*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยไม่มีอะไรต้องซีเรียส และไม่มีอะไรต้องดีใจจนเนื้อเต้น เพราะกรอบการลงทุนยังอยู่ที่เดิม ตัวแปรหลายอย่างยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ หรือแม้กระทั่งประเด็นฉาวโฉ่ที่เกิดขึ้นตลอดทั้งสัปดาห์ ล้วนเป็นเรื่องที่ทุกคนเห็นจนชินตาแบบนี้ “โมนิก้า” พูดได้ทันทีว่า อาการกวัดแกว่งไปมาจะดำเนินต่อไปอย่างไม่มีกำหนดนะจ๊ะ

*เนื่องจากผู้เล่นตัวหลักยังยึดติดกับยุทธวิธี “เข้าเร็ว ออกเร็ว” ทำให้การลงทุนในเที่ยวนี้เป็นอะไรที่เข้าใจได้ยากมากๆ เพราะหุ้นหลายตัวถูกดันขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย หลังจากนั้นก็ถูกทุบแบบไม่ทันตั้งตัวเป็นประจำ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของข่าวสารที่เข้ามากระทบกับการลงทุนในแต่ละวัน เปิดช่องให้พวกนกรู้บางกลุ่มเข้ามาแสวงหาประโยชน์ ส่งผลให้คนที่ไม่ทันเกมกลายเป็นเหยื่ออันโอชะไงล่ะค่ะ

*วันนี้ถึงไม่มีความจำเป็นต้องมาถาม “โมนิก้า” ในเรื่องที่ทุกคนรู้กันอยู่แก่ใจว่า เมื่อหลงเข้าไปเล่นเกมของคนอื่น ย่อมมีโอกาสพลาดพลั้งค่อนข้างสูง และการที่ดัชนีตัวลงมาปิด 1,540.80 จุด ลบไป 2.35 จุด ด้วยมูลค่า 4.68 หมื่นล้านบาท เหมือนเป็นการตอกย้ำว่า ตลาดหุ้นกำลังรอความชัดเจนของอะไรบางอย่าง และหนึ่งในเรื่องที่ตลาดหุ้นกำลังให้ความสนใจก็คือ เฟดขึ้นดอกเบี้ยหรือเปล่า? ซึ่งจะเป็นตัวชี้นำการลงทุนในวันนี้นะคะ

*เม้าท์ถึงเรื่องอื่นได้ไม่ทันไร ก็ต้องกลับมาเม้าท์ถึงหุ้นร้อน GL เพื่อบอกเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่มีผลกับหุ้นตัวนี้อีกครั้ง เพราะดูเหมือนพวกปากปีจอจะเงียบกริบกันเป็นแถว หลังเห็นราคาหุ้นแกว่งตัวไปมาแบบ โหด..สาส..รัสเซีย ท่ามกลางข่าวโคมลอยเยอะแยะไปหมด โดยที่หนังสือพิมพ์ “ข่าวหุ้น” ยังคงรายงานข้อมูลตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น มันสะท้อนให้เห็นว่า น่าจะมีไอ้โม่งอยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ

*ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ เร่งรวบรวมข้อมูลการ “เคาะซ้าย เคาะขวา” เพื่อควานหาพวกตัวแสบที่เป็นต้นเหตุให้ราคาหุ้นสวิงสวายจนน่าเกลียด “โมนิก้า” จึงขอยกมือสนับสนุนลากคอคนพวกนั้นออกมาลงโทษ เพื่อทำให้พวกที่ชอบเห่าหอนไปเรื่อยเปื่อยได้รู้ความจริงกันสักที บวกกับพวกนักเลงคีย์บอร์ดที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นบนเฟซบุ๊คข่าวหุ้น ในทางให้ร้ายการทำหน้าที่ของสื่อ ก็หายเงียบไปดื้อๆ เมื่อเห็นราคาหุ้น “ขึ้นสุด ลงสุด” แบบนี้..มันคืออะไร?

*หากทุกคนยังคิดไม่ออก “โมนิก้า” ขอตอบว่า พวกแมงเม่าปีกอ่อนเริ่มรับรู้พฤติกรรมของนักลงทุนรายใหญ่ กับกลุ่มผู้บริหารกำลังมัวเมากับการเล่นข่าวมากเกินไป จึงเข้าใจแล้วว่า การที่หุ้นวิ่งขึ้นไปถึงระดับ 29.50 บาท หรือขึ้นไป 28% หลังจากนั้นราคาหุ้นรูดลงมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมาปิดที่ 16.60 บาท ลบไป 6.40 บาท หรือลงไป 28% มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทำหน้าที่ของหนังสือพิมพ์ แต่เป็นเรื่องของคนบางกลุ่มกำลังหาประโยชน์จากการปั่นหุ้นเจ้าค่ะ

*เม้าท์ถึงเรื่องหนักๆ มาเยอะพอสมควรแล้ว “โมนิก้า” ขอย้อนกลับมาดูคนที่ชอบเสียวเป็นชีวิตจิตใจสักหน่อย และตัวที่เข้าตาสุดๆ ในเที่ยวนี้กลายเป็นน้องเขียว GREEN เพราะอาการที่หุ้นกระชากขึ้นพรวดเดียวมาปิดที่ 1.63 บาท บวกไป 0.15 บาท หรือขึ้นไป 10% ด้วยมูลค่า 105 ล้านบาท มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วถึง 2 ครั้งด้วยกัน แถมทั้ง 2 ครั้งก็เป็นลักษณะเล่นแค่แป๊บเดียวเลิก เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับระวังตัวเป็นพิเศษ หากจะเทขายก็ต้องใช้จังหวะวันนี้แหละค่ะ

*เช่นเดียวกับอาการของ COM7 กระชากขึ้นมาปิดที่ 11 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 5.77% ด้วยมูลค่า 126 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นสถานการณ์ที่ผิดแผกจากธรรมชาติค่อนข้างเยอะ เพราะที่ผ่านมาก็โดนเทขายลงมาเรื่อยๆ วานนี้กลับแสดงกำลังภายในด้วยการสวนภาวะตลาด ทั้งที่ตัวเองกำลังขึ้นมาชนแนวต้านเส้น 10 วันแบบนี้ สงสัยจะยืนระยะไม่นานกระมั้ง..อิอิอิ

*อีกหนึ่งตัวที่มีอาการคล้ายกัน “โมนิก้า” ขอโฟกัสไปที่หุ้น RCI ราคาหุ้นไต่ระดับขึ้นช้าๆ ก่อนจะขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่บริเวณ 4.80 บาท ก่อนจะโดนเทขายอย่างหนักหน่วง 2 วันติดๆ จนล่าสุดลงเอยที่ราคา 3.48 บาท ลบไป 0.66 บาท หรือลงไป 16% ด้วยมูลค่า 220 ล้านบาท พร้อมกับเกิดแท่งเทียนแดง 2 แท่งโดดๆ มันทำให้เชื่อว่า วันนี้น่าจะมีแท่งเทียนแดงเกิดขึ้นบริเวณ 3 บาทอีกหนึ่งแท่งกระมัง!

*ส่วนในรายของ PTG ทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 25.50 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 8.50% ด้วยมูลค่า 513 พันล้านบาท พร้อมกับเป็นการหยุดขาลงอย่างเป็นทางการ “โมนิก้า” ย่อมมีความหวังที่จะได้เห็นหุ้นไต่ระดับขึ้นไปยืนแถว 28 บาท ซึ่งเป็นช็อตต่อเนื่องที่นักเล่นต้องอ่านให้ขาด พร้อมกับกำหนดโพสิชั่นของตัวเองให้ชัดเจนว่า หากไปต่อ..ต้องตาม หากไปไม่ไหว..ต้องถอย ก็เท่านั้นเอง!

*ส่วนหุ้นน้องใหม่เมื่อปีกลายอย่าง SQ ถือเป็นตัวเร้าอารมณ์นักเล่นได้เป็นอย่างดีก็จริง แต่อย่าลืมว่า หุ้นเข้าเขตซื้อมากเกินไปมาระยะหนึ่ง “โมนิก้า” ถึงมีความเชื่อส่วนตัวว่า หุ้นจะย่อตัวก่อนเด้งขึ้นแรง วันนี้ถึงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการลงทุน หากหุ้นไปต่อไม่ไหว ก็จำเป็นต้องถอยฉากกันก่อน เพราะราคาปิดที่ 6 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 4.30% ด้วยมูลค่า 255 ล้านบาท มันเป็น new high นับตั้งแต่เข้าตลาดหุ้นเมื่อปลายเดือน ต.ค. 59 น่ะสิ