April 25, 2024   11:15:36 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > BPP เคาะไอพีโอ 18-21 บ.
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 27/09/2016 @ 08:34:17
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

บ้านปู เพาเวอร์(BPP) เคาะช่วงราคาไอพีโอที่ 18-21 บาท เริ่มขาย 10-20 ต.ค.นี้ โบรกฯ ชี้หนุนมูลค่าหุ้นแม่เกือบ 10 บาท ให้เป้าหมายใหม่ BANPU ที่ 20 บาท ฟากตลท. เข้มเกณฑ์รับหลักทรัพย์ ต้องมีกำไร และส่วนผู้ถือหุ้นเป็นบวก เริ่มใช้ต้นปี 60

**เคาะ IPO ช่วง 18-21 บ.
บมจ.บ้านปู (BANPU) แจ้งว่าบมจ.บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ทำธุรกิจไฟฟ้า กำหนดราคาขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) เบื้องต้นที่ 18-21 บาท/หุ้น โดยจะสรุปราคาขาย IPO สุดท้ายภายในวันที่ 17 ต.ค.นี้ ขณะที่กำหนดให้ผู้ถือหุ้น BANPU ที่ได้รับสิทธิจัดสรรหุ้นบ้านปู เพาเวอร์ จองซื้อที่ราคาสูงสุดก่อนที่ 21 บาท/หุ้น กำหนดอัตราส่วน 23.1725 หุ้น BANPU ต่อ 1 หุ้น BPP ในระหว่างวันที่ 10-13 ต.ค.นี้
BANPU ระบุว่าตามที่ BPP ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ให้ออกและเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อประชาชนเป็นจำนวนไม่เกิน 648,492,500 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ 10 บาท แบ่งเป็น จำนวนไม่เกิน 210,000,000 หุ้น เพื่อเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเฉพาะกลุ่ม ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมของ BANPU ที่ได้รับสิทธิจัดสรรหุ้นและสามารถจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ BPP เกินสิทธิ (oversubscription) ได้ไม่เกิน 20% ของจำนวนหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ตนมีสิทธิได้รับการจัดสรร
และหุ้น BPP จำนวนไม่เกิน 438,492,500 หุ้น บวกด้วยจำนวนหุ้นที่เหลือจากการจัดสรรตามให้กับผู้ถือหุ้นของ BANPU จะเสนอขายต่อประชาชนเป็นการทั่วไป
ผู้ถือหุ้นเดิมของ BANPU ที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นจะได้รับสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน BPP ในอัตราส่วน 23.1725 หุ้นสามัญเดิมของบริษัท ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุนของ BPP ขึ้น XB ไปแล้วเมื่อวันที่ 8 ก.ย. 59 ที่ผ่านมา
โดยจะเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของ BANPU ในวันที่ 10-13 ต.ค. และเสนอขายแก่บุคคลทั่วไปและนักลงทุนสถาบัน ระหว่างวันที่ 18-20 ต.ค. นี้
วัตถุประสงค์การใช้เงิน
1.ชำระเงินกู้ยืม 10,047-11,964 ล้านบาทภายในปี 59
2.ลงทุงขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ 1,000 ล้านบาท ภายในปี 60 ที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนการดำเนินงงาน

**เจาะงบ BPP
รายได้ปี 56-58 เท่ากับ 6,223.7, 5,826.1 และ 6,217.0 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนงวด 6 เดือนปี 59 เท่ากับ 3,173.0 ล้านบาท
กำไรสุทธิปี 56-58 เท่ากับ 2,627.7, 2,997.4 และ 2,923.4 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนงวด 6 เดือนปี 59 เท่ากับ 2,632.7 ล้านบาท
อัตรากำไรสุทธิปี 56-58 เท่ากับ 42.2%, 51.4%, และ 47.0% ตามลำดับ ส่วนงวด 6 เดือนปี 59 เท่ากับ 83.0%
อัตราหนี้สินต่อทุนปี 56-58 เท่ากับ 0.5, 0.5 และ 1.5 เท่า ตามลำดับ ส่วนงวด 6 เดือนปี 59 อยู่ที่ 0.6 เท่า

**หนุนหุ้น BANPU เกือบ 10 บ.
บล.โกลเบล็ก ออกบทวิเคราะห์ระบุว่า ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเชิงบวกต่อธุรกิจถ่านหินของบ้านปู เนื่องจากราคาถ่านหิน Newcastle ที่ออสเตรเลียปรับตัวขึ้นกว่า 44% เมื่อเทียบกับต้นปีทำ New High ที่ 72 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อตันบ่งชี้ถึงธุรกิจถ่านหินได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว นอกจากนี้การนำ BANPU POWER (BPP) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ช่วยเพิ่ม มูลค่าหุ้น BANPU โดยฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าด้วยวิธี SOTP ประเมินมูลค่าธุรกิจโรงไฟฟ้าได้ 9.9 บาทต่อหุ้นและธุรกิจถ่านหินที่ 10.1 บาทต่อหุ้นสำหรับปี 60 ทำให้ได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 20 บาทซึ่งสูงกว่าราคาในกระดานจึงปรับคำแนะนำจาก “ถือ” เป็น “ซื้อ”

**ตลท.เข้มเกณฑ์ IPO
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับปรุงคุณสมบัติของบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนทั้งในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ให้เป็นหลักทรัพย์ที่มีคุณภาพและมีสภาพคล่อง สอดรับกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่ธุรกิจที่เข้าจดทะเบียนมีขนาดใหญ่ขึ้น
เกณฑ์ที่ปรับ อาทิ กำหนดให้บริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนจะต้องมีส่วนผู้ถือหุ้นเป็นบวก ก่อนการเสนอขายหุ้นต่อประชาชน (IPO) โดยบริษัทที่จะจดทะเบียนใน mai จะต้องมีทุนชำระแล้วและส่วนของผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิปีล่าสุดไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท นอกจากนี้ ได้กำหนดให้บริษัทมีการกระจายการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) ไม่น้อยกว่า 25% เช่นเดียวกับบริษัทที่เข้าจดทะเบียนใน SET ทั้งนี้ เพื่อให้มีหุ้นหมุนเวียนในตลาดมากขึ้น
รวมทั้งปรับคุณสมบัติของบริษัทที่จะจดทะเบียนด้วยเกณฑ์มูลค่าหุ้นสามัญตามราคาตลาด (market capitalization) ให้ต้องเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เป็นต้น โดยมีผลบังคับใช้ 1 มกราคม 2560 ทั้งนี้ การปรับปรุงเกณฑ์ดังกล่าว จะไม่มีผลกระทบกับบริษัทที่อยู่ในขั้นตอนการพิจารณารับหลักทรัพย์เข้าจดทะเบียนซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังกำหนดให้หุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนต้องมีมูลค่าที่ตราไว้ (Par) ขั้นต่ำไม่น้อยกว่าหุ้นละ 0.50 บาท เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจของผู้ลงทุน อย่างไรก็ดี จะมีการยกเว้นการกำหนดมูลค่าที่ตราไว้ขั้นต่ำดังกล่าวสำหรับหุ้นของบริษัทจดทะเบียนที่มีราคาพาร์ต่ำกว่า 0.50 บาทในปัจจุบัน รวมถึงในบางกรณีที่บริษัทจดทะเบียนมีความจำเป็นในการลดมูลค่าที่ตราไว้ให้ต่ำกว่า 0.50 บาท เช่น บริษัทที่มีราคาตลาดไม่น้อยกว่า 100 บาทต่อเนื่องในระยะเวลาหนึ่ง หรือบริษัทอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้าง เป็นต้น โดยการกำหนดมูลค่าที่ตราไว้ขั้นต่ำนี้ มีผลบังคับใช้ 1 ตุลาคม 2559




 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com