April 16, 2024   6:28:19 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กองทุนบริสุทธิ์ผุดผ่อง!พร้อมให้สอบทุบหุ้น
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 17/10/2016 @ 08:39:16
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ดัชนีหุ้นไทยคลายความกังวลความไม่ชัดเจนปัจจัยในประเทศดันดัชนีดีดกลับแรง ด้าน"วรวรรณ ธาราภูมิ" ยอมรับกองทุนฯเข้าพบรองนายกฯ แจงกรณีกองทุนขายหุ้นหนักในระยะที่ผ่านมา และพร้อมให้หน่วยงานกำกับ ตลท.-ก.ล.ต.เข้าตรวจสอบการซื้อขาย ขณะที่กองทุนต่างชาติคลายความกังวลความไม่ชัดเจนภายในประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวดัชนีหุ้นไทย วันที่ 14 ต.ค. 59 ปิดตลาดที่ระดับ 1,477.61 จุด เพิ่มขึ้น 64.79 จุด หรือ 4.59% มูลค่าการซื้อขาย 1.05 แสนล้านบาท โดยตลอดสัปดาห์หรือช่วงระหว่างวันที่ 10-14 ต.ค. 59 พบว่าดัชนีหุ้นไทยมีความผันผวนสูง โดยต้นสัปดาห์ดัชนีหุ้นปรับตัวลดลงแรงจากปัจจัยในประเทศคอยกดดัน และพบว่าในวันที่ 12 ต.ค. มูลค่าการซื้อขายพุ่งขึ้นแตะ 1.3 แสนล้านบาท ทำสถิติสูงสุดในรอบ 41 ปี หรือนับตั้งแต่ก่อตั้งตลาดหุ้น

***กองทุนพร้อมให้ตลท.-ก.ล.ต.เข้าตรวจสอบการซื้อขาย
นางวรวรรณ ธาราภูมิ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน ได้ชี้แจงผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัวว่า หากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)จะตรวจสอบพวกเราขอสนับสนุนเต็มที่ อย่าปล่อยให้สังคมคลุมเครือ
ทั้งนี้ คสช.ไม่ได้เรียกผู้จัดการกองทุนเข้าไปปรับทัศนคติตามข่าวลือ คาดว่าน่าจะเป็นการส่งไลน์ในกลุ่มเล่นหุ้นที่ประสงค์ร้ายต่อรัฐบาลและความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ในช่วงเช้าของวันที่ 14 ต.ค. 59 บริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน(บลจ.) ได้รับคำเชิญจากนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ให้เข้าพบที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมี บลจ. 8 แห่ง ได้แก่ ค่ายกองทุนบัวหลวง กองทุนไทยพาณิชย์ กองทุนกรุงไทย กองทุน MFC กองทุนวรรณ กองทุน CIMBT กองทุนทหารไทย และกองทุนทิสโก้
โดยรองนายกฯ ได้เล่าถึงความเชื่อมั่นจากภาคธุรกิจต่างประเทศที่มีต่อไทยเพิ่มขึ้น และเล่าถึงการเปลี่ยนผ่านภายในประเทศที่จะราบรื่น ขณะที่ทางด้านบลจ. ได้เล่าถึงมุมมองที่มีต่ออนาคต คำถามจากผู้จัดการกองทุนต่างประเทศ ซึ่งไม่มีอะไรในเชิงลบ?และได้เรียนรองนายกฯ ถึงภาวะตลาดหุ้นโดยรวมในระยะที่ผ่านมา โดยพบว่าเห็นกระแสเงินสดไหลเข้ามาซื้อกองทุนรวมหุ้นมากกว่าปกติ โดยเฉพาะใน LTF และ RMF ในทุกวันที่ตลาดกระชากลงแรงๆ
รวมถึง สาเหตุที่กองทุนจำเป็นต้องขายสุทธิเพราะเป็นจังหวะต้องจ่ายเงินให้ผู้เกษียณสำหรับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และต้องปรับการซื้อขายตามสภาพตลาดเพราะบางกองฯเป็น Index Fund และได้ชี้แจงเพิ่มเติมไปว่าในเชิงจิตวิทยาการลงทุนนั้น ที่ผ่านมามันมี Uncertainty จึงทำให้ผู้เล่นในตลาดที่ไม่เข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหน มีปฏิกิริยา เพราะเขาไม่ชัดเจนในเรื่องนี้
อย่างไรก็ดี ในส่วนของค่ายกองทุนบัวหลวง ได้วิเคราะห์ Uncertainty จนเข้าใจ และมั่นใจว่าผลจะออกมาอย่างไร จึงไม่หวั่นไหว และในช่วงที่เป็นข่าวว่ากองทุนทุบหุ้นนั้น กองทุนค่ายบัวหลวงซื้อสุทธิทุกวัน ตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค.59 เพราะเห็นจังหวะที่ดีในตลาด ด้วยราคาหุ้นทรุดต่ำลง เราจึงเพิ่มเงินสดที่มีในพอร์ตเข้าไปซื้อร่วมด้วย รวมแล้วตั้งแต่วันที่ 10 -13 ต.ค.59 กองทุนค่ายบัวหลวงซื้อสุทธิให้กองทุนรวมไปทั้งหมดกว่า 3,800 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ ยังไม่ได้รวมที่เราซื้อสุทธิให้กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

***กองทุนฝรั่งคลายความกังวลความไม่ชัดเจนปัจจัยในประเทศ
นางวรวรรณ ธาราภูมิ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน กล่าวอีกว่ามีผู้จัดการกองทุนหลายประเทศสอบถามเข้ามา เรื่อง Uncertainty เกี่ยวกับองค์รัชทายาท ซึ่งได้ตอบไปว่า ทุกอย่างถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าตั้งหลายปีแล้ว และไม่เคยมีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย เป็นไปตามพระราชอัธยาศัยของ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ทุกประการ แต่ที่รัฐบาลไม่ได้ประกาศออกมาก่อน เพราะเป็นประเพณีและจารีตของไทยมาแต่เนิ่นนานมาแล้ว ดังนั้นอย่าหลงเชื่อการปล่อยข่าวบ่อนทำลายประเทศไทยและสถาบันที่เราเคารพรัก ไม่มีอะไรอย่างที่เป็นข่าวปล่อยเลย รวมทั้งข่าวที่ออกมาจากสำนักข่าวต่างประเทศของพวกท่านด้วย มันเป็นเท็จ
ทางผู้จัดการกองทุนต่างประเทศตอบกลับมาทางอีเมล์ว่าเข้าใจแล้ว และขอแสดงความเสียใจเรื่องการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของคนไทยมาด้วย พร้อมทั้งบอกว่าเรื่องแบบนี้เมื่อ Uncertainty หมดไป ทุกอย่างจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติไปเอง แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาห่วงมากสำหรับอนาคต สิ่งนั้นคือ เขาเริ่ม “กลัวการเลือกตั้ง” ในไทย เขาบอกว่าถ้ามีรัฐบาลจากการเลือกตั้งแล้ว บ้านเราจะมีเสถียรภาพแบบทุกวันนี้ไหม

***หุ้นIPOเดินหน้าเข้าเทรดตามแผน
นางสมฤดี ชัยมงคล กรรมการ บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP เปิดเผยว่า ราคาเสนอขายสุดท้ายของหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) อยู่ที่ 21 บาท จากช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้นที่ 18-21 บาท หลังทำการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ (Book Building) จากนักลงทุนสถาบัน กำหนดระยะเวลาการจองซื้อและการชำระค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนของBPP เพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลทั่วไปและนักลงทุนสถาบัน (รวมถึงผู้ลงทุนในต่างประเทศและนักลงทุนสถาบันที่เป็น Cornerstone Investors ผ่านผู้ซื้อหุ้นเบื้องต้นในต่างประเทศ) ระหว่างวันที่ 18 - 20 ตุลาคม 2559 รวม 3 วันทำการ ในระหว่างเวลา 9.00 น. ถึง 16.00 น.ที่บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) และผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์อื่นๆ โดยจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันที่ 28 ต.ค.นี้
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือMBKET ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการร่วมการจัดหน่ายและรับประกันการจำหน่าย หุ้นบริษัท สหกลอิควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน)หรือ SQ กล่าวว่า SQ เปิดให้จองซื้อหุ้นไอพีโอ ตามแผนวันที่ 14 ต.ค. 59 เป็นวันแรก โดยพบว่านักลงทุนให้ความสนใจมากพอสมควร และจะเปิดให้จองซื้อถึงวันที่ 18 ต.ค.นี้ และ คาดเข้าเทรดในSET วันที่ 25 ต.ค.นี้
ทั้งนี้ SQ เสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก จำนวน 380 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)หุ้นละ 1 บาท
นายนิมิต วงศ์จริยกุล กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด(มหาชน) หรือ SELIC เปิดเผยว่า ผลเปิดให้นักลงทุนจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ของ SELIC จำนวน 80 ล้านหุ้นในราคาหุ้นละ 2.90 บาท เมื่อวันที่ 10-12 ตุลาคม 2559 นั้น นักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อหุ้นบริษัท SELIC เป็นจำนวนมาก โดยมีนักลงทุนที่จองซื้อหุ้น IPO รวมทั้งสิ้น 4,362 ราย ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัท SELIC ด้วยปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง และจะทำการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันที่ 18 ตุลาคม 2559 ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี

***หุ้นไทยกลับมาบวกอย่างแข็งแกร่ง หลังตอบรับข่าวเชิงลบไปแล้ว
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้กำนวยการ ฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน ด้านกลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า หรือระหว่างวันที่ 17-21 ต.ค. คาดว่าจะกลับมามีทิศทางเชิงบวกที่แข็งแกร่งได้อีกครั้ง หลังจากตอบรับข่าวเชิงลบไปแล้วค่อนข้างมาก และนักลงทุนเริ่มหันมาให้น้ำหนักกับปัจจัยพื้นฐานมากขึ้น ขณะเดียวกันราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ในช่วงราคาถูกเหมาะกับการทยอยเข้าซื้อสะสม และผลประกอบการไตรมาส 3 ของกลุ่มธนาคารที่ทยอยประกาศออกมาถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี และบางธนาคารทำได้ดีกว่าที่คาดไว้
สำหรับทิศทางกระแสเงินทุนต่างชาติ แม้นักลงทุนจะกังวลว่าเงินทุนต่างชาติจะไหลออกเพราะเงินบาทอ่อนค่า แต่ส่วนตัวยังมั่นใจว่าต่างชาติมีมุมมองการลงทุนในไทยระยะกลางถึงยาว ซึ่งเชื่อว่าหากเงินบาทเริ่มแข็งค่าขึ้นจะดึงดูดให้มีกระแสเงินทุนกลับเข้ามาได้เป็นระยะ
อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้แนะนำนักลงทุนให้ทยอยเข้าซื้อสะสมเมื่อดัชนีต่ำกว่า 1,400 จุด และในขณะนี้ยังมั่นใจว่าตลาดหุ้นไทยยังสามารถถือครองเพื่อการลงทุนระยะยาวได้ โดยประเมินกรอบดัชนีแนวต้าน 1,493-1,500 จุด และแนวรับ 1,460-1,450 จุด ซึ่งกลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าลงทุนได้แก่ กลุ่มปิโตรเคมีขั้นต้น การบริโภค และพลังงานทดแทน Top Pick คือ PTTEP MC และ BWG ส่วนกลุ่มที่ต้องระมัดระวังคือกลุ่มสื่อ โดยให้เน้นติดตามในช่วง 6 เดือน ต่อจากนี้
ทั้งนี้ เป้าหมายดัชนีหุ้นไทยในปีนี้บริษัทยังคาดว่าจะอยู่ในระดับ 1,515 จุด และในปี 60 ประเมินว่าดัชนีอยู่ในระดับ 1,638 จุด

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com