April 18, 2024   1:06:05 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เปิด 10 หุ้นอาการโคม่า 9 เดือนราคาดิ่งก้นเหว!
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 11/10/2016 @ 09:06:44
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ SET ช่วง 9 เดือนแรกปี 59 โดยเทียบราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.58-31 ส.ค. 59 โดยการสำรวจครั้งนี้จะขอนำเสนอหุ้นที่ราคาปรับตัวลดลงเกิน 30% เท่านั้น สำหรับหุ้นที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวมีทั้งหมด 10 ตัว ประกอบด้วย SOLAR, TASCO, RICH, CSS, KC, EMC, JWD, TRC, ITD และ TSI

อันดับ 1 บริษัท โซลาร์ตรอน จำกัด (มหาชน) หรือ SOLAR ราคาช่วง 9 เดือนแรก ปรับตัวลดลง 50.91% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 9.90 บาท ลบ 5.90 บาท มาอยู่ที่ 4.00 บาท ณ วันที่ 30 ก.ย.59 ราคาหุ้นอ่อนตัวมีปัจจัยกระทบหลายด้าน ทั้งในเรื่องผลการดำเนินที่ไม่สดใส เห็นได้จากบริษัทขาดทุนไตรมาส 1/59 และมีการแก้ไขงบจากขาดทุนหลักล้านเป็นขาดทุนหลักแสน ขณะเดียวกันผู้ถือหุ้นใหญ่เทขายหุ้นออกมา

อย่างไรก็ตามแม้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2559 ของบริษัทพลิกมีกำไรสุทธิ 13.56 ล้านบาท แต่ดูเหมือนว่าราคาหุ้นจะยังไม่กระเตื้องขึ้นมาแม้แต่น้อย ประกอบกับภาวะตลาดที่ผ่านมาไม่สดใสทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามบริษัทคาดปีนี้จะพลิกมีกำไรสุทธิจากที่ขาดทุนสุทธิราว 60 ล้านบาทในปีที่แล้ว หลังตั้งเป้าหมายปีนี้จะมีรายได้เพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 1,600-2,000 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันมีปริมาณงานในมือ (Backlog) ที่เซ็นสัญญาไปแล้วมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,787 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และในอนาคตจะมีงานใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นรวมถึงมียอดขายแผงโซลาร์เซลล์ ที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ก็จะส่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัท



อันดับ 2 บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCOราคาช่วง 9 เดือนแรก ปรับตัวลดลง 52.84 % จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 40.50 บาท ลบ 21.40 บาท มาอยู่ที่ 19.10 บาท ณ วันที่ 30 ก.ย. ราคาหุ้นปรับตัวลงแรง หลังนักลงทุนเทขายทำกำไร เนื่องจากหุ้นยืนอยู่ในระดับสูงก่อนหน้านี้ ประกอบกับราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นรอบใหม่ ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตยางมะตอย ส่งผลให้นักลงทุนทยอยขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง

ประกอบกับผลการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 1.89 พันล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2.44 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการขายและบริการลดลง อีกทั้งยังไม่มีแผนงานและปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุนช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาหุ้นมีแรงเทขายออกมาอย่างต่อเนื่อง



อันดับ 3 บริษัท ริช เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ RICH ราคาช่วง 9 เดือนแรก ปรับตัวลดลง 44.07 % จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 0.59 บาท ลบ 0.26 บาท มาอยู่ที่ 0.33 บาท ณ วันที่ 30 ก.ย.59 หุ้นรายนี้ถือเป็นหุ้นเก็งกำไรเวลาปรับตัวขึ้นแรงก็จะมีแรงเทขายออกมาอย่างหนัก เนื่องจากหุ้นไม่มีพื้นฐานแข็งแกร่งรองรับ ขณะเดียวกันยังไม่แผนงานธุรกิจออกมาน่าสนใจ ส่งผลให้ราคาหุ้นมีตลอด 9 เดือนที่ผ่านมาเป็นขาลงมาอย่างต่อเนื่อง



อันดับ 4 บริษัท คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ ซิสเต็มส์ โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CSS ราคาช่วง 9 เดือนแรก ปรับตัวลดลง 41% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 4.78 บาท ลบ 1.96 บาท มาอยู่ที่ 2.82 บาท ณ วันที่ 30 ก.ย.59 สำหรับหุ้นรายนี้ถือเป็นหุ้นเก็งกำไรอีกรายที่นักลงทุนชอบเข้ามาไล่ราคา

เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังบริษัทมีโอกาสได้งานเพิ่มจากการประมูล 4G เนื่องจากผู้ประกอบการเครือข่ายน่าจะมีแผนขยายโครงข่าย และเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ แต่เมื่อผลงานที่ครึ่งปีแรกมีกำไรสุทธิ 66.51 ล้านบาท หรือ 0.058 บาทต่อหุ้น ลดลง 46% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 122.44 ล้านบาท หรือ 0.127 บาทต่อหุ้น เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการขายและบริการติดตั้งลดลง อีกทั้งไม่มีปัจจัยบวกมาสนับสนุน ทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจกับทิศทางธุรกิจจึงทยอยขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังบริษัท คาดยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ภายในประเทศและการขยายธุรกิจสู่ตลาดต่างประเทศ ประกอบกับบริษัทฯ ยังคงเข้าประมูลงานต่างๆ ภายใต้งบประมาณของรัฐบาล รัฐวิสาหกิจและเอกชนอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน,การลงทุนของการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.) และโครงการรถไฟฟ้า รถไฟรางคู่ ก็น่าจะเป็นแรงหนุนให้หุ้นฟื้นตัวอีกครั้ง



อันดับ 5 บริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ KC ราคาช่วง 9 เดือนแรก ปรับตัวลดลง 40.57% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 2.12 บาท ลบ 0.86 บาท มาอยู่ที่ 1.26 บาท ณ วันที่ 30 ก.ย.59 สำหรับหุ้นรายนี้ถือเป็นหุ้นเก็งกำไรที่นักลงทุนชอบเข้ามาไล่ราคา เนื่องจากหุ้นมีราคาถูก อย่างไรก็ตามในยามที่หุ้นขึ้นแรงก็มีโอกาสที่หุ้นจะลงแรงด้วยเช่นกัน เนื่องจากหุ้นไม่พื้นฐานรองรับที่แข็งแกร่ง ทำให้ที่ผ่านมา หุ้นรายนี้เข้าไปติดในกลุ่มหลักทรัพย์ที่เข้าข่ายตามเกณฑ์ Trading Alert และ Turnover List ในยามที่ขึ้นแรง จึงไม่ต้องแปลกใจที่หุ้นรายนี้จะปรับตัวลงแรงในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา



ทั้งนี้แม้ราคาหุ้นในกลุ่มดังกล่าวจะอ่อนตัวลงหนัก หากมองอีกด้านหนึ่งหุ้นกลุ่มนี้ก็มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงได้เช่นกัน เพราะเมื่อดูแผนการดำเนินงานหุ้นกลุ่มนี้ก็ยังมีลุ้นฟื้นตัว อีกทั้งพื้นฐานบางตัวก็ยังแข็งแกร่ง การหาจังหวะเข้าสะสมหุ้นร่วงหนักช่วงนี้ก็น่าจะเป็นโอกาสที่นักลงทุนจะได้เก็บของถูกเข้าพอร์ตอีกครั้ง



*อนึ่งข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน







ขอบคุณที่มาข้อมูลจาก

ข่าวหุ้น

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com