ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 16 ม.ค.60 ปิดที่ 1,571.80 จุด ลบ 3.44 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 49,057.71 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 940.36 ล้านบาท

หุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด PTTGC ปิด 65.25 บาท บวก 1.75 บาท, JAS ปิด 8.95 บาท บวก 0.15 บาท, PTT ปิด 389 บาท บวก 3 บาท, TASCO ปิด 23.50 บาท บวก 0.30 บาท และ PTL ปิด 19.20 บาท บวก 0.20 บาท

คาดหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวน เพื่อรอถ้อยแถลงนโยบายของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ในวันที่เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ขณะที่มีแรงซื้อหลักหุ้นในกลุ่ม PTT และกลุ่มแบงก์ที่ราคาหุ้นยัง Laggard หลังปีก่อนราคาปรับขึ้นไม่มาก

บล.ธนชาตประเมินดัชนีหุ้นอาจผันผวนมากขึ้น โดยเฉพาะแรงขายแบบ Sell on fact จากการเก็งกำไรที่มีเข้ามานับตั้งแต่หลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดย “ทรัมป์” จะเข้าดำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการวันที่ 20 ม.ค.นี้ ซึ่งจะได้เห็นความชัดเจนของนโยบายต่างๆ

ขณะที่ต้องติดตามราคาน้ำมันว่า OPEC จะลดกำลังการผลิตตามข้อตกลงร่วมกันได้จริงหรือไม่ หากทำได้จริงจะทำให้ราคาน้ำมันมีโอกาสดีดตัวไปที่ระดับ 60 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล แต่กรอบการขึ้นจะจำกัดมากขึ้น เพราะแท่นขุดเจาะ shell oil ในสหรัฐฯ จะกลับมาเปิดแท่นมากขึ้น และเริ่มกลับมาเปิดการผลิตบ้างแล้ว

ดังนั้น เตือนนักลงทุนต้องระมัดระวังความผันผวนของตลาดที่จะมีมากขึ้นก่อนที่ “ทรัมป์” จะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ แต่ยังคาดหุ้นไทยแกว่งผันผวนอิงทางบวก ตราบใดที่ไม่หลุดแนวรับสำคัญที่ 1,568 จุด สัญญาณทางเทคนิคยังดูดี แต่หากหลุดจะเริ่มส่งสัญญาณไม่ดี อาจเห็นการพักฐาน ขณะที่หุ้นไทยปัจจุบัน P/E ระดับ 15 เท่า ถือว่าราคาหุ้นไทยไม่ถูกแล้ว

แนะกลยุทธ์ เลือกเก็งกำไรหุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการโตโดดเด่น (Growth stock) เช่น WORK-IRPC-PLANB-WHA ในลักษณะขึ้นขาย-ลงซื้อ ด้านเทคนิคให้แนวรับ 1,568 จุด แนวต้าน 1,585 จุด

บล.อาร์เอชบี โอเอสเค (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์ประเมินหุ้นกลุ่มแบงก์ปี 60 คาดว่ากำไรจะโตได้ 5% จากปี 59 ซึ่งจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวที่เด่นชัดมากขึ้น จากสินเชื่อที่จะเติบโตตามความต้องการใช้งบประมาณของภาครัฐ ขณะที่การตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญคาดว่าจะลดลงกว่าปีก่อน

แนะกลยุทธ์ลงทุน ทยอยซื้อสะสมเมื่อราคาอ่อนตัว โดยหุ้น Top Pick คือ SCB และ TISCO ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่ที่มีการเติบโตต่อเนื่อง และ TCAP หุ้นเล็กที่ยังมี Upside พอสมควร!!