือไปจาก 2 บริษัทข้างต้นแล้ว ยังพบว่าอีกอีก 16 บริษัทที่อยู่ระหว่างพิจารณาคำขอเข้าจดทะเบียน โดยแบ่งเป็น SET จำนวน 10 บริษัท และ mai 6 บริษัท ประกอบด้วย

รายชื่อบริษัทที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคำขอเข้าจดทะเบียนใน SET
1.บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP
ประกอบธุรกิจ : การลงทุนในบริษัทอื่นที่ประกอบธุรกิจผลิตไฟฟ้า
จำนวนหุ้น IPO : 648,492,500 หุ้น
ที่ปรึกษาทางการเงิน : บล. ธนชาต , บล.บัวหลวง และบริษัท เดอะ ควอนท์ กรุ๊ป จำกัด

2.บริษัท สหกล อิควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SQ
ประกอบธุรกิจ : บริการและดำเนินงาน ด้านการทำเหมืองแร่ครบวงจร การให้เช่า และซ่อมบำรุงเครื่องจักรขนาดใหญ่
จำนวนหุ้น IPO : 230,000,000 หุ้น
ที่ปรึกษาทางการเงิน : ธนาคารไทยพาณิชย์ และ บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)

3.บริษัท ยูนิเวอร์แซล ยูทีลิตี้ส์ จำกัด (มหาชน) หรือ UU
ประกอบธุรกิจ : กิจการน้ำประปาแบบครบวงจร
จำนวนหุ้น IPO : 420,000,000 หุ้น
ที่ปรึกษาทางการเงิน : บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)

4. บริษัท ออลล่า จำกัด (มหาชน) หรือ ALLA
ประกอบธุรกิจ : ผู้ผลิต จำหน่าย และติดตั้งอุปกรณ์ขนถ่ายวัสดุที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม อาทิ เครนและรอกไฟฟ้า
จำนวนหุ้น IPO : 150,000,000 หุ้น
ที่ปรึกษาทางการเงิน : บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด

5.บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG
ประกอบธุรกิจ : ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และลงทุนในบริษัทผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน
จำนวนหุ้น IPO : 600,000,000 หุ้น
ที่ปรึกษาทางการเงิน : บล. กสิกรไทย ,บล. ฟินันซ่า และ บล. ทิสโก้

6. บริษัท เอฟเอ็น แฟคตอรี่ เอ๊าท์เลท จำกัด (มหาชน) หรือ FN
ประกอบธุรกิจ : ศูนย์จัดจำหน่ายสินค้า ประเภท “เอ๊าท์เลท” ภายใต้ชื่อ “เอฟเอ็น แฟคตอรี่ เอ๊าท์เลท”
จำนวนหุ้น IPO : 250,000,000 หุ้น
ที่ปรึกษาทางการเงิน : บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด

7.บริษัท แมคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ MT
ประกอบธุรกิจ : ให้บริการงานติดตั้งระบบและรับเหมาก่อสร้าง
จำนวนหุ้น IPO : 150,000,000 หุ้น
ที่ปรึกษาทางการเงิน : บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย)

8. บริษัท โรงพยาบาลราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ RJH
ประกอบธุรกิจ : โรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ภายใต้ชื่อ “โรงพยาบาลราชธานี” และบริษัทย่อย “โรงพยาบาลราชธานีโรจนะ”
จำนวนหุ้น IPO : 74,999,599 หุ้น
ที่ปรึกษาทางการเงิน : บล.ธนชาต

9.บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR
ประกอบธุรกิจ : ผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
จำนวนหุ้น IPO : 75,000,000 หุ้น
ที่ปรึกษาทางการเงิน : บล.กสิกรไทย

10.บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP
ประกอบธุรกิจ : โรงไฟฟ้าจากขยะและพลังงานความร้อนทิ้งและสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงและเอ็นจีวี
จำนวนหุ้น IPO : 2,500,000,000 หุ้น
ที่ปรึกษาทางการเงิน : ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ,บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) และ ธนาคาร ทิสโก้

รายชื่อบริษัทที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคำขอเข้าจดทะเบียนใน mai

1.บริษัท อาฟเตอร์ ยู จำกัด (มหาชน) หรือ AU
ประกอบธุรกิจ : ร้านขนมหวานและเบเกอร์รี่ภายใต้ชื่อ “อาฟเตอร์ ยู”
จำนวนหุ้น IPO : 240,000,000 หุ้น
ที่ปรึกษาทางการเงิน : บล.บัวหลวง

2. บริษัท บูทิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BOUTIQ
ประกอบธุรกิจ : พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ประเภทโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ ศูนย์การค้า
จำนวนหุ้น IPO : 167,000,000 หุ้น
ที่ปรึกษาทางการเงิน : บล. เคที ซีมิโก้ จำกัด

3.บริษัท โคแมนชี่ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ COMAN
ประกอบธุรกิจ : ผู้พัฒนาเพื่อจำหน่ายโปรแกรมสำเร็จรูปเพื่อใช้บริหารงานโรงแรมและพัฒนาโปรแกรมในรูปแบบโซลูชั่น
จำนวนหุ้น IPO : 34,000,000 หุ้น
ที่ปรึกษาทางการเงิน : บล.ทรีนีตี้

4. บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL
ประกอบธุรกิจ : ให้บริการโครงข่ายใยแก้วนำแสง ให้บริการติดตั้งโครงข่ายและให้บริการพื้นที่ศูนย์ข้อมูลหรือดาต้าเซ็นเตอร์(Data Center)
จำนวนหุ้น IPO : 200,000,000 หุ้น
ที่ปรึกษาทางการเงิน : บล. ฟินันเซีย ไซรัส

5. บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน) หรือ SELIC
ประกอบธุรกิจ : ผลิตและจำหน่ายรวมทั้งวิจัยและพัฒนากาวอุตสาหกรรม
จำนวนหุ้น IPO : 80,000,000 หุ้น
ที่ปรึกษาทางการเงิน : บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด

6 บริษัท เทคโน เมดิคัล จำกัด (มหาชน) หรือ TM
ประกอบธุรกิจ : นำเข้าและเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ และวัสดุสิ้นเปลืองที่ใช้ในการแพทย์
จำนวนหุ้น IPO : 80,000,000 หุ้น
ที่ปรึกษาทางการเงิน : บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด


 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com