March 29, 2024   10:29:33 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > SCC รุกปิโตรฯคอมเพล็กซ์อาเซียน ตุนงบ 3 หมื่นลบ.ซื้อกิจการ
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 27/04/2017 @ 08:37:25
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

"ปูนซีเมนต์ไทย" เดินหน้าลงทุนธุรกิจปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ รองรับความต้องการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอาเซียน ล่าสุดเผยแผนลงทุนในอินโดนีเซีย ระบุอยู่ระหว่างศึกษาร่วมกับ Chandra Asri คาดใช้เวลา 1 ปีได้ข้อสรุปทั้งหมด ขณะที่โครงการปิโตรฯคอมเพล็กซ์แห่งแรกที่เวียดนาม คาดสรุปเม็ดเงินลงทุนกลางปีนี้ เริ่มผลิตปี 65 พร้อมเตรียมเงิน 3-3.5 หมื่นลบ. ใช้ซื้อกิจการปีนี้ ล่าสุดประกาศงบ Q1/60 ทำกำไร 1.74 หมื่นลบ. สูงสุดเป็นประวัติการณ์ มากกว่าตลาดคาด

***ลุยศึกษาปิโตรฯคอมเพล็กซ์แห่งที่ 2 ในอินโดนีเซีย
   บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC โดยนายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ และนายเชาวลิต เอกบุตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายการเงินและการลงทุน ป็นผู้ให้ข้อมูลว่า บริษัทร่วมกับ บริษัท Chandra Asri ซึ่งประกอบธุรกิจปิโตรเคมีที่ประเทศอินโดนีเซีย ศึกษาการลงทุน โครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์แห่งที่ โดย SCC ถือหุ้น 30% เ คาดว่าจะใช้เวลาศึกษา 1 ปี ก่อนได้ข้อสรุป

***ปิโตรฯคอมพล็กซ์แห่งแรก ในเวียดนาม เริ่มผลิตปี 65
   แผนการลงทุนโครงการปิโตรเคมีครบวงจร ที่ประเทศเวียดนาม ขณะนี้บริษัท อยู่ระหว่างการสรุปรายละเอียดเม็ดเงินลงทุนกับพันธมิตรผู้ร่วมทุน ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปกลางปีนี้ และใช้เวลาก่อสร้าง 5 ปี โดยเริ่มผลิตได้ในปี 65 โดยที่ผ่านมาบริษัท ได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุน เป็น 71%ในโครงการ Long Son Petrochemical
  “การที่เอสซีจีได้กำหนดวิสัยทัศน์ เข้าไปดำเนินธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน ทำให้มองเห็นศักยภาพ และโอกาสการเติบโตที่ดี โดยขณะนี้โครงการลงทุนในอาเซียนมีความชัดเจนและคืบหน้าไปมาก ล่าสุดเอสซีจีได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนเป็นร้อยละ 71 ในโครงการ Long Son Petrochemicals ซึ่งเป็นโครงการปิโตรเคมีครบวงจรแห่งแรกของประเทศเวียดนามตั้งอยู่ในจังหวัดบาเรียหวุงเต่า อยู่ใกล้กับนครโฮจิมินห์ซึ่งเป็นตลาดหลัก และเป็นเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศที่มีอัตราการเติบโตที่ดีในอนาคต ซึ่งโครงการฯ นี้มีการนำเทคโนโลยีชั้นสูง และทันสมัยที่มีมาตรฐานด้านสุขภาพ ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อมในระดับสากล มาใช้ในกระบวนการผลิต โดยผลิตภัณฑ์ที่ได้จะสามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศเวียดนาม และในภูมิภาคอาเซียน ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการสรุปรายละเอียดกับพันธมิตรผู้ร่วมทุน"

***ซื้อกิจการในอาเซียนต่อเนื่อง
   บริษัทยังหาโอกาสซื้อการในอาเซียนต่อเนื่อง ทั้งธุรกิจเคมีภันฑ์ บรรจุภันฑ์ และปูนซีเมนต์ โดยในปี 60 บริษัทตั้งงบลงทุนและเงินลงทุนราว 60,00-70,000 ล้านบาทท ซึ่ง 50% จะใช้ในการซื้อการ ที่เหลือในการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต

*** งบไตรมาส 1/60 แจ่ม กำไร 1.7 หมื่นลบ.สูงเป็นประวัติการณ์
   SCC แจ้งผลประกอบการไตรมาส 1/60 มีกำไรสุทธิ 17,386 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของธุรกิจเคมีภัณฑ์ ประกอบกับมีกำไรในรายการที่ไม่เกิดขึ้นเป็นประจำสุทธิภาษีประมาณ 1,900 ล้านบาท มี EBITDA เท่ากับ 28,108 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของธุรกิจเคมีภัณฑ์ โดยมีรายได้จากการขายเท่ากับ 116,268 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากราคาขายของสินค้าเคมีภัณฑ์สูง แบ่งเป็น รายได้จากธุรกิจที่มีฐานการผลิตในภูมิภาคอาเซียนและจากการส่งออกไปยังอาเซียน 25,918 ล้านบาท คิดเป็นร้ 23% ของรายได้รวม ใกล้เคียงกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เอสซีจี เคมิคอลส์ มีรายได้จากการขาย 54,271 ล้านบาท เพิ่ม 14% จากปีก่อน เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง มีรายได้จากการขาย 44,824 ล้านบาท ลดลง 2% จากปีก่อน และเอสซีจี แพคเกจจิ้ง มีรายได้จากการขาย 19,841 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อน
  บริษัทคงเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 5-10% จากปีก่อนมีรายได้ 4.23 แสนล้านบาท เนื่องจาก ธุรกิจปิโตรเคมี บรรจุภันฑ์ยังดีอยู่ แม้ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศยังไม่ฟื้น แต่บริษัทรับรู้รายได้โรงงานปูนซีเมนต์ที่เมียนมา ที่เริ่มผลิตในเดือนม.ค.และโรงงานปูนซีเมนต์ที่ สปป.ลาว เริ่มผลิตใน มี.ค. รวมถึงบริษัทซื้อกิจการโรงปูนซีเมนต์ในเวียดนาม
   โดยประเมินความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศไทยปีนี้คาดไม่ถึงเป้าที่ตั้งไว้คาดเติบโต 1-3% หลังไตรมาส 1/60 ความต้องการมใช้ปูนซีเมนต์ลดลงถึง 7% จากผลกระทบน้ำท่วมภาคใต้ และตลาดซีเมนต์ในประเทศยังไม่ฟื้นตัว จากการลงทุนด้านการก่อสร้างต่ำกว่าปีก่อน รวมถึงการแข่งขันรุนแรง คาดใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือนประเมินสถานการณ์ เพื่อประเมินความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ปีนี้

***ผลงานดีกว่าตลาดคาดการณ์
  บทวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ออกมาก่อน SCC แจ้งงบไตรมาส 1/60 ) ระบุ ผลรดำเนินงาน SCC ใน 1Q60 อาจสูงที่เราคาดการณ์ จาก 1.58 หมื่นล้านบาทได้ เพราะตัวแปรสำคัญคือ ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีเป็นสำคัญ หากธุรกิจปิโตรเคมีออกมาดีกว่าคาด ย่อมเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อ PTTGC มีโอกาสรายงานกำไรสุทธิดีกว่าคาด และเอื้อต่อ PTT ในท้ายที่สุด หากเป็นไปตามที่คาด SET INDEX มีโอกาสฟื้นตัวทดสอบด่าน 1,570 จุด +/- อีกครั้ง ด้วยแรงผลักดันของเงินทุนต่างชาติเป็นสำคัญ
  แนะนำ เก็งกำไร ราคาเหมาะสม 600.00 บาท โดย SCC จะรายงานผลประกอบการ หากงบออกมาดีตามคาด เชื่อว่าจะเป็น Catalyst ช่วยหนุนให้ SET INDEX ฟื้นตัวได้ โดยคาดการณ์กำไรสุทธิ 1Q60 ที่ 15,750 ล้านบาท +16% yoy และ +28% qoq และ จุดแข็งของ SCC คือ ความครบวงจรของธุรกิจทั้งปูนซีเมนต์ และปิโตรเคมี และมีนโยบายเชิงรุกเพื่อขยายตลาดในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง โดยเข้าซื้อธุรกิจปูนซีเมนต์ในเวียดนาม กำลังการผลิต 3.1 ล้านตัน ในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้การผลิตปูนซีเมนต์รวมเพิ่มขึ้นเป็น 33 ล้านตัน แบ่งเป็นในประเทศ 23 ล้านตัน และนอกประเทศ 10 ล้านตัน นอกจากนี้ Valuation น่าสนใจ ระดับ PER2560 ที่ 12.6 เท่า และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสม่ำเสมอปีละ 3.3%
  บล.เคจีไอ ให้ราคาพื้นฐาน 640 บาท โดยฝ่ายวิจัยฯ ประเมินกำไร 1Q60 เติบโต +7.8% QoQ เป็น 1.33 หมื่นล้านบาท และแนวโน้ม Earnings momentum ดีต่อเนื่องในไตรมาสที่เหลือของปีจาก Spread ปิโตรเคมี และดีมานด์วัสดุก่อสร้างที่จะเป็นบวกในปีนี้ ตามการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐฯ + เศรษฐกิจที่ฟื้นตัว 2) ประเมินกรอบ แนวรับ – แนวต้าน 540 – 560 บาท (Stop loss 538 บาท)


เรียบเรียง ประน้อม บุญร่วม

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com