April 25, 2024   2:23:48 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กองทุนตื่นขายหุ้น 7 พันลบ.
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 11/10/2016 @ 08:52:01
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

Black Monday ฉุดหุ้นร่วง 50 จุด กองทุนขี้ตกใจเทขายหนักกว่า 7.2 พันล้านบาท ขณะที่ต่างชาติยังซื้อพันล้าน และรายย่อยเก็บหุ้นเข้าพอร์ตเกือบ 7 พันล้านบาท กูรูแนะรอช้อนหุ้นหลังสะเด็ดน้ำ ในช่วงดัชนีฯต่ำกว่า 1,438 จุด ระบุตามสถิติมีโอกาสลงต่ออีก ขณะที่พบหุ้นหลายตัวมีอัพไซด์เกิน 20%

ตลาดหุ้นไทยเจอกับ Black Monday อีกครั้งในวันจันทร์ที่ 10 ต.ค. 59 โดยดัชนีฯ เปิดการซื้อขายร่วงลงทันที 51 จุด หรือ 3.39% สาเหตุมาจากความกังวลปัจจัยภายในประเทศ ก่อนที่จะปิดการซื้อขายที่ 1,457.02 จุด ลดลง 47.32 จุด หรือ 3.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขายถึง 74,142.56 ล้านบาท
ทั้งนี้พบว่านักลงทุนสถาบันขายสุทธิหนักที่สุดถึง 7,268.24 ล้านบาท ส่วนบัญชีโบรกเกอร์ขาย 627.33 ล้านบาท ขณะที่ต่างชาติซื้อสุทธิ 998.73 ล้านบาท และรายย่อยซื้อมากสุด 6,896.83 ล้านบาท

** `สมคิด` เผยหุ้นร่วงเหตุคนไทยขี้ตกใจ
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่ดัชนีในตลาดหุ้นไทยปรับลดลงต่อเนื่อง ว่าโดยธรรมชาติคนไทยขี้ตกใจ ซึ่งเชื่อว่าด้วยปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่ง จะทำให้ตลาดปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นหลังจากนี้ จึงวอนนักลงทุนให้เชื่อมั่นในประเทศไทย
ส่วนการเดินทางไปฝรั่งเศส และเยอรมนีช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ในเร็วๆนี้ทางรัฐบาลและภาคเอกชนของทั้งสองประเทศจะเดินทางมาเยือนประเทศไทย ซึ่งเบื้องต้นจากการหารือยอมรับว่ามีความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย

** แนะรอช้อนหุ้นช่วงดัชนีต่ำกว่า 1,438 จุด
นายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการเงินทุนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย ระบุว่าดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงอย่างหนัก เนื่องจากราคาหุ้นเริ่มอยู่ในช่วงราคาแพง และเมื่อมีจังหวะนักลงทุนจึงเริ่มเทขายทำกำไรออกมา โดยในระยะต่อไปนักลงทุนสามารถทยอยซื้อสะสมหุ้นหากดัชนีอยู่ในระดับต่ำกว่า 1,438 จุด หรือพีอีเฉลี่ย 14 เท่า ซึ่งแนะนำให้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 40% จากเดิมที่แนะนำไว้เพียง 20%
ทั้งนี้ บล. กสิกรไทย ยังคงเป้าดัชนีปีนี้ไว้ที่ 1,530 จุด และกำไรต่อหุ้น (EPS)อยู่ที่ 92.8 บาท เติบโต 20% จากปี 58
ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจ ในทิศทางดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับทรงตัวและมีแนวโน้มขาขึ้น คือกลุ่ม ประกัน และ ธนาคาร Top pick คือ BLA SCB และกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคที่มีอัตราการเติบโตสูง คือ MEGA PTG ร่วมถึงกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ คือ DELTA นอกจากนี้ หากต้องการเก็งกำไรระยะสั้นในเน้นในหุ้นที่เกี่ยวกับราคาน้ำมัน เพราะไตรมาส 4 กลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมีจะเป็นช่วงที่ดีที่สุด
“หุ้นไทยยังอยู่ในระดับที่น่าเข้าซื้อ เพราะตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศออกมากับความคาดหวังเริ่มอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน โดยปีนี้กสิกร คาด GDP ไทยจะอยู่ที่ 3.3% แต่ต้องระมัดระวังเรื่องอัตราเงินเฟ้อ เพราะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากต้นทุนราคาน้ำมันที่ต่ำในปีก่อน”นายเผดิมภพกล่าว
ส่วนปัจจัยความกังวลในต่างประเทศ แม้ GDP โลกจะถูกปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ภาพรวมเศรษฐกิจยังทยอยฟื้นตัว โดยตลาดหุ้นไทยกังวลเรื่องกระแสเงินทุนไหลออก ซึ่งส่วนตัวประเมินว่าแม้เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยภายในปีนี้อาจกระทบกับกระแสเงินทุนเพียงระยะสั้น แต่อยากให้นักลงทุนจับตาการชะลอ QE ของทั้งยุโรป และญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นกระแสเงินทุนขนาดใหญ่ที่อยู่ในตลาดหุ้นไทย
นอกจากนี้ การเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 8 พ.ย.นี้ จะเป็นประเด็นใหญ่ต่อกระแสเงินทุน ซึ่งหากผลสำรวจชี้ให้ โดนัล ทรัมป์ ชนะเลือกตั้ง จะเกิดผลกระทบเรื่องกระแสเงินทุนไหลเข้าไปเก็งกำไรในสกุลเงินดอลลาร์ ตามนโยบายหาเสียงของทรัมป์ทั้งการกีดกันการค้า และมาตรการภาษีเพื่อดึงดูดเงินเข้าสหรัฐ ซึ่งแนะนักลงทุนให้เน้นปรับพอร์ตรับมือความผันผวน

**ตามสถิติหุ้นลงได้อีก
นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า หากอิงตามสถิติวันถัดไปหลังจากวันที่ดัชนีฯ ร่วงแรง มักจะร่วงต่ออีกครึ่งหนึ่ง หรือ ราว 20-25 จุด แต่ท้ายที่สุดแล้วจะขึ้นอยู่กับประเด็นข่าวมากกว่า ขณะที่ปัจจัยพื้นฐาน มองว่าภาพรวมงบ Q3/59 ดีกว่า Q2/59 เพียงแต่ปัจจุบันมีปัจจัยเฉพาะในประเทศตัวกดดัน
ด้านกลยุทธ์ แนะชะลอการลงทุน จนกว่าประเด็นกดดันจะชัดเจน จึงจะกลับมาดูปัจจัยพื้นฐานที่คาดว่างบ Q3/59 จะดีขึ้น เริ่มจากหุ้นกลุ่มแบงก์ ยก KBANK-TCAP เป็น Top pick และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากงานประมูลงานของภาครัฐเกี่ยวกับพลังงานทางเลือก อาทิ BWG-PSTC พร้อมกับประเมินแนวรับ 1,440-1,435 จุด แนวต้าน 1,470-1,475 จุด

**เปิดโผ 8 หุ้นอัพไซด์มากกว่า 20%
ผู้สื่อข่าวสำรวจหุ้นเด่นที่นักวิเคราะห์แนะนำให้ลงทุนได้ พบว่ามีหุ้น 8 ตัวที่ราคากระดานมีอัพไซด์เกิน 20% จากราคาเหมาะสมเฉลี่ยที่โบรกเกอร์ประเมินไว้ใน IAA Consensus ดังนี้
ราคาปิด ราคาเป้าหมาย อัพไซด์ (%)
CPF 30.50 41 34.42%
LH 9 11.82 31.33%
AP 6.85 8.88 29.63%
QH 2.44 3.11 27.45%
SCB 145 184.5 27.24%
ADVANC 156 195.6 25.38%
CENTEL 38.25 47 22.87%
BJC 43 53.33 24.02%

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com