ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 17 พ.ค.60 ปิดที่ 1,548.29 จุด เพิ่มขึ้น 1.94 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 50,634.68 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,259.82 ล้านบาท

หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด AOT ปิด 42 บาท บวก 0.75 บาท, EARTH ปิด 2.30 บาท ลบ 0.12 บาท, CPF ปิด 24.50 บาท ลบ 0.50 บาท, CPALL ปิด 65 บาท บวก 0.25 บาท และ BDMS ปิดที่ 18.80 บาท ลบ 0.50 บาท

ดัชนีหุ้นไทยรีบาวน์ทางเทคนิค แต่เป็นแรงซื้อแบบเลือกกลุ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในหุ้นพลังงานและปิโตรเคมี หลังราคาน้ำมันโลกดีดตัวขึ้นมายืนเหนือระดับ 50 เหรียญต่อบาร์เรลได้อีกครั้ง รวมถึงมีแรงเก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าจะถูกนำเข้าคำนวณในดัชนี SET50 และ SET100

บล.โนมูระ พัฒนสิน คาดทิศทางหุ้นไทยแกว่งตัวบวกขึ้นต่อ นำโดยหุ้นพลังงานตามทิศทางราคาน้ำมันโลกดีดตัว และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่าลงส่งผลบวกต่อราคาน้ำมัน ขณะที่นักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนสถาบันในประเทศเป็นผู้เล่นหลัก โดยนักลงทุนสถาบันเริ่มเปลี่ยนจากฝั่งขายมาเป็นฝั่งผู้ซื้อบ้างแล้ว

แนะกลยุทธ์การลงทุน เก็งกำไรหุ้นพลังงาน PTT และหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการกลั่น นำโดย SPRC-IRPC-BCPG และหุ้นที่คาดว่าจะถูกนำไปคำนวณดัชนี SET50 อย่าง MTLS-WORK

ด้านเทคนิคประเมินแนวรับไว้ที่ 1,542-1,536 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,558-1,563 จุด

มีข่าวเครดิตสวิส โดย “ทิพพา ปราณีประชาชน” ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง เครดิต สวิส ประจำประเทศไทย เผยว่า ปีที่ผ่านมาได้เห็นเทรนด์การบริหารความมั่งคั่งและการลงทุนที่ชัดเจนในกลุ่มลูกค้าในประเทศไทย ที่เมื่อก่อนไม่เคยลงทุนนอกประเทศ กำลังหันมาลงทุนในตลาดต่างประเทศ เนื่องจากเงินบาทแข็งค่า และความต้องการที่จะลงทุนในหลักทรัพย์ที่หลากหลายมากขึ้น

และการปรับปรุงเกณฑ์ด้านการลงทุนที่เปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนประเภท ultra-high net worth investors สามารถลงทุนในหลักทรัพย์ทางเลือกได้มากขึ้น เช่น Private Equity, Hedge Funds ทำให้กลุ่มลูกค้าผู้ลงทุนรายใหญ่ของเครดิต สวิสในประเทศไทย สนใจลงทุนสินทรัพย์ทางเลือกใหม่ๆ โดยเฉพาะการลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ระดับโลกมากขึ้น!!

อินเด็กซ์ 51